"มี้ไม่มีงานอดิเรก เพราะว่าไปไหนก็หนีแฟชั่นไม่พ้น" ประโยคเด็ดบ่งบอกความรักในสิ่งที่ทำของสาว 'มี้-มิลิน ยุวจรัสกุล' ดีไซเนอร์สัญชาติไทย เจ้าของแบรนด์ดังแห่งยุค 'Milin' แบรนด์ที่สาวไทยกำลังคลั่งไคล้! โดยวินาทีแรกที่ไทยรัฐออนไลน์ได้พบหน้า บอกได้คำเดียวว่า 'ประทับใจ' ไม่ใช่ประทับใจในความสำเร็จของสาวร่างเล็กคนนี้ แต่ถูกใจในความคิดและคำพูดตรงๆ ไร้การปั้นแต่งให้สวยหรู
เส้นทางดีไซเนอร์
ด้วยความที่คะแนนในสมุดพกต่างยืนยันมาแล้วว่ามิลิน ยุวจรัสกุล มีแววด้านศิลปะมาแต่เล็กแต่น้อย พอเข้าสู่ช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 5 ต้องเลือกทางเดินของชีวิต สาวมี้ก็ไม่ลังเลที่จะไปทางศิลปะ โดยเดินทางไปศึกษาติวเข้มพื้นฐานศิลปะที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 3 เดือนเต็ม ซึ่งต้องเรียนทุกอย่างที่เกี่ยวกับศิลปะ
"โชคดีค่ะที่มี้ค้นพบตัวเองในสัปดาห์เรียนออกแบบเสื้อผ้า มันสนุกจนแทบวางไม่ลง พอรู้ตัวมี้ก็ไม่รอช้า ลงมือศึกษาอย่างจริงจังเพื่อให้สอบเข้ามหาวิทยาลัย LCF หรือ London College of Fashion ซึ่งเรียนพื้นฐานแฟชั่นทั้งหมด 1 ปี แล้วค่อยๆ ลงลึกไปเรื่อยๆ แต่เป้าหมายสุดท้ายของการศึกษาแฟชั่นในสถาบันที่มี้ต้องการคือที่ Saint Martins College of Arts ในสาขาแฟชั่นปริ้น"
ทำได้ไม่ใช่แค่พรสวรรค์อย่างเดียว
"การที่เราสอบเข้าได้และจบมาได้ ไม่ใช่แค่พรสวรรค์หรือความชอบเพียงอย่างเดียว ในความคิดของมี้ แฟชั่นคือการทุ่มเท ยิ่งพอศึกษาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เราต้องทำงานเองทุกอย่าง รถยนต์ไม่ต้องพูดถึง เดินหรือไม่ก็ขึ้นรถประจำทางเท่านั้น แบกอุปกรณ์ไปเรียนด้วยตัวเอง เห็นมี้ตัวเล็กๆ แบบนี้แต่พอให้ทำงานจริงๆ แค่ไหนก็ต้องสู้ค่ะ (หัวเราะ) อีกอย่างคำว่าศิลปะหรือแฟชั่น ไม่มีคำว่าผิดหรือถูก เพียงแค่เราส่งงานครบ ไม่ต้องมาคิดเลขจำสูตรให้วุ่นวายสมอง"
...
