น้ำพราว - สุเชฏฐ์
แม้จะเป็นหนุ่มปักษ์ใต้แท้ๆโดยกำเนิด และครอบครัวมีธุรกิจดีลเลอร์รถยักษ์ใหญ่อยู่ปัตตานี แต่ “สุเชฏฐ์ สุวรรณมงคล” เจ้าของและผู้อำนวยการบริหาร โรงแรม ดาราเทวี เชียงใหม่ วัย 56 ปี ก็หลงใหลในเสน่ห์ของศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมล้านนาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ถึงขนาดประกาศว่า ชีวิตนี้ขอตายที่เชียงใหม่ เพื่อสืบสานมรดกความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรล้านนา โดยมีลูกสาวคนโต “น้ำพราว สุวรรณมงคล” เป็นมือขวาช่วยแบ่งเบาภาระหนักอึ้งของบิดา และร่วมกันพลิกโฉมหน้าโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ บนเนื้อที่กว่า 150 ไร่ ให้กลับมามีจิตวิญญาณแห่งความเป็นล้านนาอีกครั้ง แต่ยังคงรักษาความมีเอกลักษณ์ และมาตรฐานการให้บริการระดับโลกไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
จับพลัดจับผลูมาทำธุรกิจโรงแรมหรู 5 ดาว ได้อย่างไร
สมัยก่อนผมเป็นดีลเลอร์ขายรถอีซูซุใหญ่ที่สุดในภาคใต้ แต่ตอนหลังแยกตัวจากครอบครัวออกมาทำธุรกิจโรงแรม เพราะผมชอบเชียงใหม่ หลงใหลในอารยธรรมของล้านนา ตอนแรกผมเริ่มทำร้านอาหารเล็กๆก่อน ชื่อว่า “เลอ กรองด์ ล้านนา” ทำอยู่ 2 ปี จึงค่อยๆขยับขยายมาสร้าง อาณาจักรโรงแรมตามความฝัน
ตอนนั้นตั้งใจสร้าง “ดาราเทวี เชียงใหม่” ให้อลังการขนาดไหน
ผมได้แรงบันดาลใจจากเอกลักษณ์ของศิลปะทางสถาปัตยกรรมทั่วทุก มุมโลก ซึ่งเดินทางไปสัมผัสมา และได้บันทึกภาพไว้ด้วยกล้องคู่ใจ ไม่ว่าจะเป็น เทศกาลหน้ากากเมืองเวนิส หรือแม้แต่ดินแดนอารยธรรมต่างๆในเอเชีย, อินเดีย และมองโกเลีย โดยตอนสร้าง “ดาราเทวี เชียงใหม่” ผมฝันอยากสร้างเมือง โบราณที่ฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ แต่อยู่ได้จริง ภายในเมืองมีทั้งวัง, วัด, บ้านขุนนาง, บ้านชาวนาชาวไร่, ทุ่งนา และหนองน้ำ คือมีครบทุกอย่าง ในเมืองเมืองหนึ่งผมใช้เวลา 6 ปีกว่าจะสร้างเสร็จ และเปิดให้บริการมา 8 ปีแล้ว ผมอยากนำเสนอ เสน่ห์ของเมืองเหนือ วัฒนธรรมล้านนาที่เข้มข้น อยากสร้างโรงแรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ขณะเดียวกัน ก็มีบริการที่ได้มาตรฐานระดับโลก บนพื้นที่กว่า 150 ไร่ เราทำห้องพักแค่ 123 ห้อง มีทั้งห้องพักวิลล่าที่สร้างจากไม้สักทั้งหลัง และห้องสวีตที่ตกแต่งอย่างโก้หรู ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามของสวนสวยเมืองร้อน และผืนนาเขียวขจีที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า มีต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ถึง 6,800 ต้น ไม่ว่าจะมาโรงแรมฤดูไหนก็ได้ชมความสวยงาม และสีสันของต้นไม้ไม่ซ้ำกันเลย ผมเลือกต้นไม้หลากหลายประเภท บางพันธุ์ ออกดอกเฉพาะ หน้าฝน บางพันธุ์ออกดอกเฉพาะหน้าร้อน บางพันธุ์ส่งกลิ่นหอมช่วงเช้า อีกพันธุ์ส่งกลิ่นหอมตอนดึก ฉะนั้นโรงแรมจะเปลี่ยนกลิ่นเปลี่ยนสีเปลี่ยนอารมณ์ตลอดเวลา ส่วนไฮไลต์ของโรงแรมคือสปา ผมยืมแรงบันดาลใจจากพระราชวังมัณฑะเลย์ของพม่า ใช้เวลาสร้างอยู่นาน 3 ปี
