“บอย-ชาญชัย” จากร้าน Smith คว้าตำแหน่งสุดยอดบาร์เทนเดอร์ไทย พร้อมเป็นตัวแทนไปร่วมเวทีแข่งขันระดับโลก ใน “ดิอาจิโอ เวิลด์คลาส 2013”...
เสร็จสิ้นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับการแข่งขันค็อกเทลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย “DIAGEO RESERVE WORLD CLASS Thailand Competition 2013 - Raising the bar” ที่ทางบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ไทยไปร่วมแข่งขันในเวทีประกวดระดับโลก โดยในปีนี้ผู้ชนะ ได้แก่ “บอย-ชาญชัย รอดบำรุง” บาร์เทนเดอร์หนุ่มสายเลือดใหม่จากร้าน Smith ที่จะได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศไทยเดินทางไปแข่งขันกับสุดยอดบาร์เทนเดอร์จากประเทศต่างๆ อีก 50 ชาติทั่วโลก ซึ่งจะจัดขึ้นบนเรือสำราญ AZAMARA ที่ล่องไปยัง 5 เมืองท่าสำคัญแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่าง Nice, Monte Carlo, St.Tropez, Ibiza และ Barcelona ในช่วงระหว่างวันที่ 4 - 9 กรกฎาคมนี้
แคมเปญ “ดิอาจิโอ เวิลด์คลาส 2013” เป็นแคมเปญระดับโลกที่สานต่อเป็นปีที่ 5 โดยเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2009 เพื่อค้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ผู้เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการรังสรรค์เครื่องดื่มชั้นเลิศ ซึ่งสำหรับในประเทศไทยก็ได้เข้าร่วมแคมเปญนี้อย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับวงการบาร์เทนเดอร์ไทยให้ก้าวเข้าสู่ความเป็นสากลอย่างเต็มตัว พร้อมทั้งยังมอบความรู้ และสร้างเสริมทักษะประสบการณ์ให้กับผู้เข้าแข่งขัน
ซึ่งในปีนี้ “ดิอาจิโอ เวิลด์คลาส 2013” ได้จัดคอร์สอบรมให้กับบาร์เทนเดอร์ระดับชั้นนำของประเทศไทยกว่า 40 คน เป็นระยะเวลานานถึง 6 เดือน โดยในแต่ละเดือนจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องดื่มแต่ละประเภทและเรื่องราวเกี่ยวกับค็อกเทลประเภทต่างๆ รวมถึงเทคนิคการผสมเครื่องดื่มชั้นสูง รวมทั้งให้โจทย์สำหรับการแข่งขันที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละเดือน เพื่อสร้างเสริมฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการทำค็อกเทลสูตรดั้งเดิม การสร้างสรรค์สูตรดั้งเดิมนั้นขึ้นในรูปแบบใหม่ การสร้างสรรค์ค็อกเทลโดยการตีความบุคลิกจากพระเอกในภาพยนตร์หลากหลายเรื่อง หรือการกำหนดส่วนผสมในการรังสรรค์เครื่องดื่มอย่างเช่น การใช้ Asian Spices ซึ่งกติกาคือให้ผู้เข้าแข่งขันจับฉลากสปิริตหรือเหล้าหลัก 1 ชนิด และจับสลากเครื่องเทศหลักที่ต้องใช้ 1 ชนิด หลังจากนั้นให้เวลาครึ่งชั่วโมงเพื่อสร้างสรรค์รสชาติจากโจทย์ที่ตัวเองได้รับ ถือว่าเป็นการวัดไหวพริบ ความเชี่ยวชาญและความเข้าใจในเรื่องของค็อกเทลอย่างแท้จริง
...
