มีการกล่าวขานหลายๆ อย่างเกี่ยวกับโรคเบาหวาน เบาหวานทำให้เกิดโรคหัวใจ เบาหวานทำให้เกิดอัมพาต เบาหวานทำให้ตาบอด เบาหวานทำให้ไตวาย เบาหวานทำให้ถูกตัดขา ฯลฯ
แล้วผู้ที่เป็นเบาหวานกลัวอะไรมากที่สุด บางคนกลัวตาบอด บางคนกลัวล้างไต บางคนกลัวเป็นอัมพาต บางคนกลัวถูกตัดขา หลากหลายต่างๆ กันไป แน่นอน....ถ้าไม่เกิดขึ้นดีที่สุด แต่....คงไม่โชคดีตลอดไป ถ้าเกิดโรคแทรกซ้อน นั่นคงหมายถึงต้องทุกข์ทรมานตลอดชีวิต
เบาหวานตายจากอะไรมากที่สุด
คงไม่ยากที่จะเดาคำตอบได้ว่า เบาหวานตายจากโรคหัวใจมากที่สุด คนที่เป็นเบาหวานเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนที่ไม่เป็น 2-4 เท่า และโรคหัวใจที่ทำให้เกิดอัตราตายสูงสุดคือโรคหัวใจขาดเลือด (ischemic heart disease) หรือโรคหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี (coronary heart disease)
นั่นหมายความว่า ต้องมีการตีบของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจจึงทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด การที่หลอดเลือดแดงตีบก็ต้องเกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ที่เกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย รวมทั้งหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ (คือหลอดเลือดแดงโคโรนารี)
เบาหวานเป็นปัจจัยเสี่ยงของหลอดเลือดแดงแข็ง แต่เบาหวานและหลอดเลือดแดงแข็งเป็นกระบวนการคนละอย่างกัน การเปลี่ยนแปลงในพยาธิสภาพของหลอดเลือดแดงแข็งอาจเกิดขึ้นก่อนการเป็นเบาหวานหลายปีหรืออาจนับสิบปี ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นเบาหวานครั้งแรกพบมีพยาธิสภาพของหลอดเลือดแดงแข็งแล้วถึง 50%!!
...
ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งเป็นสาเหตุนำไปสู่การตายในเบาหวานถึง 65% โดย 40% มาจากหัวใจขาดเลือด อีก 15% มาจากโรคหัวใจอย่างอื่น และที่เหลือ 10% จากสมองขาดเลือด จะเห็นว่าสาเหตุการตายที่พบบ่อยที่สุดทั้ง 3 ประการนี้ มาจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
ทำไมเบาหวานจึงไปเกี่ยวข้องกับหลอดเลือดแดงเข็ง
ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance) เป็นสาเหตุสำคัญของเบาหวานประเภทที่ 2 รวมทั้งเป็นสาเหตุสำคัญของกลุ่มอาการเมตะบอลิกด้วย ภาวะดื้อต่ออินซูลินพบในเบาหวานประเภทที่ 2 ประมาณ 85-90% และจะคงสภาพนี้ไปตลอด เมื่อการหลั่งอินซูลินลดลง น้ำตาลในเลือดเริ่มสูงขึ้น โดยน้ำตาลในเลือดหลังอาหารสูงขึ้นก่อนน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร เมื่อระดับอินซูลินลดลงถึงระดับหนึ่งน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารจึงเริ่มสูงขึ้น โดยทั่วไปหน้าที่ตับอ่อนในการสร้างอินซูลินจะสูญเสียไปประมาณ 50% ขึ้นไป น้ำตาลในเลือดขณะอดอดอาหารจึงเริ่มสูง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ เบาหวานเป็นความผิดปกติที่มีการดำเนินของโรคอย่างต่อเนื่อง หน้าที่ของตับอ่อนจะลดลงไปเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เป็นนานขึ้น นั่นหมายความว่า ถ้าไม่ได้รักษา โรคจะเป็นมากขึ้น น้ำตาลในเลือดจะเพิ่มขึ้นตามระดับของอินซูลินที่ลดลง ในขณะที่ภาวะดื้อต่ออินซูลินยังคงสูงเหมือนเดิม
