มาเรียม โสะ

เพื่อเน้นย้ำบทบาทของผู้หญิง ในโอกาสเดือนแห่งวันสตรีสากล มูลนิธิรักษ์ไทย, มูลนิธิเพื่อนหญิง และองค์กรภาคีเครือข่าย โดยการสนับสนุนจากสหภาพยุโรปและองค์กรอ๊อกแฟม จึงได้จัดเสวนาเรื่อง “วิถีผู้หญิงที่หลากหลายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยเชิญผู้หญิงจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ต้องรับบทบาทหนักในการสู้ชีวิตด้วยความหวัง มาร่วมถ่ายทอดวิถีชีวิตและแนวคิดต่างๆ ในงานที่เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็วๆนี้

หนึ่งในบรรดาสาวนักสู้  มาเรียม โสะ สาวหม่ายที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆ 5 คน อาศัยอยู่ใน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพเป็นแม่บ้านค้าขายอยู่กับบ้าน ตอนแรกที่สูญเสียสามี กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ ตนได้รับ กำลังใจจากครอบครัวของสามีเป็นอย่างมาก ตนอยากจะบอกว่าผู้หญิงทุกคน รวมทั้งผู้หญิงชายแดนใต้ว่า อย่าอยู่ในสถานะที่แบมือขอความช่วยเหลือ หรือรอรับการเยียวยาอย่างเดียว ขอให้เปลี่ยนบทบาทจากแบมือมาเป็นคว่ำมือลง เพื่อก้าวขึ้นเป็นมือที่อยู่ด้านบน ด้วยการต่อสู้ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะไม่โดนมองว่าเราตกเป็นเหยื่อแต่เพียงฝ่ายเดียว ผู้หญิงต้องเข้มแข็งเป็นตัวอย่างให้ลูกๆ แม้ว่าสามีจะจากไปแล้ว เราก็ต้องอยู่ให้ได้

อีกหนึ่งนักสู้ ครูฉลวย บุญเพชรศรี ครูผู้สูญเสียสามีที่เป็นนายตำรวจจากเหตุการณ์ระเบิด กล่าวว่า ครูในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เป็นผู้สร้างเด็กทุกคนด้วยความตั้งใจเต็มร้อย การฆ่าครูก็เหมือนการฆ่าเด็ก เพราะนับวันโรงเรียนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ต่างมีครูขอย้ายตัวเองออกนอกพื้นที่ เพราะสู้แรงกดดันไม่ไหว หากครูที่เหลืออยู่ในพื้นที่โดนฆ่าตายอีก เด็กๆที่เติบโตมาก็จะขาดครูไปด้วย สำหรับตนนั้นรู้สึกว่ายิ่งประสบปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบ ตนยิ่งตระหนักว่า เราต้องสร้างเด็กๆให้มีคุณธรรม มองดูคนที่ลำบากกว่าเรา และในฐานะแม่เราจะต้องดูแลลูกแทนพ่อของเขา เพื่อให้ลูกได้เห็นความเข้มแข็ง มีกำลังใจให้คนอื่นๆ ถ้ามีคนให้กำลังใจก็จะสามารถสู้ต่อไปได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องตั้งสติให้ได้ และอยากให้ภาครัฐมีความจริงใจในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้มากกว่านี้

ด้าน ละม้าย มานะการ ผู้หญิงที่ทำงานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ในอ่าวปัตตานี กล่าวว่า การรวมกลุ่มของคนทำงานด้านทรัพยากรธรรมชาติที่ปัตตานีค่อนข้างเข้มแข็ง และบทบาทของผู้หญิงก็โดดเด่นมากขึ้นเมื่อผู้ชายเสียชีวิตก็เท่ากับสูญเสียอาชีพ ผู้หญิงจึงต้องปรับตัวทำงานมากขึ้น เห็นด้วยที่ผู้หญิงจะแสดงพลังเพราะเท่าที่มีประสบการณ์ หากผู้หญิงลุกขึ้นมาพูด ทางภาครัฐจะฟังมากกว่าผู้ชาย ปิดท้าย รสนา โตสิตระกูล วุฒิสมาชิก กล่าวว่า ผู้หญิงมีความเป็นแม่อยู่ในตัว เป็นนักเศรษฐศาสตร์มือดีที่จัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้กลุ่มต่างๆ ได้รับอย่างทั่วถึง และตนอยากให้นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยทำหน้าที่บริหารงานโดยอาศัยข้อดีของความเป็นแม่ เข้ามาจัดการบริหารบ้านเมือง เพราะผู้ที่เป็นแม่มักจะจัดสรรทรัพยากรและให้การดูแลลูกที่ร่างกายอ่อนแอมากกว่าลูกที่มีร่างกายแข็งแรง.

...