ผลจากความโด่งดังเปรี้ยงปร้างของละคร “กี่เพ้า” ทางช่อง 3 ทำให้คนไทยทั้งประเทศหันมาให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์ความเป็นมา และวิวัฒนาการของ “ชุดกี่เพ้า” อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน นอกจาก “ชุดกี่เพ้า” จะมีลวดลายสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เครื่องแต่งกายของชาวจีนชุดนี้ ยังทำหน้าที่จดบันทึกวัฒนธรรมของแต่ละยุคสมัยได้อย่างแม่นยำไม่ผิดเพี้ยน

และเพื่อเผยแพร่มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาวมังกรให้ระบือไกล “ปรมาจารย์เกาชุนหมิง” ผู้อำนวยการศูนย์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมแห่งเซี่ยงไฮ้ และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยศิลปะแห่งนครเซี่ยงไฮ้ จึงเดินสายนำ “ชุดกี่เพ้า” ไปจัดแสดงตามเมืองใหญ่ๆทั่วทุกมุมโลก ล่าสุด ถึงคิวของประเทศไทย ที่จะได้ตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของ “ชุดกี่เพ้าโบราณ” ซึ่งเก็บรักษาไว้อย่างดีมาหลายชั่วอายุคน ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านประวัติศาสตร์หน้าสำคัญๆ ของแดนมังกรยุคแล้วยุคเล่า โดยงานนี้ “คุณหรีด-รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์” ลงทุนเชิญปรมาจารย์ด้านกี่เพ้าของสาธารณรัฐประชาชนจีน มาเปิดใจให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวสตรีไทยรัฐ เพื่อบอกเล่าความลับที่ซ่อนอยู่บนชุดกี่เพ้า

ตำนานของ “ชุดกี่เพ้า” มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ยุคไหน

“ชุดกี่เพ้า” หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ชุดฉีผาว” เป็นเครื่องแต่งกายของหญิงแมนจูในยุคราชวงศ์ชิง มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ประมาณปี 1636 โดยเมื่อเกือบ 400 ปีที่แล้ว “ชุดกี่เพ้า” ยังเป็นเครื่องแต่งกายชั้นสูงที่จำกัดวงเฉพาะสตรีในราชสำนักจีนเท่านั้น

จากเครื่องแต่งกายในรั้วในวัง “ชุดกี่เพ้า” วิวัฒนาการมาสู่สามัญชนได้อย่างไร

ผลจากการปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์ชิง ภายใต้การนำของ “ดร.ซุนยัตเซ็น” ไม่เพียงจะนำพาประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งใหญ่ แต่ยังส่งผลถึงวัฒนธรรมการแต่งกายของสตรีจีนด้วย โดยในยุคเรืองอำนาจของ “ดร.ซุนยัตเซ็น” สตรีสามัญชนในระดับชั้นนำของจีน เริ่มนำชุดกี่เพ้ามาสวมใส่เป็นแฟชั่น นำเทรนด์โดยภริยาของ “ดร.ซุนยัตเซ็น” และเมื่อราชวงศ์ชิงล่มสลาย

ชุดกี่เพ้าลวดลายมังกรและหงส์ก็ไม่ถือเป็นของต้องห้ามเฉพาะในหมู่พระราชวงศ์ ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1920 เป็นยุคที่ชุดกี่เพ้าแพร่หลายอย่างมากในเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยได้รับอิทธิพลจากสไตล์ทางเหนือของชาวปักกิ่ง ยุคนี้สตรีในแวดวงสังคมชั้นสูงได้พัฒนาชุดกี่เพ้าให้ดูทันสมัยขึ้น โดยปรับปรุงรูปทรงให้แนบสรีระและเน้นทรวดทรงของผู้สวมใส่ จากเดิมที่ตัดเย็บเป็นทรงตรงๆไม่มีส่วนโค้งเว้า มีลักษณะเหมือนเสื้อ แต่ชายเสื้อยาวปกคลุมท่อนขาและแขนเสื้อยาวเท่ากันหมด ก็เริ่มวิวัฒนาการเปลี่ยนเป็นชุดเข้ารูปแขนสั้น และด้านข้างมีตะเข็บผ่าสูงเห็นเรียวขา เพื่อให้ก้าวขาได้สะดวกขึ้น กระทั่งในยุคทศวรรษ 1940 อิทธิพลจากโลกตะวันตกเริ่มแผ่ขยายเข้ามาในเซี่ยงไฮ้ ส่งผลให้ชุดกี่เพ้ายุคนี้ถูกปรับปรุงให้ทันสมัยตามแบบนิยมของฝรั่ง โดยมีการดัดแปลงให้ชายกี่เพ้าสั้นลง และปรับปรุงคอปกไม่ให้ตั้งสูงจนเกินไป ส่วนเนื้อผ้าที่นำมาตัดเย็บก็เป็นผ้าสมัยใหม่ ยุคนี้จะไม่ค่อยนิยมลวดลายและสีสันฉูดฉาดแบบสีแดงหรือสีชมพู แม้แต่แขนเสื้อก็พัฒนาสั้นลงเรื่อยๆไปจนถึงแขนกุด