ยุคแรกๆมีเสียงลือว่าผีดุ และบรรยากาศวังเวงเหมือนวัด ยากไหมกว่าจะทำให้คนรัก “ดาราเทวี เชียงใหม่”
คงเพราะเราลง ต้นไม้ใหญ่เยอะมาก, กำแพงรอบโรงแรมก็ปล่อยให้ตะไคร่ขึ้นเหมือนเมืองเก่าจริงๆ และยังมีของเก่าของโบราณอยู่เยอะ แต่ข้างในห้องพักเราทำเนี้ยบครับ มันอาจจะวังเวงนิดหนึ่ง เพราะพื้นที่กว้างกว่า 150 ไร่ แต่เราทำห้องพักแค่ 123 ห้อง เท่ากับห้องหนึ่งมีพื้นที่ไร่ครึ่ง แต่ผมไม่เคยเจอผีนะครับ ผมไม่คิดว่ามี ผมเชื่อตลอดว่าความงามคือความดี ถ้าใจเรางามซะอย่าง ไม่เจอผีหรอกครับ
กว่าจะเนรมิตเมืองขึ้นมาเมืองหนึ่ง ต้องลงทุนมหาศาลขนาดไหน และถึงจุดคุ้มทุนหรือยัง
(ส่ายหน้า) ผมลงทุนไปหลายพันล้านบาทครับ เจ็บตัวมาเยอะ ขาดทุนตลอด!!
ทำไมตัดสินใจแยก ทางกับเครือโรงแรมใหญ่ของโลกอย่าง “แมนดาริน โอเรียนเต็ล”
ร่วมมือกันมา 8 ปีแล้ว เราก็อยากทำอะไรแบบที่อยากทำบ้าง อยากทำให้โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ กลับมาเหมือนเดิมมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นวิชั่นตั้งแต่แรกที่ผมคิดไว้ ผมเข้าใจ “แมนดาริน โอเรียนเต็ล” นะครับ ก็ต้องรักษาภาพลักษณ์เช่นโรงแรมหรูเอาไว้ หลายเรื่องเขาจึงเสี่ยงไม่ได้ เช่น เราถามว่าควายเผือกในทุ่งนาทำไมไม่ให้เด็กๆขี่ล่ะ ทางโอเรียนเต็ลก็จะบอกว่าไม่ได้หรอกมันอันตรายเกินไป หรืออย่างเราจะทำแฟนเพจเหมือนทุกวันนี้ ทางโอเรียนเต็ลก็กลัวถูกคอมเพลน จึงไม่อยากให้ทำ พอแยกกันแล้ว ร้านเบเกอรี่ “เค้ก ช็อป” ขายดีมาก คนต่อคิวรอซื้อขนม “มาการอง” ของโรงแรมแน่นทุกวัน เพราะเราสามารถโปรโมตผ่านแฟนเพจ ซึ่งมีคนมากดไลค์เกือบแสน
มาตรฐานการบริการของ “ดาราเทวี เชียงใหม่” ยุคใหม่จะดร็อปลงไหม
เรายืนยันว่า “ดาราเทวี เชียงใหม่” ยุคใหม่ จะยังคงรักษามาตรฐานความเนี้ยบไว้เหมือนเดิมทุกอย่าง ค่าห้องก็ยังขายราคาเดิม หรือมีแต่จะแพงขึ้น!! คือเราไม่ได้ขัดแย้งกัน แต่มีวิชั่นไม่ตรงกันมากกว่า ในเมื่อโรงแรมเราดีไซน์มาให้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครขนาดนี้ ดีเทลทุกอย่างในโรงแรมก็ต้องมีจิตวิญญาณเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครด้วย ไม่ใช่กลายเป็นจิตวิญญาณของ “แมนดาริน โอเรียนเต็ล ฮ่องกง” แต่ในมุมกลับกันก็ต้องยอมรับว่า ถ้าโรงแรมนี้ผมเปิดเองทำเองตั้งแต่แรกโดยไม่มี “แมนดาริน โอเรียนเต็ล” มาบริหารให้ก็คงไม่โด่งดังไปทั่วโลกขนาดนี้ เพราะผมไม่มีเน็ตเวิร์กที่จะเข้าถึงพวกเศรษฐีโลก หรือท่านบารอน
