อิจฉากันไปทั่วบ้านทั่วเมืองกับความรวยซุปเปอร์รวยของ คุณนายปุ๋ง-ดารณี อยู่วิทยา ภรรยามหาเศรษฐีเรดบูล "เฉลิม อยู่วิทยา" ซึ่งนิตยสารฟอร์บส์จัดให้เป็นตระกูลบิลเลียนแนร์ที่รวยที่สุดของเมืองไทยต่อเนื่องกันหลายปี.. 
"ไม่ได้ไฮโซอะไรเลย เป็นคนไม่ชอบออกงานด้วยซ้ำ ถ้าไม่สนิทกันจริงก็จะไม่ไป ชอบทำตัวโลว์โพรไฟล์ อย่างที่เดินทางไปอังกฤษบ่อยๆ ก็เพราะต้องไปดูแลบ้านที่โน่น ไม่ได้ไปช็อปปิ้ง...ส่วนที่คนลือว่าชอบดริงค์ ชอบปาร์ตี้ ก็ไม่ได้ขนาดนั้น นานๆจะสังสรรค์ที แต่ต่อให้ปาร์ตี้ดึกขนาดไหน "ปุ๋ง" ก็ไม่เคยตื่นสาย พอ 6 โมงเช้า ต้องตื่นแล้ว เป็นคนนอนน้อย วันหนึ่งแค่ 5-6 ชั่วโมงก็อิ่มแล้ว "พี่เหลิม" จะทราบดีว่า ภรรยาเป็นคนตื่นเช้ามากและชอบเดินตลาด เดินซื้อโน่นซื้อนี่ ดูชีวิตแม่ค้าแม่ขาย อย่างเวลาไปพักผ่อน ที่บ้านบ่อจืด หัวหิน ก็ชอบไปเดินตลาดชะอำช่วงวันเสาร์ เลือกซื้อผัก ซื้อพริกให้แม่ครัวปรุงอาหาร "คุณเฉลิม" เองก็ติดดินมาก ตื่นเช้าและมีวินัยสูง ชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนกัน"...คุณนายเรดบูลบอกเล่าถึงตัวตนที่แท้จริง ที่ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ความเป็นไฮโซซึ่งถูกยัดเยียดอยู่ตลอดเวลา 
ชีวิตวัยเด็กของ "คุณปุ๋ง" เติบโตมาแบบคุณหนูไหมคะ
(ส่ายหน้า) คุณพ่อเป็นทหารอากาศ เดินทางไปเมืองนอกบ่อยเพราะเป็นทหารติดต่อ ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้านคอยดูแลลูกๆ "ปุ๋ง" มีพี่น้อง 6 คน ผู้ชายและผู้หญิงอย่างละ 3 คน ตัวเองเป็นลูกสาวคนโต มีพี่ชายคนหนึ่ง ตั้งแต่เล็กๆจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ไม่สบายบ่อยมาก ปีหนึ่งต้องนอนโรงพยาบาล 2-3 อาทิตย์ เพราะเป็นโรคหอบหืด เป็นชนิดที่อาการหนักมาก หัวใจเต้นแรง เหนื่อยง่าย บางครั้งก็หายใจไม่ออกเอาดื้อๆ ทุกคืนก่อนนอนต้องใช้ยาพ่นช่วย เป็นที่รู้กันว่า "ปุ๋ง" อ่อนแอที่สุดในบ้าน คุณพ่อเลยห่วงเป็นพิเศษ ไม่ยอมให้ไปไหนมาไหนเอง ต้องมีคนขับรถของ ทอ.คอยรับส่ง กลายเป็นคุณหนูโดยปริยาย ชีวิตวัยเด็กไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ เพราะเข้าๆออกๆแต่โรงพยาบาล ทั้งๆที่เรียนเก่ง แต่ก็ไม่จบมหาวิทยาลัย เนื่องจากสุขภาพไม่อำนวย

ดูจากภายนอกไม่ทราบเลยว่าเป็นคนขี้โรค
เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะ เพราะลุกขึ้นมาออกกำลังกาย ถีบจักรยานในบ้าน วิ่งบนลู่วิ่งและเล่นโยคะ ช่วยให้อาการดีขึ้นมาก เริ่มออกกำลังกายตั้งแต่ไปอยู่ที่อังกฤษกับ "พี่เหลิม" เพราะอาการทรุดหนักมาก คือจะแพ้และน้ำตาไหลไม่หยุด เคยเป็นหนักขนาดอาเจียนไม่หยุด ตัวบวมฉึ่งจนต้องตามหมอมาบ้าน ก็ให้ทานยา แค่คืนเดียวน้ำหนักหายไปตั้งหลายกิโล เพราะทานอะไรไม่ได้เลย ทานเข้าไปแล้วจะอาเจียนออกหมด "พี่เหลิม" นึกว่า ไม่เป็นอะไรมาก แต่เราบอก...พ่อหายใจไม่ออก!! หมอก็บอกว่าภรรยาคุณติดเชื้อนะ ยังโชคดีที่ไม่ลงปอด ตอนนั้นกลัวมาก กลัวหายใจไม่ออก... เดี๋ยวตายไม่ฟื้น (หัวเราะ) มันทุรนทุรายมาก
ตอนนั้นไปทำอะไรที่อังกฤษ
"พี่เหลิม" ไปตั้งแต่เล็กๆค่ะ เลยชอบชีวิตที่อังกฤษ ตั้งใจส่งลูกชายคนกลาง "ปอร์เช่" ไปคนแรกตั้งแต่ 10 ขวบ ปรากฏว่าลูกสาวคนโตคือ "แชมเปญ" รู้เรื่อง เข้าจัดแจงบอกเพื่อนๆว่าเดี๋ยวจะลาออกแล้วนะ จะไปเรียนเมืองนอก โรงเรียนยังไม่ได้เตรียมให้ด้วยซ้ำ เลยตกกระไดพลอยโจน ตอนนั้น อายุแค่ 12 ขวบ ก็เลยต้องเอาไปด้วยกันทั้งคู่ ไปอยู่โรงเรียนประจำนอกเมือง ขับรถจากตัวเมืองลอนดอนไป 2 ชั่วโมง จำได้ว่าระหว่างทางไปโรงเรียน จะมีป้ายเขียนว่าระวังวัววิ่งผ่าน พอไปส่งลูก ขับผ่านป้ายวัวทีไร "ปอร์เช่" จะร้องไห้ใหญ่โต จน "พี่เหลิม" ต้องขู่ว่า ถ้าร้องอีก พ่อแม่ไม่บินมาเยี่ยมแล้วนะ
ไกลกันคนละซีกโลกแบบนี้ ไม่คิดถึงลูกแย่หรือคะ
(พยักหน้า) เกิดมาไม่เคยจากลูกเลย แต่จำเป็นต้องกลับเมืองไทย เพราะ "คุณเฉลิม" ต้องช่วยธุรกิจคุณพ่อ พอส่งลูกเสร็จกลับมาเมืองไทย ได้ 2 อาทิตย์ นั่งทานข้าวอยู่ด้วยกัน จู่ๆน้ำตาก็ไหลพรากทั้งคู่ เดี๋ยวๆก็ คิดถึงลูก ต้องชวนกันบินไปเยี่ยมทุกเดือน และกลายเป็นทุกสองอาทิตย์ จนทนไม่ไหว!! พอทางโน้นแจ้งข่าวว่า "ปอร์เช่" เป็นน้ำท่วมปอด ซ้อมวิ่ง อยู่ดีๆก็ฟุบลงไปกับพื้น เรางี้ใจเสียเลย รีบบินไปหาลูก หมอตรวจอยู่นาน ถึงได้รู้ว่าเป็นปานที่ปอด มีอยู่แค่หนึ่งในล้าน สงสารลูกมาก น้ำหนักหายไป 10 กว่ากิโล ก็ไปรับตัวกลับมารักษาที่เมืองไทย จนหายดีแล้ว เลยตัดสินใจตามไปอยู่ดูแลลูกที่อังกฤษ "พี่เหลิม" บอกว่า ถ้างั้นไปกันหมด ทั้งบ้านดีกว่า เอาลูกชายคนเล็ก "น้องบอส" ไปเรียนที่อังกฤษด้วย จะได้ไม่ต้องพะวงสองทาง พอดี "คุณเฉลิม" ได้รับมอบหมายให้ดูแลการขยายธุรกิจ "เรด บูล" ในต่างประเทศ ก็เลยเก็บกระเป๋าไปทั้งครอบครัว 
ชีวิตที่อังกฤษสนุกสนานแค่ไหน