พรเศก ภาคสุวรรณ ผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Reserve บริษัทดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงการจัดงานนี้ว่า “หัวใจหลักของ 'ดิอาจิโอ เวิลด์คลาส' ไม่ใช่การแข่งขัน แต่เราต้องการให้ความรู้และช่วยสร้างบุคลากร และพัฒนาวงการบาร์เทนเดอร์ ยกระดับการดื่มค็อกเทลของบ้านเรา เป็นการ Raising the bar ซึ่งตรงกับคำขวัญของแคมเปญนี้ ทำให้เกิดวัฒนธรรมการดื่มแบบ Fine Drinking คือศาสตร์การดื่มที่ต้องเข้าใจว่า เครื่องดื่มแต่ละชนิดเป็นอย่างไร ควรเสิร์ฟแบบไหน ดื่มแบบไหน ควรดื่มกับอะไร ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการเรียนรู้และประสบการณ์”
เจนณรงค์ ภูมิจิตร แบรนด์แอมบาสเดอร์ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้การอบรมและฝึกสอนบาร์เทนเดอร์ที่เข้าร่วมโครงการได้กล่าวว่า “ในแต่ละเดือนผ่านไปเราได้เห็นพัฒนาการของแต่ละคนอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเรื่องความคล่องแคล่วและทักษะที่เพิ่มพูนขึ้น ซึ่งนอกจากความรู้ที่เราถ่ายทอดให้แล้ว ผู้เข้าร่วมแข่งขันแต่ละคนยังมีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กัน อย่างเมื่อได้เห็นใครโชว์เทคนิคใหม่ๆ เขาก็กลับไปทดลองฝึกฝนเพิ่มเติมกัน เรียนรู้จากเพื่อน ซึ่งนั่นนับเป็นความสำเร็จของโครงการ ที่เรามุ่งหวังจะสร้างสังคมของบาร์เทนเดอร์ให้เกิดเป็นกลุ่มเป็นก้อนและพัฒนาไปอย่างมั่นคง
จากวันแรกที่เห็นน้องๆ จนมาถึงวันนี้เราได้เห็นฝีมือของทุกคนที่ก้าวหน้าขึ้น ซึ่งแม้การแข่งขันในวันนี้จะจบลง แต่งานของเรายังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะต้องเริ่มการเทรนผู้ชนะซึ่งจะเป็นตัวแทนไปแข่งในดิอาจิโอ เวิลด์คลาส รอบสุดท้าย ที่แข่งกับบาร์เทนเดอร์ชาติอื่นๆ อีก 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในปีที่แล้ว ตัวแทนจากประเทศไทยสามารถเข้าถึงรอบ 16 คนสุดท้าย และสามารถคว้าอันดับที่ 13 มาครองได้ จึงหวังว่าในปีนี้เราจะทำผลงานได้ดียิ่งขึ้นไปอีก”
โดยในรอบการแข่งขันรอบสุดท้ายก่อนการตัดสินหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ของประเทศไทยในปีนี้ ได้เนรมิตบรรยากาศสุดคลาสสิกของร้าน Medici ร้านอาหารอิตาลีสุดหรู ในโรงแรม Hotel Muse หลังสวน ให้กลายเป็นเวทีเวิลด์คลาสอันยิ่งใหญ่ ที่เต็มไปด้วยสีสัน ความตื่นเต้นและสนุกสนาน เป็นพื้นที่ประลองความสามารถของบาร์เทนเดอร์ฝีมือเยี่ยมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย จำนวน 14 ท่าน โดยแบ่งเป็น 10 ท่านจากบาร์และโรงแรมชั้นนำในกรุงเทพฯ พร้อมด้วยตัวแทนจากภูเก็ตและสมุยอีก 4 ท่าน ซึ่งในปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการคัดเลือกตัวแทนจากภูมิภาคมาร่วมแข่งขันด้วย
...
การแข่งขันในรอบสุดท้าย ผู้ผ่านเข้ารอบทั้ง 14 คน ต่างต้องโชว์ทักษะ ความคิดในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มค็อกเทลแนวใหม่สุดล้ำเลิศ ภายใต้โจทย์ Mediterranean Mystery และ Flavors King โดยโจทย์นี้จะต้องใช้ Ciroc และ Johnnie Walker Blue Labels เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งแต่ละคนก็ได้ต่างตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานโชว์เทคนิคการผสมพร้อมด้วยครีเอทวิธีการนำเสนอค็อกเทลแก้วเด็ดของตัวเองอย่างสุดฝีมือ เพื่อชนะใจคณะกรรมการทั้ง 3 ท่าน ซึ่งล้วนเป็นกูรูด้านค็อกเทลระดับโลกที่บินตรงมาร่วมงานนี้โดยเฉพาะ อย่าง อูเอโนะ ฮิเดซึกุ ปรมาจารย์ค็อกเทลของโลกชาวญี่ปุ่น, แลม ชิน มุน ผู้อำนวยการ Diageo Bar Academy Asia Pacific และ คอลิน เชีย Asia Pacific Regional Brand Ambassador
อูเอโนะ ฮิเดทซึกุ ปรมาจารย์ค็อกเทล กรรมการผู้ตัดสินการประกวดเวทีระดับโลก ได้กล่าวว่า “ในการตัดสินผู้ชนะ เราจะมองที่องค์ประกอบ 3 ส่วนหลัก 1.Good Drink 2.Great Personality 3.Surprise ต้องทำค็อกเทลที่รสชาติดี มีบุคลิกภาพและการนำเสนอที่ดี และต้องสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ที่เราคาดไม่ถึง จึงจะทำให้เกิดความประทับใจได้ ซึ่งผู้ชนะในวันนี้ก็สามารถโชว์ผลงานโดยรวมออกมาได้อย่างสมดุลที่สุด
...
ส่วนการแข่งขันในรอบต่อไปซึ่งเป็นระดับโลกนั้น ในด้านมาตรฐาน เทคนิค และฝีมือ บาร์เทนเดอร์ชาวไทยอาจจะยังมีประสบการณ์ที่ตรงจุดนี้น้อยกว่าบาร์เทนเดอร์จากชาติตะวันตกที่มีวัฒนธรรมการดื่มค็อกเทลมาอย่างยาวนาน แต่จุดเด่นที่สำคัญของคนไทย คือ มีศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่โดดเด่นแตกต่างจากชาติอื่นๆ อย่างในวันนี้ได้เห็นผู้เข้าแข่งขันรำไทยประกอบการนำเสนอ หรืออย่างการเลือกใช้ภาชนะในการเสิร์ฟที่สวยงามอ่อนช้อยด้วยศิลปะของไทย ซึ่งการแสดงออกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติแบบนี้ก็จะเป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้กรรมการประทับใจได้”
หลังจากที่ได้พิจารณาฝีมือของบาร์เทนเดอร์ทั้ง 14 คนแล้ว กรรมการทั้ง 3 ท่าน ก็ลงคะแนนให้กับ บอย - ชาญชัย รอดบำรุง บาร์เทนเดอร์หนุ่มจากร้าน Smith คว้ารางวัลสุดยอดบาร์เทนเดอร์ของปีนี้ไปครอง โดยในรอบสุดท้าย หนุ่มบอยชนะใจกรรมการด้วยการนำเสนอค็อกเทลผ่านเรื่องเล่าของกษัตริย์ Henry VIII และราชินีทั้ง 6
“ผมใช้แนวคิดในการดึงเอาจุดเด่นชัดเจนไม่เลือกใช้ส่วนผสมอะไรมากมายให้เสียรสของวิสกี้แท้ๆ ไป แต่เลือกนำส่วนผสมอื่นๆ มาช่วยเสริมเสน่ห์ให้แทน โดยผมยกเรื่องราวของคิงเฮนรี่ที่ 8 มาใช้ โดยเปรียบเป็นกษัตริย์ของวิสกี้ และส่วนผสมอื่นๆ ที่นำมาใช้ก็เปรียบกับมเหสีทั้ง 6 ของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็น วานิลลา ดอกกุหลาบ พริกไทยดำ อัลมอนด์ ซึ่งผมนำมารมควันแก้วให้ได้กลิ่นอายเสริมเอกลักษณ์ของค็อกเทลแก้วนี้" ชาญชัยเล่าให้ฟังถึงที่มาและแรงบันดาลใจของค็อกเทลสูตรเด็ดของเขา
...
สุดยอดบาร์เทนเดอร์หนุ่มคนนี้ นับได้ว่าเป็นน้องใหม่ในแวดวงบาร์เทนเดอร์ ด้วยความที่ก้าวเข้ามาสู่วงการนี้ได้เพียงปีกว่าๆ เท่านั้น แต่ด้วยความตั้งใจจริงและขยันฝึกฝน จึงทำให้ก้าวกระโดดมาถึงความสำเร็จระดับนี้ได้อย่างรวดเร็ว “ต้องขอบคุณทางดิอาจิโอที่ช่วยเทรน สอนทักษะ และเทคนิคต่างๆ มาตลอด 6 เดือน ทำให้ฝีมือผมพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงพี่ๆ ทีมงานของร้าน Smith ที่ช่วยเหลือ สั่งสอน และให้คำปรึกษาต่างๆ โดยปีนี้นับเป็นปีแรกที่ผมได้เข้าร่วมโครงการดิอาจิโอ เวิลด์คลาส ก็ตั้งเป้าว่าจะมาหาประสบการณ์ เก็บเกี่ยวความรู้ ไม่ได้คิดฝันว่าจะก้าวมาไกลถึงขนาดได้เป็นผู้ชนะ จากนี้ไปก็นับเป็นงานหนัก ที่ต้องกลับไปฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ที่สุด เพราะในฐานะตัวแทนไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ผมจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียชื่อเป็นอันขาด”
ในฐานะผู้ชนะเลิศการแข่งขัน ชาญชัยจะได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยเพื่อไปร่วมแข่งขันใน World Class ระดับโลกบนเรือสำราญ AZAMARA ที่จะเดินทางไปยัง 5 เมืองแห่งสีสันในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตั้งแต่ Nice, Monte Carlo, St.Tropez, Ibiza และ Barcelona ในช่วงระหว่างวันที่ 4 - 9 กรกฎาคมนี้ ร่วมกับสุดยอดบาร์เทนเดอร์ตัวแทนชาติอื่นๆ อีก 50 ประเทศทั่วโลก นับเป็นการแข่งขันบาร์เทนเดอร์ระดับโลกอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ทางบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี (ประเทศไทย) จำกัด ยังจัดรางวัลสุดเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชนะด้วยทริปพิเศษ ไปเยือนเมืองสกีดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ Ketel One One วอดก้าระดับซุปเปอร์พรีเมียมของโลกอีกด้วย