ถาม “คุณน้ำพราว” บ้างนะคะ เข้ามาช่วยคุณพ่อแบ่งเบาภาระด้านไหน
(น้ำพราว) หลังเรียนจบปริญญาโท ด้านการโรงแรม ที่ซีซาร์ ริตซ์ ยูนิเวอร์ซิตี้ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็เข้ามาช่วยงานคุณพ่อที่โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ โดยคุณพ่อไว้วางใจให้เป็นเอ็มดีดูแลการบริหารโรงแรมทั้งหมด โรงเรียนสอนมาไม่ได้ใช้เลยคะ ธุรกิจโรงแรมมีปัญหาใหญ่อยู่ที่คน เรามีพนักงาน 400 กว่าคน ก็มีปัญหาจุกจิกเยอะ และการทำโรงแรมยังเป็นงานบริการที่มีรายละเอียดซับซ้อนมากก็ต้องแก้ปัญหากันทุกวัน ในฐานะผู้อำนวยการบริหารบริษัทโรงแรมดาราเทวี จำกัด ตั้งเป้าว่า ในอนาคตอยากสร้างโรงแรมของเราให้เป็นโรงแรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นได้มาตรฐานระดับโลก ทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนซาบซึ้งถึงความงดงาม และได้สัมผัสประสบการณ์แห่งวัฒนธรรมล้านนาในอดีต
ลูกค้าหลักๆของโรงแรมเป็นชาติไหน
(น้ำพราว) ลูกค้าหลักๆตอนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนค่ะ รองลงมาคือคนไทย และยุโรป ส่วนอเมริกันแทบไม่มีเลย ญี่ปุ่นก็น้อยเหมือนกัน โลกเปลี่ยนไปหมดแล้ว
ให้บริการแขกเยอะหลากหลายประเภท มีเรื่องสนุกๆเล่าสู่กันฟังไหมคะ
(น้ำพราว) มีแขกเศรษฐีชาวอินเดียมาพักที่โรงแรม และรีเควสขอให้เสิร์ฟแต่น้ำมะพร้าวสด เพราะไม่ดื่มน้ำชนิดอื่นเลย จนเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมะพร้าว พนักงานโรงแรมต้องวิ่งวุ่นหาซื้อน้ำมะพร้าวมาเพิ่มเพื่อให้บริการ คือแขกอยากได้อะไรเราก็ต้องจัดให้ได้ตามต้องการก็วิ่งกันสนุกสนาน เลยค่ะ หรืออีกเคสเป็นแขกเศรษฐีชาวเยอรมัน พนักงานโรงแรมตั้งฉายา ให้ว่า “มร.1,000” ไม่ว่าเดินสวนกับพนักงานโรงแรมที่ไหนก็จะควักแบงก์พันขึ้นมาทิป คือทิปไปตลอดทางไม่มีเว้น จนจีเอ็มโรงแรมสมัยนั้น ออกคำสั่งพนักงานว่าถ้าเห็นแขกคนนี้อยู่ที่ไหนห้ามเดินสวนเด็ดขาด เพราะเกรงใจแขกจะทิปไม่หยุด เรามีแขกประจำเยอะมากกลับมาพักแล้วพักอีก 10 กว่าครั้ง สูงสุดเคยพักกับเรา 18 หน มีแขกเศรษฐีชาวเยอรมันคนหนึ่งน่ารักมาก จะฝากเงินทิ้งไว้ปีละหนึ่งล้านบาท เพราะขี้เกียจพกเงิน บินมาพักกับเราปีละหลายหน พอเงินที่ฝากไว้ใกล้หมดจะเติมเงินให้ครบล้านบาท ส่วนแขกแสบๆก็มีเยอะค่ะ ประเภทเช็กอินสองคน แต่พอตีสองตีสามขนเพื่อนมาเป็นกลุ่มเลย พอเราจับได้ก็ย้อนว่าโรงแรมรักษาความปลอดภัยไม่ดีปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้อง หรือเมื่อเร็วๆนี้ แขกมาพักเช็กอินสองคน แต่ตอนเช้ามีเพื่อน โผล่มาหา 2 คน นั่งกินเบรคฟาสต์ด้วยเฉยเลย พอพนักงานเราจะเก็บสตางค์ กลับไม่ยอมจ่าย!!