วุ่นวายมาก ต้องทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัว 10 กว่าปี ทำเองหมดทุกอย่าง เพราะไม่มีคนใช้ แต่เราแฮปปี้ที่ได้ทำเพื่อลูก ก็อยู่กันเป็นแฟมิลี่จริงๆเหมือนฝรั่ง ต้องล้างจานเอง (หัวเราะ) ดูดฝุ่น ทำที่นอน ซักผ้าก็ใช้ เครื่องนะ แต่รีดนี่ทำเอง ชอบรีดผ้า พอลูกๆกลับจากโรงเรียน บอกคุณแม่ อยากทานโน่นทานนี่ เอาไงดีล่ะ ชีวิตนี้ไม่เคยเข้าครัวทำอาหาร ก็ต้องทำเพื่อลูกไปซื้อตำราทำกับข้าวแล้วลองลงมือทำ ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง จนตอนหลังลูกบอกอร่อยจังแม่ คราวนี้เลยทำใหญ่เพราะมีกำลังใจครอบครัวเริ่มมีฐานะร่ำรวยตอนไหนคะ
ก็คงเป็นตอนทำ "เรด บูล" จนติดตลาดอังกฤษและขยายตัวไปทั่วยุโรป โชคดีที่เราได้พาร์ตเนอร์ดี ช่วยให้ธุรกิจโตได้เร็ว "เรด บูล" ไม่ใช้ระบบเอเย่นต์ แต่จะเป็นรูปแบบของบริษัทเรด บูล คอมปานี ลิมิเต็ด กรุงลอนดอน จากนั้นช่วงปี 2525 "คุณเฉลิม" ได้กลับมาเมืองไทย ก่อตั้งบริษัทสยาม ไวเนอรี่ จำกัด บุกเบิกธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับผู้หญิง ซึ่งยังมีอยู่น้อยมาก เริ่มสร้างโรงงานผลิตไวน์ที่สมุทรสาคร และเปิดตัวสปาย ไวน์ คูลเลอร์ ตัวนี้ถือเป็นสินค้าทำเงินจริงๆ เพราะมียอดขายปีละไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท
ในฐานะภรรยา ต้องเข้าไปช่วยธุรกิจสามีด้วยหรือเปล่า
ก็ไม่ได้ช่วยเต็มตัว แต่สามีให้นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการที่สยาม ไวเนอรี่ เพราะเห็นว่าภรรยาชอบดื่มหรือเปล่าไม่รู้!! ไม่ได้เรียนเรื่องไวน์ มาหรอก แต่เป็นคนชิมเก่ง บอกได้ว่าอร่อยไม่อร่อย เพราะทานไวน์ดีๆเยอะ
ย้อนกลับไปสักนิดนะคะ ลูกสาวทหารอากาศพบรักกับลูกชาย โกเหลียวได้ยังไง ก็เจอเพราะว่าน้องๆ สมัยเด็กๆ น้องๆพี่เหลิมกับน้องๆเราชอบกัน เป็นแฟนกันหลายคู่ เวลาไปไหน น้องๆก็จะรบเร้าให้ไปขออนุญาตพ่อคุณเฉลิมให้หน่อย เพราะ "โกเหลียว" ค่อนข้างดุ ตอนนั้นยังไม่รู้จัก "คุณเฉลิม" นะคะ เพิ่งได้เห็นหน้าตอนที่น้องๆชวนไปรับพี่ชายที่แอร์พอร์ต เขาไม่พูดอะไรสักคำ แค่บอกน้องๆว่า เดี๋ยวชวนพี่สาวไปบ้านด้วยสิ จะได้ทานข้าวด้วยกันหลายคน
เห็นแวบแรกปิ๊งผู้ชายคนนี้ไหม
ก็คุยกันเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร มันไม่เกี่ยวกับปิ๊ง แค่เห็นทุกคนกลัว "พี่เหลิม" แต่เราไม่กลัว เลยอยู่เป็น เพื่อนน้อง แต่ตอนหลังเกิดความรู้สึกชอบกัน ก็เขียนจดหมายติดต่อกัน เพราะเขาต้องกลับไปเรียนต่อที่อังกฤษ เขียนเยอะมากแทบทุกวัน เขียนกันไม่ถึงปี "พี่เหลิม" กลับเมืองไทย คบกันได้ 3 ปี ก็แต่งงาน