“ชุดกี่เพ้า” ถูกกวาดล้างไปด้วยไหม ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมของเหมาเจ๋อตุง


ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แผ่นดินจีนเต็มไปด้วยความอดอยากยากแค้น ทำให้ “ชุดกี่เพ้า” ไม่เป็นที่นิยมของชาวจีน ยิ่งมาถึงยุคที่ “เหมาเจ๋อตุง” ปฏิวัติทางวัฒนธรรม “ชุดกี่เพ้า” ก็ถูกนำมาเผาทำลายด้วย เพราะถือเป็นเครื่องหมายของอดีต และความไม่เจริญก้าวหน้า

เกียรติยศศักดิ์ศรีของ “ชุดกี่เพ้า” ได้รับการฟื้นฟูกลับคืนมาอีกครั้งเมื่อไหร่น่าจะเป็นยุคทศวรรษ 1980 หลังการเปิดประเทศของจีน มีการรื้อฟื้นนำ “ชุดกี่เพ้า” กลับมาสวมใส่อีกครั้ง พร้อมเลื่อนสถานะขึ้นเป็น “ชุดประจำชาติ” โดยมีนครเซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลางของชุดกี่เพ้า

อะไรคือแรงบันดาลใจให้หันมาอนุรักษ์ “ชุดกี่เพ้า”


ผมร่ำเรียนจบมาด้านศิลปะโดยตรงจากมหาวิทยาลัยในเซี่ยงไฮ้ ในช่วงที่เพิ่งเปิดประเทศจีนใหม่ๆ ผมเห็นคนในทีวีนำชุดกี่เพ้ามาใส่แบบผิดๆ จึงอยากลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมการแต่งกายชุดกี่เพ้า ไม่อยากให้ชุดกี่เพ้าเป็นแค่เสื้อผ้าแฟชั่น

แต่อยากอนุรักษ์ไว้เพื่อให้ชุดกี่เพ้ากลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศชาติ และเป็นเครื่องบันทึกประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคของแผ่นดิน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จักกี่เพ้า

การทำงานในยุคแรกๆยากลำบากขนาดไหน

ในช่วง 20 ปีแรก ผมต้องเดินทางไปทั่วโลก เพื่อรวบรวมชุดกี่เพ้าจากชาวจีนโพ้นทะเล ซึ่งอพยพไปตั้งรกรากอยู่ในต่างประเทศ เพราะชุดกี่เพ้าในประเทศจีนถูกเผาทำลายไปเกือบหมดในยุคปฏิวัติทางวัฒนธรรม ที่ไหนมีการเปิดประมูลชุดกี่เพ้า ผมก็ต้องเดินทางไปร่วมประมูลด้วยงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล กว่าจะได้รับการยอมรับก็ต้องใช้เวลานานหลายปี ผมทุ่มเทวิจัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการของเครื่องแต่งกายชาวจีน รวมถึงชุดกี่เพ้า โดยศึกษาตั้งแต่วัสดุที่ใช้ เริ่มจากกระบวนการทอผ้า ชนิดของผ้า ไปจนถึงการปักลวดลาย และเทคนิคต่างๆ

ในฐานะปรมาจารย์ตัวจริง อะไรคืออุปสรรคใหญ่ในการอนุรักษ์ “ชุดกี่เพ้า”


อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือ ภูมิปัญญาการทำชุดกี่เพ้าได้สูญหายไปพร้อมกับการล้มหายตายจากของช่างกี่เพ้า คนจีนสมัยก่อนมักไม่ค่อยถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้ลูกหลาน แต่จะเก็บเป็นความลับไว้กับตัว ทำให้งานฝีมือชั้นสูงสูญหายไปกับกาลเวลา จนถึงขณะนี้ มีช่างทำกี่เพ้าระดับยอดฝีมือเหลือเพียง 10 คนเท่านั้นในเซี่ยงไฮ้ แต่ละคนก็อายุมากแล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอนุรักษ์ฝีมือเอาไว้ โดยรัฐบาลจีนให้เงินสนับสนุนการอนุรักษ์ชุดกี่เพ้าเพื่อรักษาเป็นมรดกของชาติปีละหลายล้านหยวน และในปีหน้าจะมีการเปิดพิพิธภัณฑ์กี่เพ้าอย่างเป็นทางการในเซี่ยงไฮ้ด้วย

เสน่ห์ของ “ชุดกี่เพ้า” อยู่ตรงไหน


“ชุดกี่เพ้า” แต่ละตัวก็มีเอกลักษณ์เฉพาะแตกต่างกันไป และเป็นชุดที่ทำให้ผู้หญิงสวยงามที่สุด การทำกี่เพ้าถือเป็นศิลปะชั้นสูง ที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญ การตัดเสื้อปกติวัดตัวแค่ 3 จุด แต่สำหรับ “ชุดกี่เพ้า” ต้องวัดตัวอย่างละเอียดถึง 36 จุด เพื่อให้รับกับสรีระทุกส่วนของผู้สวมใส่ และแต่ละชุดต้องใช้เวลาตัดเย็บหลายเดือนไปจนถึงเป็นปีๆ

ยุคปัจจุบัน คนจีนนิยมสวมใส่ชุดกี่เพ้ามากน้อยแค่ไหน


คนจีนยุคปัจจุบันจะสวมใส่ชุดกี่เพ้าในโอกาสสำคัญๆของชีวิต รวมถึงในงานแต่งงาน แต่ไม่มีใครใส่ชุดกี่เพ้าเดินตามท้องถนนในชีวิตประจำวัน เพราะนิยมเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบชาวตะวันตกมากกว่า โดยชุดกี่เพ้าที่ได้รับความนิยมในงานมงคลต่างๆก็ยังคงเป็นชุดกี่เพ้าสีแดงและสีชมพู ส่วนลวดลายต่างๆเปลี่ยนไปตามสมัยนิยม

ลวดลายของ “ชุดกี่เพ้า” สื่อความหมายแตกต่างกันอย่างไร มีลวดลายต้องห้ามไหม


สมัยราชวงศ์ชิง ถ้าใครใส่กี่เพ้าลวดลายมังกรและหงส์ โดยที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ต้องโดนตัดหัว!! แต่ทุกวันนี้ ลวดลายมังกรและหงส์เป็นที่นิยมอย่างมากในงานมงคล เช่นเดียวกับลวดลายดอกบัวและดอกโบตั๋น ซึ่งงดงามอ่อนช้อย และมีความหมายมงคล เพียงแต่มีขนบต้องห้ามอยู่บ้าง เช่น “ห่าน” เป็นสัตว์อัปมงคลตามความเชื่อของชาวจีน จึงไม่นิยมนำมาปักบนชุดกี่เพ้า หรืออย่างลวดลายมังกรจะต้องปักไว้ข้างขวาของชุดกี่เพ้า ขณะที่ลายหงส์ปักไว้ข้างซ้าย เพราะชาวจีนเชื่อว่า ข้างขวาใหญ่กว่าข้างซ้าย ที่สำคัญก็คือ มังกรจะต้องอยู่สูงกว่าหงส์ ถ้าหงส์อยู่เหนือมังกรเมื่อไหร่ มีปัญหา!!

ทุ่มเทอนุรักษ์ “ชุดกี่เพ้า” มาหลายทศวรรษ อะไรคือยาชูใจทำให้ไม่เหนื่อยไม่ท้อ

สิ่งที่ผมทำอยู่เป็นงานที่มีความหมาย ถ้าไปทำอาชีพอื่น หรือแม้แต่เป็นศิลปินวาดรูป ก็อาจร่ำรวยมีเงินทองมากกว่านี้ แต่การอุทิศชีวิตให้ “ชุดกี่เพ้า” ทำให้ชีวิตมีคุณค่าและมีจุดมุ่งหมาย ปีนี้ผมอายุ 57 ปีแล้ว สิ่งที่ใฝ่ฝันสูงสุดก็คือ อยากให้คนจีนทุกคนภาคภูมิใจและรักในชุดกี่เพ้า และอยากให้นานาชาติยอมรับชุดกี่เพ้า ในฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญของโลก.

...


ทีมข่าวหน้าสตรี