การได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก นับเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิต ซึ่งได้เห็นจากใบหน้าอันสดใสของ ผักกาด หรือ มุทิตา ศรลัมพ์ ลูกสาวคนโตของ นิตยา และ ประภัทร ศรลัมพ์ คนดังในวงการสื่อโทรทัศน์ ที่เลือกทำงานในสิ่งที่ชอบ คือการเป็นเจ้าของแบรนด์แฟชั่น cabbage ที่กำลังดังและวางขายทางออนไลน์ www.cabbagecabbage.com เท่านั้น
งานนี้ทำด้วยใจจริงๆ เพราะ ผักกาด–มุทิตา บอกว่า ไม่ได้จบทางด้านแฟชั่นมาตั้งแต่ต้น แต่เป็นคนชอบขีดเขียนวาดรูป ตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ตอนที่ยังเด็ก อาจจะยังไม่รู้ถึงสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ จะเลือกเรียนด้านศิลปะวาดรูป ทางบ้านก็กลัวว่าจะหางานทำยาก เมื่อสอบติดคณะมนุษยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ทางบ้านเลยให้เรียนไปก่อน
“ช่วงที่เรียนมหา’ลัยถึงจะรู้ว่าเรียนได้ แต่ก็ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ พอจบเลยขอที่บ้านไปเรียนต่อแฟชั่นดีไซน์และแพทเทิร์น เมคกิ้ง ที่ Esmod International ปารีส ฝรั่งเศส อยู่ 3 ปี โดยต้องเรียนตั้งแต่พื้นฐานทำแพทเทิร์น จนถึงการดีไซน์และตัดเย็บ เรียกว่าเรียนทุกอย่าง ก่อนจบเขาก็ให้ไปฝึกงานด้วย โดยได้ไปฝึกงานกับแบรนด์เคนโซ่ ซึ่งได้รับประสบการณ์ดีมาก เพราะเขาให้เราทำทุกอย่าง กลับมาก็ได้มาสมัครทำงานกับแฟชั่นแบรนด์ไทยที่ชื่นชอบคือ เซเนด้า ทำได้พักหนึ่ง รู้สึกอยากออกมาทำเสื้อผ้าเล่นๆกับเพื่อน จนหลายคนถามว่า เสื้อซื้อที่ไหน ผักกาด เลยทำออกมาเป็นแบรนด์ของตัวเองชื่อ cabbage”
...
ความตั้งใจในการทำงานของสาวคนนี้ เธอบอกว่า ไม่อยากทำแค่ขายเสื้อผ้า แต่อยากให้แบรนด์ของตนเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ ซึ่งต่อไปก็จะมีสิ่งของอื่นๆตามมาอีก งานทุกชิ้น “ผักกาด” ตั้งใจทำให้เป็นแบบโฮมเมด คือ ทั้งดูการผลิต, การดีไซน์, การออกแบบ, ดูคุณภาพทุกอย่าง ไม่อยากทำตามเทรนด์ แต่อยากทำในสิ่งที่ชื่นชอบ ซึ่งการออกแบบส่วนใหญ่ได้แรงบันดาลใจมาจากการดูภาพยนตร์เก่า ฟังเพลงเก่า ได้เห็นความสวยงามของไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นเก่า จึงสะท้อนออกมาแบบแนว simple แต่มีเสน่ห์ ใส่ได้จริง และสามารถส่งผ่านถึงรุ่นต่อไปได้
“ลูกค้าส่วนใหญ่เลยมักเป็นลูกค้าประจำ เพราะเขาชอบจริงๆ เสื้อผ้าเรามีแนวทางที่ชัดเจน เราทำในแบบ made to order เป็นจำนวนจำกัด ไม่อยากทำเยอะมาก แฟนคลับของ cabbage จึงมีทั้งคนไทย และต่างชาติ มีลูกค้าคนหนึ่งชื่อ Kelly Gray เขาเป็นนักข่าวชาวอเมริกัน เขาชอบแนวเสื้อผ้าของ cabbage เลยขอให้ ผักกาด ทำชุดให้ เพื่อไปรับรางวัล Emmy Nominated Journalist ในงาน Tony Awards Red Carpet 2013 แค่นี้ผักกาด ก็มีความสุขแล้ว ที่ได้ทำงานที่ ผักกาดรัก และมีคนชื่นชอบจริงๆ” ผักกาดเล่าอย่างมีความสุขไปด้วย
ส่วนความสุขในชีวิตวันนี้ ผักกาด บอกว่า อาจจะไม่ใช่ตัวเลขทางการเงิน หรือจำนวนในการขาย หากแต่อยู่ที่ความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รัก ซึ่งผลงานทุกชิ้นตนได้ผสมผสานสิ่งที่ตั้งใจ ทุกสิ่งทำเหมือนเราใส่เอง เหมือนเราทำอาหารให้เขากิน การเติบโตในทางธุรกิจ อยากให้ไปอย่างช้าๆ ไม่ใช่โตแล้วเปลี่ยนแนวคิดคอนเซปต์ที่ตัวเองตั้งไว้แต่แรก... ความตั้งใจทั้งหมดของสาวเก่งคนนี้ คงพิสูจน์ได้จากผลงานที่ผ่านมา.