ภาวะดื้อต่ออินซูลินยังมีความสัมพันธ์กับความอ้วน มีเพียงประมาณ 20% ของผู้ที่อ้วนเท่านั้นที่ไม่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ในขณะที่ผู้ที่ผอมหรือมีน้ำหนักปกติมีภาวะดื้อต่ออินซูลินได้ประมาณ 20% เช่นกัน นอกจากอ้วนแล้ว ภาวะดื้อต่ออินซูลินยังเกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง (ไตรกลีเซอไรด์สูง, ไขมันเอชดีแอลซึ่งเป็นไขมันที่ดีต่ำ) ตลอดจนรบกวนหน้าที่ของเยื่อบุเซลล์ชั้นในของผนังหลอดเลือดด้วย (endothelial cell) ความผิดปกติต่างๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดหลอดเลือดแดงแข็งทั้งสิ้น (จริงๆ แล้วมีมากกว่านี้อีกหลายอย่าง)
ภาวะดื้อต่ออินซูลินจึงเป็นเหตุสำคัญต่อการเกิดหลอดเลือดแดงแข็งและเบาหวาน
น้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงโดยตรงที่กระตุ้นกระบวนการของหลอดเลือดแดงแข็ง ความผิดปกติในกระบวนการเมตะบอลิสม ก่อให้เกิดการสร้างสารเคมีหรือกระบวนการบางอย่างที่ไปมีส่วนทำลายหลอดเลือดแดง เช่น การทำหน้าที่ของเยื่อบุเซลล์ชั้นในของผนังหลอดเลือดแดง (endothelial cell) ผิดปกติ ทำให้สูญเสียกลไกการป้องกันหลอดเลือด และไปกระตุ้นกระบวนการทำลายหลอดเลือดแทนการเพิ่มอนุมูลอิสระ และเพิ่ม oxidative stress การเปลี่ยนแปลงในกลไกการแข็งตัวของเลือดให้มีการเกาะจับตัวของเลือดได้ง่ายขึ้น การกระตุ้นกลไกการอักเสบของผนังหลอดเลือดแดง การเพิ่มการจับตัวของน้ำตาลกลูโคสกับสารโปรทีนบางอย่าง (glycosylation) ซึ่งเป็นเสมือนสารพิษในร่างกาย และ ฯลฯ
เบาหวานจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงโดยตรงต่อการเกิดหลอดเลือดแดงแข็ง
เมื่อเกิดหลอดเลือดแดงแข็ง จะเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย กลไกการเกิดจะค่อยๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงระดับที่เลือดไหลเวียนสู่อวัยวะที่เกี่ยวข้องไม่เพียงพอ ก็เกิดเป็นโรคขึ้น ความผิดปกติที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากการขาดเลือด อวัยวะที่สำคัญที่เกี่ยวกับการดำรงชีพคือหัวใจ เมื่อหัวใจขาดเลือดนำไปสู่อาการและโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง รวมทั้งการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
จงอย่าประมาท อยู่อย่างมีสติและปัญญา และร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันต่อเบาหวาน-หลอดเลือดแดงแข็ง-โรคหัวใจกันเถิด
ยากหรือไม่ที่จะสร้างภูมิคุ้มกัน
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะป้องกันเบาหวาน
ทำอย่างไรที่วินิจฉัยเบาหวานแต่แรกเริ่ม
รักษาเบาหวานให้เหมือนปกติได้จริงหรือ
คงต้องบอกว่า “ไม่ลอง ไม่รู้” ถ้า “ไม่รู้ ก็น่าจะลอง” เพราะถ้า “ลองแล้ว จะรู้”
ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์และต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลเวชธานี