ปิดเกาะนาคา จ.ภูเก็ต สร้างความตื่นตะลึงในการจัดงานเปิดตัวนาฬิกา โอเมก้า กับโครงการ “Treasure of Planet Ocean” ร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ท้องทะเลด้วยการปล่อยพันธุ์ปลาคืนธรรมชาติสู่ท้องทะเล ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความหรูหราระยิบระยับยามค่ำคืนริมหาด

“ปีที่แล้วรายได้โอเมก้าทะลุเป้า ปีนี้เราตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะทำรายได้ 1,000 ล้านบาท”

ไทยรัฐออนไลน์ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ ซาร่า บุศรา ตันติวรถาวร แบรนด์เมเนเจอร์โอเมก้าประเทศไทย สาวที่มีส่วนสำคัญในทุกความสำเร็จรอบปีที่ผ่านมาของโอเมก้าในเมืองไทย สาวสวยที่เปร่งประกายเฉิดฉายภายในงานครั้งนี้ ถามถึงทุกเคล็ดลับการบริหาร เพราะแน่นอนว่าทุกครั้งที่ OMEGA ขยับ ทุกๆ คนต้องจับตา   

Q :  คุณทำงานกับโอเมก้ามานานรึยัง ?

A : ปีกว่าๆ แล้วค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ซาร่าอยู่ในวงการเครื่องสำอางเสียส่วนใหญ่ ซึ่งโอเมก้าเป็นแบรนด์นาฬิกาที่เกิดมายาวนาน ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อแล้ว โดยชื่อเสียงของโอเมก้านั้น ซาร่าไม่เคยตั้งคำถามกับจุดนี้เลยสักครั้ง หากย้อนกลับไปตอนที่มีคนชวนมาทำแบรนด์โอเมก้า ตอนนั้นบอกกับตัวเองว่า ถ้าไม่ใช่แบรนด์นี้เราไม่ทำแน่ๆ เพราะว่าโอเมก้าเป็นแบรนด์ระดับหนึ่งของโลก รวมไปถึงประเทศของเราก็เช่นกัน และสิ่งสำคัญ คือ เป็นเกียรติสำหรับตัวเราเองมากๆ

Q : ถือว่าเป็นความท้าทาย ?

A : เป็นความท้าทายอย่างมากค่ะ (ยิ้ม) เพราะซาร่าเคยทำงานด้าน Skin care ร่วมกับ Cosmetic มาก่อน (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็เข้ามาอยู่ในวงการแฟชั่น ซึ่งทำเกี่ยวกับ Street wear, Sneaker ให้ adidas นานพอสมควร ต่อมา ได้มีโอกาสออกมาทำงานเกี่ยวกับนาฬิกา ของทางประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถ้าเราไม่ตกลง ก็เหมือนกับว่าเราได้ทิ้งโอกาสดีๆ ไป โดยตอนแรกที่เริ่มทำงานกับทีมงานของโอเมก้า สามารถรู้สึกได้ในขณะนั้นเลยว่า นี่เราเกิดมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโอเมก้าจริงๆ และไม่สงสัยอีกเลยว่าทำไม นาฬิกาของโอเมก้าจะต้องมีราคาสูงถึงขนาดนี้ เพราะฟันเฟืองแต่ละชิ้นที่นำมาประกอบนาฬิกา มีขนาดเล็กมาก หากมองด้วยตาเปล่า บางคนอาจจะมองไม่เห็นเลยก็ได้ ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่า ภายในตัวนาฬิกามีฟันเฟืองกว่า 500 ชิ้น ที่ประกอบกัน และทำงานด้วยตัวเอง โดยไม่อาศัยอุปกรณ์อื่นใดเลย โดยส่วนตัวคิดว่า นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งและรู้สึกว่า เราตกหลุมรักสิ่งนี้เข้าแล้วจริงๆ

...

Q: หน้าที่หลักของคุณในแบรนด์โอเมก้า คืออะไร ?

A : เราต้องติดตามดูว่า ลักษณะนาฬิกาที่ต่างประเทศให้ความสนใจ มีลักษณะเด่น นั้นเป็นอย่างไร และเราจะเอาลักษณะนั้นๆ มาต่อยอดให้กับประเทศของเรา ในช่วงแรกของแบรนด์โอเมก้า ประเทศไทย กลุ่ม
ลูกค้าจะมีเพียงแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น คือ คนมีฐานะ แต่ ณ ตอนนี้ ลูกค้าได้เข้าไปสู่กลุ่มชนชั้นกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหน้าที่ของเรา ก็เหมือนกับการที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ถ้าจะเลือกซื้อนาฬิกามาใส่สักเรือน แบรนด์โอเมก้าต้องเป็นตัวเลือกแรกที่ลูกค้าจะต้องคิดถึง

Q : หลายคนคิดว่าคุณเป็น Brand Manager OMEGA หญิงคนแรกของประเทศไทย ?


A : มี Brand Manager หญิงของโอเมก้า ประเทศไทยมาหลายท่านแล้ว แต่สำหรับแบรนด์อื่น Brand Manager อาจดูแลเพียงแค่ Brand Communication แต่สำหรับซาร่า ดูแลทั้งในกลุ่มของ การขาย การตลาด PR รวมไปถึง การดูภาพรวมทุกอย่างของแบรนด์

Q : จากภาพลักษณ์ภายนอก ดูเป็นผู้บริหารที่ใจดี ตัวจริงเป็นแบบนี้จริงๆ ไหม ?


A : คนส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า ซาร่าใจดี แต่ซาร่ามองว่า การจะขึ้นมายืนในตำแหน่งของผู้บริหารได้นั้น ต้องคุมคน ต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างให้สำเร็จ โดยมีทีมงานที่ดีเคียงข้าง และความใจดีหรือความเฉียบขาดสามารถเลือกใช้ได้ทั้ง 2 อย่างในการทำงาน แต่สุดท้ายแล้ว ก็ต้องดูถึงความเหมาะสมในกรณีนั้นๆ ด้วย และที่สุดแล้วการเป็นผู้บริหารที่มีความประนีประนอมย่อมดีกว่าผู้บริหารที่แข็งกร้าว หากเราพูดจากันด้วยความเป็นมิตร จะทำให้พบโอกาสแห่งความสำเร็จได้มากกว่าวิธีอื่นใด

Q : ความท้าทายในการบริหารโอเมก้า คืออะไร ?


A : การทำให้สินค้าขายได้ด้วยตัวสินค้าเอง ในอดีตแบรนด์โอเมก้าอาจมีภาพลักษณะของการเป็นแบรนด์เกี่ยวกับผู้ชายมากกว่า แต่ในที่สุดแล้วโอเมก้าได้แสดงออกให้เห็นว่า การใช้งานที่มีคุณภาพได้มาพร้อมกับรูปแบบที่สวยงาม จนเรียกได้ว่า Fashion กับ Function นั้นอยู่ควบคู่กัน สำหรับนาฬิกาชั้นนำของโลก 3 อันดับ ไม่ว่าจะเป็น โรเล็กซ์ โอเมก้า ลองจินส์  ทั้ง 3 แบรนด์นี้ ล้วนแต่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น โดยเฉพาะประเทศไทย โรเล็กซ์ เป็นแบรนด์ที่มีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ลูกค้ามีความภักดีต่อตัวแบรนด์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่สามาถยืนเทียบเคียงกับแบรนด์ชั้นนำเช่นนี้ได้ โดยในปีที่ผ่านมา โอเมก้า ประเทศไทยก็มีตัวเลขเติบโตเป็นอันดับที่ 4 ของกลุ่มด้วย ซึ่งจุดนี้ได้สร้างความภูมิใจให้กับทีมงานเป็นอย่างมาก และสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เป็นกลุ่มที่ชื่นชอบเข้ามาซื้อนาฬิกาโอเมก้าในเมืองไทยเป็นอย่างมาก

Q : ในสายตาของโอเมก้า เห็นอะไรในตัวของคู่แข่ง ?

A : จริงๆแล้ว โอเมก้าเป็นทีมงานที่เรียกได้ว่า ไม่มีปีไหนที่เราหยุดพัฒนา แต่ในขณะที่เรากำลังขับเคลื่อนแบรนด์ให้โตขึ้น เราก็ไม่เคยลืมหรือละทิ้งสังคมเลยแม้แต่น้อย เช่น โครงการนำเครื่องบินลงไปจอดในพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญ เขตทุรกันดารในประเทศต่างๆ เพื่อนำคนเข้าไปรักษาเด็กที่มีความพิการทางสายตา แล้วไม่มีความสามารถที่จะไปหาแพทย์ได้ ก็เหมือนกับการมอบชีวิตใหม่ให้กับคนๆ หนึ่งเลย หรือโครงการดำน้ำไปพร้อมๆ กับนักธรรมชาติวิทยา เพื่อลงไปช่วยฟื้นฟูรักษาระบบนิเวศใต้ท้องทะเล ก็เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางโอเมก้าเองได้มีโอกาสทำโครงการนี้ต่อเนื่อง แต่ก็ไม่เคยประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า เรากำลังทำอะไรเพื่อสังคมอยู่

Q : ยิ่งตำแหน่งสูงความกดดันยิ่งมาก คุณมีการบริหารความเครียดอย่างไรบ้าง ?


A : ชีวิตคนเรามักมีวันที่ดีและวันที่ไม่ดีเสมอ ในขณะเดียวกันแรงขับจากความเครียด จะเป็นแรงผลักดันให้เราไปสู่ความสำเร็จ เพราะปัญหาทุกปัญหาเกิดขึ้นมา เพื่อให้เราได้รู้จักคำว่าเรียนรู้ ดังนั้น เราควรเรียนรู้และรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันอย่างมีความสุขที่สุดดีกว่า

Q: วันนี้ยังหลงรักและอยากทำงานอยู่กับโอเมก้า ?


A : แน่นอนค่ะ เพราะซาร่าตั้งปณิธานเป้าหมายของชีวิตไว้เสมอ และจะต้องทำให้สำเร็จด้วย เช่น ในปีที่ผ่านๆ มา แบรนด์โอเมก้ามียอดขายกว่า 200 ล้าน แต่ซาร่าตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยที่สำคัญ ซาร่าจะต้องทำให้ได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสนุก ความกระตือรือร้นในการทำงานให้กับเราด้วย

Q : มี idol เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตมั้ย ?


A : จริงๆ แล้วทุกคนคือตัวอย่างที่ดีให้กับซาร่าทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้มีโอกาสไปพบปะผู้คน ซึ่งแน่นอนว่า คนทุกชนชั้นย่อมมีแบบอย่างในตัวที่ดี และเหมาะกับการนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตของตนเองอย่างเหมาะสมลงตัว ดังนั้น เราจะเห็นว่า ห้องสมุดและหนังสืออยู่รอบตัวเราเสมอๆ

...

Q : จากนี้ เราจะได้พบเห็นแบรนด์โอเมก้าในรูปแแบบไหน ?

A : ส่วนใหญ่ทุกคนจะมองว่า แบรนด์โอเมก้า เป็นแบรนด์ระดับ Top อยู่แล้ว แล้วยิ่งด้วยวัยวุฒิของซาร่าเอง เป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุดของแบรนด์ แต่อยู่ในระดับของบุคคลที่เป็นพี่ใหญ่สุด ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่เฟรนด์ลี่และตั้งใจทำงานให้มีคุณภาพ จึงทำให้ไม่มีปัญหาในการทำงาน เพราะทุกคนก็ยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนซาร่ามาอย่างต่อเนื่อง

Q : หากเปรียบเทียบระหว่างแบรนด์โอเมก้ากับนิสัยผู้บริหารแบบคุณ มีส่วนไหนที่เหมือนกัน ?

A : แบรนด์โอเมก้าไม่ใช่แบรนด์ที่มีความ Elegant แต่เป็นแบรนด์ที่มีเหตุผล หากเปรียบเทียบกับคน ก็จะดูเป็นคนนิ่งๆ ไม่หวือหวา ไม่ฟู่ฟ่าอะไรมาก แต่ที่สำคัญไม่หยุดพัฒนา ซึ่งตัวซาร่าเอง ก็เป็นคนแบบนั้นเช่นกัน ซึ่งการเลือก Brand Manager เข้ามาทำงานกับโอเมก้านั้น จำเป็นต้องเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมกับแบรนด์ของเราด้วย หากทางสวิตเซอร์แลนด์ไม่เห็นถึงความเหมาะสม คนๆ นั้นก็จะไม่สามารถเข้ามาทำงาน

Q : มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร ?


A : จริงๆแล้ว ผู้หญิงทุกคนสวย แต่จะสวยกันคนละแง่มุม หากจะมีคนมองว่า ซาร่าสวย นั่นก็หมายถึง ได้รับอิทธิพลจากการบริหารความสวยจากภายในมากกว่า และโดยส่วนตัวเป็นคนที่ลุยๆ ลงไปทำงานด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่ใช่เป็นธีมนางพญา คอยชี้นิ้วสั่ง เพราะจะได้เข้าไปทำงานร่วมกับน้องๆ ทีมงานคนอื่นๆ ซึ่งซาร่าอยากให้น้องๆ รู้ถึง วิธีทำงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ บางทีก็เหมือนกับการทอดไข่เจียว ทุกคนย่อมมีสไตล์การทอดออกมาให้อร่อยในแบบของตัวเอง แต่ที่สุดแล้วออกมา ก็คือไข่เจียวเหมือนกันหมด ดังนั้น มันไม่จำเป็นจะต้องเริ่มที่ 1, 2, 3, 4,... แต่สามารถเริ่มจาก 1 ไป 4 ไป 6 หรือสามารถไปที่ 10 ได้เลย ด้วยการหัดวิธีการคิดแบบนอกกรอบ ไม่ตามผู้นำหรือตามผู้อื่นไปเสียทั้งหมด เพราะสุดท้าย คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้วัดจากยอดขายหรือกำไร แต่ควรจะวัดกันที่การที่เราสามารถสอนให้คนในทีมมีศักยภาพมากพอ จนสามารถขึ้นมายืนแทนที่เราอย่างมีเกียรติได้อย่างไร

...