ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่หนุ่มๆ จนขึ้นทำเนียบซีอีโอหนุ่มไวไฟ สำหรับ “นพพร วิฑูรชาติ” ประธานกรรมการบริหาร วัย 47 ปี แห่งบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ขณะอายุแค่ 29 ปี เขาเริ่มสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง จนขึ้นแท่นเป็นเจ้าแห่งธุรกิจศูนย์การค้าแนวคอมมิวนิตี้มอลล์และไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์อันดับหนึ่งของเมืองไทย ล่าสุด เขาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการศูนย์การค้าอีกครั้ง ด้วยการจับมือร่วมทุนกับเจ้าของเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกจากสวีเดน “อิเกีย” สร้างศูนย์การค้าแนวราบใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ภายใต้ชื่อ “เมกา บางนา” ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 20,000 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ครอบคลุม 254 ไร่ ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่บริเวณ กม.8 ถนนบางนา-ตราด

โดดเข้าสู่วงการธุรกิจศูนย์การค้าได้อย่างไร

ครอบครัวผมเป็นคนจีนแคะ ที่บ้านทำธุรกิจตลาดสดตั้งแต่สมัยคุณทวดในยุค ร.5 ตอนหลังก็พัฒนาขึ้นมาเป็นตลาดสดติดแอร์ รู้จักในชื่อ “ศูนย์การค้าตลาดมีนบุรี” ส่วนตัวผมจบวิศวะคอมพิวเตอร์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯลาดกระบัง หลังเรียนจบเข้าทำงานที่ปูนซิเมนต์ไทยได้ 13 ปี จากนั้นก็มาช่วยที่บ้านทำศูนย์การค้าตลาดมีนบุรี อยู่ 4-5 ปี เป็นตลาดเก่าแก่อายุร่วม 100 ปี ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทสยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด เพื่อพัฒนาศูนย์การค้า จริงๆผมไม่เคยคิดทำธุรกิจ อยากทำงานบริษัทใหญ่ๆกินเงินเดือนมากกว่า พ่อผมอยากให้รับราชการด้วยซ้ำ ไม่อยากให้ลูกหลานลำบาก แต่ดวงจับพลัดจับผลู มีจังหวะตอนช่วยทำตลาดมีนบุรี บังเอิญห้างฯจัสโก้ของญี่ปุ่นอยากเข้ามาทำศูนย์การค้าในเมืองไทย จึงชวนให้มาทำร่วมกัน โดยเขาสอนวิธีการให้ทุกอย่าง และยังให้เงินทุนมาพัฒนาศูนย์การค้าเพิ่มอีกหลายแห่ง ถ้าถามว่ามีความรู้เรื่องนี้โดยตรงไหม ก็ไม่มี อาศัยว่ามีเบสิกด้านอสังหาฯบ้าง แต่เป็นประเภทให้เช่าที่ดินทำปั๊มน้ำมัน, ทำไร่ทำนาทำสวน และทำตลาด การทำศูนย์การค้าสมัยนั้น คือ ทำตลาดติดแอร์นั่นเอง มีหน้าที่บริหารจัดการตลาดสดแบบโบราณให้เป็นที่เป็นทาง และมีความถูกสุขลักษณะยิ่งขึ้น ตลาดสดก็คือคอมมิวนิตี้มอลล์ของคนไทยสมัยก่อน เราก็เปลี่ยนใหม่ให้มีร้านค้าทันสมัย มีซุปเปอร์มาร์เกต มีร้านอาหารหลากหลาย มีการจัดการเรื่องความสะอาด และการรักษาความปลอดภัย ดูแลเรื่องที่จอดรถให้สะดวกสบาย

ไปไงมาไงถึงร่วมทุนกับสวีเดนทำอภิมหาโปรเจกต์ใหญ่ “เมกาบางนา”


