ผ่านมาครึ่งทางแล้วสำหรับการแข่งขัน “Samsung Plasma Movie Guru Marathon 2009@ Major Cineplex” เพื่อเฟ้นหาสุดยอดคนพันธุ์อึดแข่งดูหนังมาราธอน 7 วัน 7 คืน เรียกว่าหินมากๆสำหรับโจทย์การแข่งขันในปีนี้ ที่ต้องให้กูรูหนังมาอดตาหลับขับตานอน ดูหนังกันแบบซะใจ ถึง 70 เรื่องต่อเนื่อง โดยกฎกติกาในปีนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมที่กำหนดให้ผู้เข้าแข่งขันต้องใช้ลูกตาจ้องที่จอภาพยนตร์เท่านั้น และหากจะพักสายตาก็ทำได้ไม่เกิน 10 วินาทีต่อครั้งเท่านั้น นอกจากนี้ ยังห้ามผู้เข้าแข่งขันไม่ให้ลุกขึ้นยืน หรือเดินไปเดินมาระหว่างชมภาพยนตร์ พร้อมกับตรวจเข้มเรื่องการลักลอบนำเครื่องดื่มบำรุงกำลังหรือ หมากฝรั่งเข้าไปแก้ง่วงด้วย ทั้งนี้จะให้ดื่มเครื่องดื่ม หรือขนมขบเคี้ยวตามที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น 

แต่ใช่ว่ากฎกติกาจะมีแต่โหดๆ ปราบเซียนเท่านั้น เนื่องด้วยโจทย์ในปีนี้มีการขยายเวลาท้าความอึดผู้เข้าแข่งขันมากขึ้น ทางผู้จัดก็เลยมีกติกาและกิจกรรมพิเศษมาแก้ง่วงให้ด้วย อาทิ หลังจากจบภาพยนตร์ทุกเรื่อง(หมายความว่า จอภาพยนตร์ต้องเป็นสีดำแล้วเท่านั้น) ผู้เข้าแข่งขันจะได้พักเบรคทำธุระส่วนตัวเป็นเวลา 10 นาที และมีเวลา 30 นาทีในการพักรับประทานอาหารแต่ละครั้ง นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสันทนาการแจกรางวัล และเพื่อให้สะสมคะแนนแก้ง่วงเป็นช่วงๆด้วย ซึ่งคะแนนจากการสะสมดังกล่าวจะนำมาใช้สิทธิ์ในการออกจากโรงภาพยนตร์มานั่งแข่งขันต่อที่ Samsung Plasma Relax Zone ได้ ซึ่งข้อดีของการมาชมด้านนอก ก็เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ และยังสามารถขยับร่างกายได้มากขึ้นด้วย ทั้งนี้การได้สิทธิ์ดังกล่าวอาจได้มาจากการสุ่มชื่อของเจ้าหน้าที่ก็ได้
หลับเอาแรงก่อนเข้าแข่ง
Samsung Plasma Relax Zone
สำหรับภาพยนตร์ที่เลือกนำมาฉายในปีนี้นั้น มีด้วยกัน 80 เรื่องด้วยกัน ซึ่งจากการตรวจสอบรายชื่อภาพยนตร์แต่ละเรื่องแล้ว พบว่า ส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังและทำเงินในบ้านเรา รวมทั้งหนังกล่องต่างๆที่มีคละเคล้าทั้งไทยและเทศ หลากรสทั้งแอ็กชั่น ไซไฟ สยองขวัญ แอนนิเมชั่น และหนังพีเรียด โดยนาย อนวัช องค์วาณิฏฐ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงวิธีการเลือกภาพยนตร์ที่นำมาใช้ในการแข่งขันว่าจะเน้นความหลากหลาย จุดประสงค์ต้องการให้ผู้เข้าแข่งขันดูแล้วสนุก โดยหลักๆเราจะพยายามไม่เอาหนังแนวโหดๆไว้ตอนดึกๆ ส่วนที่มีภาคต่ออย่างHarry Potter หรือ Matrix ก็จะพยายามจัดฉายแต่ละภาคไว้ใกล้ๆกัน
อย่างไรก็ตามแม้การแข่งขันในปีนี้จะดุเดือด และทวีความยาก แต่ก็มีบรรดากูรูหนังจากทั่วประเทศให้ความสนใจร่วมชิงชัยกว่า 1,500 คน แต่มีผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกและตรวจร่างกายเหลือเพียง 300 คนเท่านั้น ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีทั้งแชมป์เก่า ผู้ท้าชิง และผู้ที่พลาดหวังจากการแข่งขันเมื่อครั้งที่แล้วมาร่วมแข่งด้วย 