ทราบมาก่อนหรือเปล่าว่าครอบครัว "คุณเฉลิม" ร่ำรวย
ตอนที่เจอก็ธรรมดานะคะ รู้แค่ว่าบ้านเขา เป็นเจ้าของบริษัทยา ชอบเอายามาให้เรื่อย แต่เรื่องร่ำรวย รู้สึกเฉยๆ เพราะพ่อคุณเฉลิม "โกเหลียว" เป็นคนเรียบๆ ใช้เงินเป็น ได้เงินก็เก็บๆ ไม่แต่งตัวไม่อะไร คือทุกอย่างไม่มีแบรนด์เนม ตอนหลังแต่งงานมีลูกแล้ว มีคนไปบอกป๋าว่า เดี๋ยวนี้ลูกสะใภ้คนโตใส่แต่เสื้อผ้าแบรนด์เนม พอถึงวันที่เราต้องไปรดน้ำดำหัวขอพรป๋าวันสงกรานต์ จู่ๆป๋าก็พูดขึ้นลอยๆว่า ป๋าจะบอกให้ เสื้อเนี่ย ป๋าว่าดีไม่ดี มียี่ห้อไม่มียี่ห้อ มันก็เหมือนกันแหละ อย่าให้คนอื่นมาหลอกเราได้
เป็นสะใภ้ใหญ่ครอบครัวคนจีน ถูกใช้งานหนักไหม
ตอนยังไม่มีลูก ก็ช่วยทำบัญชีนิดหน่อย แต่พอมีลูกสองคน เลยบอกสามีว่าทำไม่ไหวแล้ว เพราะต้องเลี้ยงลูกเอง ไม่ไว้ใจพี่เลี้ยง อยากเลี้ยงเองอะไรเอง พอลูกเข้าโรงเรียน ก็เป็นคนขับรถรับส่งเองตั้งแต่อยู่อนุบาล จนลูกๆไปเรียนที่อังกฤษก็คอยดูแลทุกอย่างแต่งงานกันมา 33 ปีแล้ว
อะไรคือเคล็ดลับให้ครองรักยืนยาว
ต้องอดทนและใจเย็นๆ ถ้าเกิดเราร้อน ก็หลบออกไปก่อน ให้ลืมๆและได้คิด ค่อยกลับมาเจอกัน
มีทะเลาะกันบ่อยไหม
แต่งงานแล้วไม่ชอบทะเลาะ คือถ้าเราโกรธจะเงียบดีกว่า เพราะ "พี่เหลิม" ก็ร้อนเหมือนกัน ยกเว้นว่าสุดๆ ก็จะบอกว่า เนี่ย...จะบอกให้นะ ถ้า "ปุ๋ง" ไม่พูดไม่เตือนพี่ แล้วใครจะเตือน ตอนอยู่ที่อังกฤษ ถ้าทะเลาะกัน "ปุ๋ง" จะออกจากบ้าน ไปเดินดูของสวยๆงามๆให้สบายใจ แต่พอเดินไปเจอขอทาน เรางี้หยุดเลย รู้สึกว่าได้คิด แหม...ชีวิตคนเราจะอะไรกันนักหนา เราเกิดมาแบบนี้โชคดีมากแล้ว คราวนี้ก็สบายใจขึ้น กลับบ้านได้แล้ว
"พี่เหลิม" เป็นผู้ชายโรแมนติกหรือเปล่า
บอกไม่ถูก...ตอบไม่เป็น (หัวเราะ) อย่างเดินจูงมือข้ามถนน เรียกว่า โรแมนติกไหม?!
เคยคุยกันไหมว่า อีก 10 ปี จะใช้ชีวิตหลังเกษียณยังไง
ไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากไปพักผ่อนให้สบายใจที่บ้านบ่อจืด หัวหิน "คุณเฉลิม" อาจจะปลูกผัก ปลูกอะไรที่แปลกใหม่ แนวออร์แกนิกไปตามชอบ ส่วนตัว "ปุ๋ง" ขออยู่บ้านเฉยๆ คอยเลี้ยงหลาน เล่นกับหลาน ก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องเครียด ...จะได้เป็นคุณยายที่สวยปิ๊งแบบนี้ไปเรื่อยๆใช่ไหมคะ?!
...