บังเอิญว่า บริษัท อิคาโน่ จำกัด เจ้าของแบรนด์ “อิเกีย” ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกจากประเทศสวีเดน อยากเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย และกำลังมองหาพาร์ตเนอร์ในเมืองไทย มีการคุยกับบริษัทใหญ่ๆมาแล้วหลายค่าย แต่พอมาคุยกับเราแล้วเกิดคลิก เพราะมีปรัชญาและวิธีคิดคล้ายคลึงกันมาก ทางสวีเดนจึงตัดสินใจเลือกเราคือ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาศูนย์การค้าชุมชนและไลฟ์สไตล์ของเมืองไทย โดยร่วมทุนกันคนละ 49% ก่อตั้งบริษัทเอสเอฟดีเวลอปเมนท์ จำกัด เพื่อสร้างและบริหารโครงการเมกาบางนา ให้เป็นศูนย์การค้าแนวราบขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย หลังทำโครงการสำเร็จ ผมยังมานั่งคุยกับทางสวีเดนว่า เป็นการจับคู่ที่ลงตัวนะ เหมือนคู่แต่งงานที่เพอร์เฟกต์ เพราะเรามีความตั้งใจทำงานเหมือนกัน มีอุดมการณ์ตรงกัน โดยต่างคนต่างส่งคนเก่งที่สุดมาทำงาน ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดจริงๆ

อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้ประสบความสำเร็จตั้งแต่หนุ่มๆ


นอกจากความขยันและซื่อสัตย์แล้ว ผมเชื่อมั่นว่า การทำธุรกิจจะประสบความสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่มีพ่อแม่คอยสนับสนุนและวางรากฐานไว้ให้ลูกหลานได้สานต่อ ที่สำคัญ ผมยังได้ผู้อุปการคุณดีมาตลอด และเป็นคนค่อนข้างโชคดี คือ เฮง 70% ส่วนเก่งแค่ 30% โดยตลอดชีวิตการทำงานมักจะได้ผู้ใหญ่อุปถัมภ์ ตอนทำงานปูนซิเมนต์ไทย ก็ได้เจ้านายที่ดีมากสอนงานเราหมดทุกอย่าง พอทำธุรกิจก็ได้พาร์ตเนอร์ที่ดี และมีแต่ได้พันธมิตรเพิ่ม ไม่เคยแตกคอกันเลย อย่างเช่น ห้างฯจัสโก้ของญี่ปุ่น ตอนที่เข้ามาลงทุนทำศูนย์การค้าในเมืองไทยยุคแรก และร่วมลงทุนกับครอบครัวผม ก็สอนวิธีการทำศูนย์การค้าให้ทุกอย่าง สมัยนั้นมีแต่เถ้าแก่รุ่นเก่า พอมาเจอผม ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ จึงพูดคุยกันรู้เรื่อง จากนั้นทางญี่ปุ่นก็ชวนผมทำศูนย์การค้าร่วมกันอีก เขาชมว่าเราเป็นคนรุ่นใหม่พูดจาเป็นหลักเป็นฐาน มีความซื่อสัตย์ น่าจะลองมาขยายธุรกิจด้วยกัน จึงให้เงินมาลงทุนขยายธุรกิจศูนย์การค้า หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2002 ผมก็มาเจอ “คุณวิชา พูลวรลักษณ์” ชวนเข้าหุ้นขยายธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้า โดยตอนนั้น ทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป อยากทำศูนย์การค้าแนวคอมมิวนิตี้มอลล์อย่างที่เราถนัด เมื่อคุยกันแล้วมีแนวคิดเดียวกัน เลยร่วมมือกันมาตั้งแต่นั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สยามฟิวเจอร์ฯพัฒนาแบบก้าวกระโดด จากเดิมที่มีศูนย์การค้าในมือเพียง 8 แห่ง ก็ขยายเป็นปีหนึ่งเปิดประมาณ 4-5 แห่ง โดยผลงานที่ภูมิใจก็คือ การทำศูนย์การค้าเอสพลานาดร่วมกัน ซึ่งเหมือนยก “เจ อเวนิว” มาผสมกับเมเจอร์ เป็นส่วนผสมลงตัวระหว่างสยามฟิวเจอร์ฯ ที่ถนัดทำไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ กับเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ที่เก่งเรื่องธุรกิจเอนเตอร์เทน-เมนท์เซ็นเตอร์ ปัจจุบันมีศูนย์ การค้าอยู่ภายใต้การบริหารจัดการเกือบ 40 แห่ง