ณัฐวุฒิ และ พิสุทธิ์
ตุ้ย-พิสุทธิ์ ทองสวัสดิ์ หนุ่มวัย 31 ปี แชมป์เก่าจากการแข่งขันเมื่อครั้งที่แล้ว บอกว่าความตั้งใจหลักคือการป้องกันแชมป์ และอยู่ในโรงภาพยนตร์เป็นคนสุดท้าย แม้จะหนักใจอยู่บ้างกับเกณฑ์การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ทั้งเรื่องของเวลา และจำนวนภาพยนตร์ที่ต้องชม อย่างไรก็ตามงานนี้ก็เตรียมตัวมาเต็มที่ ทั้งเรื่องการฝึกนิสัยการนอนให้สามารถหลับลึกได้ในช่วงเวลาสั้นๆ สำหรับเทคนิคที่เตรียมมาคว้าชัยนั้นก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากเรื่องการกินอาหารที่จะพยายามไม่กินอิ่่มมาก เพราะลำไส้จะต้องทำงานหนัก และทำให้อ่อนเพลีย
สำหรับวิธีสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เวลาที่ง่วงมากๆ หนุ่มตุ้ยบอกว่าต้องสวมวิญญาณนักร้อง ร้องเพลง “ศรัทธา” พร้อมกับหยิกขาตัวเองเพื่อให้ตื่นไปด้วย
ด้านนายณัฐวุฒิ หัวใจแก้ว หนุ่มวัย 30 ปี ที่พลาดหวังจากเมื่อคราวก่อนก็พกความมั่นใจมาเต็มที่แม้ว่าโจทย์แรกที่ต้องเจอในวันนี้ จะเป็นภาพยนตร์แนวที่ไม่ชอบเอาซะเลย แต่เจ้าตัวก็บอกว่าถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ดูหนังที่ไม่เคยคิดจะดู บางทีเราอาจจะชอบก็ได้ ซึ่งเท่าที่ดูรายชื่อภาพยนตร์ก็ตื่นเต้นไม่น้อย เพราะมีหลายเรื่องที่ยังไม่เคยดู ก็น่าจะทำให้ได่อรรถรสจากการชม ส่วนเทคนิคที่เตรียมมาครั้งนี้ ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากการฟิตซ้อมร่างกาย และระวังเรื่องอาหาร หลีกเลี่ยงจำพวกแป้งและน้ำตาล เพราะจะทำให้ง่วง
ปิดท้ายที่สาวร่างเล็กวัย 21 ปี ณภัทรฌา ธิรชัยพัฒนา มาพร้อมน้องหมี “เอบิ” ที่บอกว่าแม้จะเข้าแข่งเป็นปีแรก แต่ก็สู้ขาดใจ ถือคติถ้าง่วงก็ให้นึกถึงเงินรางวัลเข้าไว้ แต่ปัญหาที่หนักใจคือ เรื่องการห้ามเข้าห้องน้ำระหว่างชมภาพยนตร์ เพราะว่าตัวเองเป็นคนติดเข้าห้องน้ำมาก ดังนั้นก็ต้องพยายามไม่กินน้ำเยอะ
โดยผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับรางวัลใหญ่มูลค่ากว่า 800,000 บาท เป็นซัมซุง พลาสม่า ทีวี ซีรี่ส์ 6 ขนาด 63 นิ้ว พร้อมชุดโฮมเธียเตอร์ มอบประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่บ้านได้อย่างเต็มอรรถรส พร้อมเงินสด 200,000 บาท และ บัตรชมภาพยนตร์ฟรีตลอดชีพ จาก เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป รวมทั้งชื่อได้รับการจดบันทึกว่าเป็นผู้ชมภาพยนตร์แบบมาราธอนที่ใช้เวลายาวนานที่สุดในประเทศไทย โดยสถาบัน Ripley’s Believe it or not!!! เป็นผู้มอบประกาศนียบัตรรับรอง
ส่วนใครจะคว้าตำแหน่งผู้ที่ชมภาพยนตร์ได้มาราธอนที่สุด ติดตามได้ทุกวัน ระหว่าง วันที่ 11-18 กันยายน 2552 ที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน หรือ จะชมสดผ่านทางเว็บไซต์ www.majorcineplex.com
...