กว่าจะมีแบรนด์ Milin
Milin เริ่มต้นจากทีมงาน 4-5 คนเท่านั้น โดยเน้นคอนเซปต์เสื้อผ้าที่สาวมี้อยากใส่ และหาซื้อตามท้องตลาดไม่ได้ เลยเกิดเป็นแบรนด์ Milin ขึ้นมา โดยเสื้อผ้าจะออกแบบแนวเซ็กซี่เพื่อสาวเอเชียร่างเล็ก ปลื้มการใส่รองเท้าส้นสูง รักการปาร์ตี้หลังเลิกงาน และไม่อยากจำเจกับกรอบแฟชั่นที่ซ้ำซากน่าเบื่อ
"มันคงจะดีนะคะถ้าเวลาเราใส่เสื้อผ้าแล้วมองกระจก เห็นตัวเองเซ็กซี่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง ดูผอมเพรียว ความสุขของผู้หญิงทั้งโลกก็คงมีเท่านี้แหละค่ะ (ยิ้ม) นอกจากนี้จุดแข็งของแบรนด์มิลิน น่าจะเป็นสไตล์ของเราที่แต่ละคอลเลกชั่นจะเปลี่ยนไป แต่เรายังคงความเป็นมิลิน ใครก็ต้องดูออกว่านี่เป็นเสื้อผ้าของเรา ความสนุกของเราคือการทำให้ลูกค้าตื่นเต้นอยู่เสมอ แฟชั่นคือศิลปะกับไลฟ์สไตล์ ถ้าเรารู้ว่าสาวมิลินเป็นยังไง งานมันก็ไปได้เรื่อยๆ ไม่มีตัน"
แฟชั่นกับธุรกิจ
คงไม่แปลกถ้าเจ้าของแบรนด์มิลินยอมรับตรงๆ กับไทยรัฐออนไลน์ว่า รู้สึกกดดันกับการทำธุรกิจ เนื่องจากเวลาที่เรียนหนังสือ เราได้รับคำสั่งแล้วทำตามคำสั่ง แต่ตอนนี้เราเป็นเจ้าของ เราต้องคุมทุกอย่างให้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งเขียนแบบตัดเสื้อผ้าอย่างเดียว แล้วไม่สนใจว่าเสื้อผ้าขายออกหรือเปล่า
"การทำธุรกิจต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ความล้มเหลวคือประสบการณ์ในวันข้างหน้า การทำธุรกิจแฟชั่นเหมือนทำงานแข่งกับเวลา ต้องรีบออกให้ทันกับฤดูกาล เช็กสต๊อกสินค้าและคำนวณโปรโมชั่นให้น่าสนใจ นอกจากนี้คงเป็นเรื่องเพื่อนร่วมงานที่เราต้องคอยดูแลให้เขารู้สึกสนุกไปกับงาน ให้เขาโตไปพร้อมกับมิลิน ถ้าคนเราทำงานไปพร้อมกับความเครียด เสื้อผ้าที่ออกมาจะดูขรึมตามไปด้วย"
4 ปีที่ไม่พอใจและ (ยัง)ไม่มั่นใจ
ดีไซเนอร์สาวคำนวณอายุก่อตั้งแบรนด์มิลินอยู่สักครู่ ก่อนจะตอบว่า "แบรนด์มิลินเกิดขึ้นมาประมาณ 4 ปี หากถามว่ามี้พอใจกับผลงานหรือไม่ มี้พอใจแต่ต้องได้อีก (หัวเราะ) มี้อยากให้ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบ มิลินยังต้องพัฒนาอีกทั้งเรื่องสต๊อกสินค้าหรือการตลาด" พอสาวมิลินตอบจบ ก็ได้เสียงซุบซิบ (นินทาเบาๆ) จากเลขาฯ ส่วนตัวหลังไมค์ว่า "พี่มี้เป็นคนเก็บรายละเอียดค่ะ ลงไปดูเองทุกอย่าง ตั้งแต่พนักงานขาย ร้านสาขา เรื่อยมาถึงการบริการลูกค้า เพิ่งมีช่วงหลังๆ ที่เริ่มไว้ใจลูกน้องบ้างแล้ว"
...
ชีวิตคือแฟชั่น
กิจวัตรประจำวันของ 'มิลิน ยุวจรัสกุล' มีแค่ทำงานตั้งแต่พระอาทิตย์ส่องแสงจนถึงลับขอบฟ้าทุกวัน หลังจากนั้นก็กลับบ้านหรือไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงตามวาระโอกาส ถามว่ามิลินเหนื่อยไหม คำตอบที่ได้คือไม่เหนื่อยเท่าไหร่ เพราะแฟชั่นมันคือชีวิต แม้เราจะขอพักผ่อนออกไปช็อปปิ้ง ก็หนีไม่พ้นเสื้อผ้าอยู่ดี เข้าร้านหนังสือก็มองหาแต่หนังสือแฟชั่น หรือจะหนีไปไกลถึงทะเล หัวสมองก็ยังแล่นหาแรงบันดาลใจคอลเลกชั่นใหม่อีกนั่นแหละ เพราะชีวิตของดีไซเนอร์ก็คือแฟชั่น จะหนีไปไหนก็คงไม่พ้น
ดารานิยม 'มิลิน' คนทั่วไปจึงนิยม 'มิลิน'
สาเหตุที่ข้อที่ทำให้แบรนด์ Milin โด่งดังขึ้นแท่นแบรนด์เสื้อผ้าสุดฮิตของประเทศไทย ส่วนหนึ่งมาจากดารานักแสดงและเซเลบริตี้เลือกเสื้อผ้าจากมิลินสวมใส่เดินเข้างานให้สื่อชักภาพเป็นว่าเล่น แน่นอนมันเป็นกระแสบ้าเห่อในช่วงแรกๆ แต่ทำอย่างไรให้มิลินยังคงฮอตไม่ตกยุคไปตามกาลเวลา "ก่อนอื่นมี้ขอขอบคุณดาราทุกคนที่ไว้ใจแบรนด์มิลิน รวมไปถึงสาวๆ ทุกคนที่ชื่นชอบเสื้อผ้าของเรา มี้และทีมงานทำเสื้อผ้ากันด้วยใจ มี้ลองใส่เองทุกแบบ ต้อนรับลูกค้าเองถ้าทำได้ ดังนั้นลูกค้าต้องการอะไรหรือเสื้อผ้าประมาณไหน มี้จะนำมาปรับปรุงอยู่เสมอ ทั้งนี้มี้ขอออกตัวก่อนว่า เสื้อผ้ามิลินไม่ใช่เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงตัวเล็กเท่านั้น คนอวบหน่อยก็ใส่ได้ เรามีไซส์ บางชุดมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ ใครไม่มั่นเรื่องแขนใหญ่ ก็ใส่แบบซีทรู ถ้าเรามั่นใจกับการแต่งตัว ใส่อะไรก็เซ็กซี่ได้ อย่าปิดกั้นการแต่งตัวที่เราชอบ"
...