กุญแจสำคัญของการพัฒนาศูนย์การค้าให้โดดเด่นโดนใจอยู่ตรงไหน


การทำอาชีพนี้หยุดนิ่งไม่ได้ ทำอาชีพนี้ไม่ใช่นั่งอยู่แต่ในออฟฟิศ เราต้องมีนิสัยชอบช็อปปิ้ง และเปิดหูเปิดตากว้างด้วย ไม่อย่างนั้น ก็คงมองไม่ออกว่าควรพัฒนาศูนย์การค้าอย่างไรให้คนอยากมาเดิน งานหลักของผม คือเดินศูนย์การค้าในต่างประเทศ มีหน้าที่เดินทางไปทั่วโลกเพื่อช็อปปิ้ง ถ้าอยู่เมืองไทยก็ต้องเดินศูนย์การค้าอย่างน้อยวันละ 2-3 แห่ง ไปดูของเราบ้าง ของคนอื่นบ้าง ไม่ได้ดูเพื่อลอกเลียนแบบคู่แข่ง แต่เราทำงานอยู่กับไลฟ์สไตล์ของคน ต้องคอยอัพเดตเทรนด์ ใหม่ๆตลอดเวลา ต้องคอยดูว่าร้านค้าสมัยใหม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง พฤติกรรมของคนช็อปปิ้งมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง มีเทรนด์อะไรใหม่ๆเกิดขึ้นบ้าง ปีๆหนึ่งผมจึงเดินทางเยอะมาก หลักๆจะต้องไปประเทศอเมริกา, ยุโรป, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย อย่างศูนย์การค้าเอสพลานาด ผมก็ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางไปเห็นศูนย์การค้าเวสต์ฟิลด์ ฮอร์ตัน พลาซ่า มอลล์ ในเมืองซาน-ดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่กลางเมืองซานดิเอโก เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งแรกๆในอเมริกา เขาจะเน้นเรื่องของดีไซน์ ศิลปะ และการออกแบบที่เปิดโล่งเดินสบาย ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่ผมคิดว่าเหมาะกับเมืองไทยมาก เวลาผมเดินทางไปดูงาน จะมีทีมสถาปนิกและทีมการตลาดตามไปด้วย อยากให้ทุกคนได้เห็นรูปแบบใหม่ๆ เมื่อนำกลับมาคุยกันที่เมืองไทย จะได้มองภาพไปในทิศทางเดียวกัน “ศูนย์การค้าเอสพลานาด” ถือเป็นของแปลกใหม่ในยุคนั้น ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรม รวมถึงคอนเซปต์ที่เน้นเรื่องไลฟ์สไตล์และอาร์ตทั้งหมด ต้องยอมรับว่าสมัยนี้ดีไซน์เป็นเรื่องสำคัญ เวลาทำศูนย์การค้าแนวไลฟ์สไตล์ต้องทุ่มงบเต็มที่ห้ามขี้เหนียว ลูกค้ายุคใหม่ชอบอะไรทันสมัยแปลกหูแปลกตา มาแล้วต้องรู้สึกอินเทรนด์ เรื่องของการจัดพื้นที่เช่าและร้านค้าที่เหมาะสมน่าเดินก็สำคัญมาก