ในฐานะคนปลุกปั้นมากับมือ “ดาราเทวี เชียงใหม่” ยุคใหม่จะน่าตื่นตา ตื่นใจขนาดไหน
โรงแรมเราคิดนอกกรอบไม่เหมือนคนอื่น มาตั้งแต่ต้น สิ่งที่ผมจะทำต่อไปก็คือ ฟื้นฟูจิตวิญญาณของ “ดาราเทวี เชียงใหม่” กลับมาอีกครั้ง ทำให้โรงแรมของเรามีชีวิตชีวาเหมือนเมืองจริงๆ มีคนมาเกี่ยวข้าวทำนา, ร่ายรำทำเพลง, มีเสียงกบเขียดร้อง, มีเสียงน้ำไหล, มีนกร้อง, มีควาย มีม้าเดินไปมา, มีตลาดขายของและมีงานวัด เราต้องเปลี่ยนใหม่หมดให้มีความเป็นล้านนาจริงๆ อย่างเรื่องอาหารการกินในโรงแรมก็ต้องนำเสนอเสน่ห์ความเป็นล้านนาจริงๆ ไม่ใช่เอาแต่ขายเมนูแพงๆ แขกต่างชาติที่มาพักโรงแรมเรารวยกัน อยู่แล้ว พวกเขามาเที่ยวเมืองไทยก็อยากสัมผัสอะไรที่เป็นไทยจริงๆ มีอย่างที่ไหนครับ ปลาฉู่ฉี่แบบคนไทยกินกันจานละ 200 บาท เขาเปลี่ยนเป็นปลาสเตอร์เจียนฉู่ฉี่ จานละ 1,800 บาท จากเนื้อโคขุนย่างจิ้มแจ่ว แบบชาวบ้าน จานละ 300 บาท เขาก็เปลี่ยนเป็นเนื้อย่างวากิวจานละ 1,200 บาท ต้มยำกุ้งธรรมดาที่แสนอร่อย ก็ถูกเปลี่ยนเป็นต้มยำกุ้งล็อบสเตอร์แพงหูฉี่ อะไรแบบนี้ แล้วใครจะอยากมาพักที่ดาราเทวี
มาถึงวันนี้ เชียงใหม่เปลี่ยนโฉมหน้าไปเยอะไหม
เจริญมากครับ ตอนนี้คนกลับมาเห่อเชียงใหม่แล้ว หลังจากดร็อปมาหลายปี ตอนนี้มีโรงแรม, ห้างสรรพสินค้า และคอนโดแบรนด์ใหญ่ๆจากกรุงเทพฯก็ขึ้นมา เปิดโครงการกันหมดแล้ว เชียงใหม่ยังโตได้อีกเยอะ รถติดทุกวัน แต่ก็ยังมีเสน่ห์และสีสันแบบล้านนา
สำหรับ “คุณสุเชฏฐ์” ตอนนี้มีความเป็น คนล้านนากี่เปอร์เซ็นต์
ผมอยู่เชียงใหม่มาเป็นปีที่ 15 แล้ว ผมขอตายอยู่เชียงใหม่ล่ะครับ คงไม่กลับไปตายที่ปัตตานีแล้ว!! มันเป็นจังหวะชีวิตของผมที่ได้มาอยู่เชียงใหม่ ผมอยากฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมล้านนาให้กลับคืนมาอีกครั้ง ผมภูมิใจที่ได้บุกเบิกสร้างโรงแรมสไตล์นี้เป็นคนแรกในเชียงใหม่ จนทุกวันนี้มีโรงแรมคอนเซปต์แบบนี้เกิดขึ้นมากมาย เพียงแต่คนบุกเบิกก่อนต้องเจ็บตัวก่อนเท่านั้นเอง (หัวเราะ).
...
ทีมข่าวหน้าสตรี