มีเทคนิคอะไรในการเลือกทำเลสร้างศูนย์การค้าแนวไลฟ์สไตล์


ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!! การเลือกโลเกชั่นเป็นอะไรที่สำคัญที่สุด ต้องดูว่าเป็นทำเลที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่นพอไหม เดินทางไปมาสะดวกไหม จากนั้นค่อยคิดคอนเซปต์ว่าจะพัฒนาอย่างไร แล้วมาดูว่ามีคู่แข่งอยู่ในรัศมีเดียวกันมากน้อยแค่ไหน มีกำลังซื้อของลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายแค่ไหน ซึ่งแต่ละคอนเซปต์ก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไปคำนวณดูรายได้จากค่าเช่า บวกลบคูณหารดูความเป็นไปได้ สุดท้ายค่อยดูเรื่องการออกแบบและวางแผนธุรกิจ ช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจใหญ่ในเมืองไทย ที่ดินราคาถูกลงมาก ถือเป็นโอกาสทองของเราในการขยายธุรกิจ จึงเป็นช่วงที่เราสร้างศูนย์การค้าแบบไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์แห่งแรก คือ มาร์เก็ตเพลส ทองหล่อ เกิดจากไอเดียที่อยากให้คนกรุงมีที่นั่งดื่มกาแฟ นั่งทานอาหาร และแฮงก์เอาต์กัน การทำธุรกิจของผมจะไม่เน้นการซื้อที่ดินดักรอเหมือนหมู่บ้านจัดสรร แต่ต้องให้มีชุมชนก่อน มีถนนเรียบร้อย เราถึงเข้าไปซื้อที่ดินทำศูนย์การค้า

แนวโน้มธุรกิจศูนย์การค้าในเมืองไทยจะเติบโตไปทิศทางไหน

สังเกตให้ดีว่า ยุคนี้ไม่มีใครสร้างตึกแถวแบบเดิมๆแล้ว เพื่อให้คนทำมาค้าขาย หรือเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว แต่อาคารใหม่ๆจะเน้นรูปแบบที่มีดีไซน์สวยงาม ซึ่งจุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ที่ต้องการความแปลกใหม่มากขึ้น สมัยก่อนไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์อาจขยายตัวไม่ได้มาก เพราะลูกค้ายังไม่พัฒนา แต่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะไปเปิดที่ไหน ก็มีผู้เช่าเต็มทั้งนั้น ผมเชื่อว่ายังมีคนอยากเปิดร้านและหาพื้นที่ขายของอยู่ ธุรกิจนี้ยังไม่อิ่มตัวง่ายๆ ยิ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเมืองไทยกำลังเติบโต และกำลังจะมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน คนไทยก็ย่อมมีกำลังซื้อมากขึ้น ความเจริญยังสามารถขยายตัวออกไปต่างจังหวัดได้อีกเยอะ ตอนนี้เรายังทำที่กรุงเทพฯไปก่อน แต่ในอนาคตอันใกล้ คนต่างจังหวัดน่าจะพร้อมเปิดรับคอมมิวนิตี้มอลล์ และไลฟ์สไตล์มอลล์ สังคมเมืองไทยเป็นสังคมคนเมือง วันหยุดก็ต้องไปเที่ยวห้างฯ ศูนย์การค้าในอนาคตจึงต้องตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้ได้ เทรนด์ในอนาคตของศูนย์การค้าแนวนี้ควรพัฒนาให้มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น และสร้างคอนเซปต์ให้มีส่วนร่วมกับชุมชนมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคอมมิวนิตี้มอลล์ การจัดกิจกรรมต่างๆก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญเพื่อส่งเสริมศูนย์การค้า โลกเปลี่ยนไปแล้ว อีกหน่อยเราต้องแข่งขันกับประเทศอื่นๆในอาเซียน เราไม่ควรจำกัดตัวเองอยู่ในกรอบความคิดเก่าๆ แต่ต้องรู้จักคิดนอกกรอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เกินคาด ที่สำคัญการทำธุรกิจวงการนี้ต้องเป็นคนมองโลกในแง่ดี ต้องให้ก่อน...แล้วค่อยรับ ทำอย่างไรให้ร้านค้าอยู่ได้ และชาวบ้านที่อยู่รอบๆมีความสุข สุดท้ายเราก็แฮปปี้.

...


ทีมข่าวหน้าสตรี