อีกคำถามที่ต้องตามเกี่ยวกับสินค้าเลียนแบบ ที่ตอนนี้เสื้อผ้าก๊อบมิลินระบาดหนักในท้องตลาด "มี้ไม่โกรธเลยจริงๆ ออกจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่เรากลายเป็นเทรนด์เซตเตอร์ไปแล้ว เพียงแต่สงสารลูกค้ามิลินที่ซื้อของจริงไป กลัวเขาจะเสียความรู้สึก มี้และทีมงานเลยต้องเตรียมการสำหรับมาตรการเอาผิดสำหรับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ไว้บ้างค่ะ"
คนเรียนแฟชั่น ต้องรวย...!!!
"มี้ยอมรับว่าโชคดีที่ครอบครัวสนับสนุนเต็มที่เลยมีโอกาสได้ไปเรียนต่อที่อังกฤษ แต่ใช่ว่าการเป็นดีไซเนอร์ที่เก่งต้องไปเรียนที่ต่างประเทศเท่านั้น มี้มองว่าการเรียนแฟชั่นคือการทุ่มเท ยิ่งเราศึกษาเราพยายามเต็มที่จะอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน การที่ได้ไปเมืองนอกก็คือการเปิดโลกให้เราไปศึกษามุมมองจากคนต่างชาติต่างภาษา ได้เปรียบเทียบงานตัวเองกับคนอื่น ซึ่งยุคสมัยนี้เรามีอินเทอร์เน็ตแล้ว อยากรู้อยากเห็นอะไรก็แค่คลิกเท่านั้นเองค่ะ"
...
ฝากถึงดีไซเนอร์รุ่นใหม่
ก่อนที่เราจะจบการพูดคุยนักออกแบบร่างเล็กคนนี้ ไทยรัฐออนไลน์จึงอยากให้สาวมี้ฝากอะไรถึงดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่หวังว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสเช่นนี้บ้าง "ตอนนี้แต่ละแบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติไทยดูอินเตอร์มากขึ้น แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ กำลังซื้อของผู้บริโภคก็น้อยลง ซึ่งไม่ต้องหนักใจมากนัก เพราะคนไทยเริ่มแต่งตัวและกล้าออกความเห็นเกี่ยวกับแฟชั่น คนเราต้องมีความมั่นใจและมั่นคงเสียก่อน เพราะมี้เจอคำถามมาเยอะว่าแบรนด์มิลินพร้อมจะก้าวสู่ระดับโลกหรือยัง คำตอบขอบมี้คือ ขอใช้เวลาศึกษาและวางรากฐานมิลินให้ดีที่สุดก่อน เมื่อเราพร้อมเมื่อไหร่ มิลินก็จะอวดความเป็นมิลินให้คนทั้งโลกเห็นอย่างไม่อายใคร (ยิ้ม)"
สาวมิลินอยากเล่า
1. ชื่อมิลิน เป็นชื่อพ่อแม่ตั้งให้แต่กำเนิด หาความหมายไม่เจอ รู้เพียงแต่ว่าเป็นชื่อร้านอาหารแห่งหนึ่งที่คุณแม่บังเอิญไปเจอแถวบ้าน
2. Stella McCartney เป็นดีไซเนอร์ในดวงใจของสาวมี้ "แม้จะออกแบบคนละแนว แต่มองเสื้อผ้าของเขาทีไร รู้สึกทึ่งในความสามารถทุกที"
3. สไตล์การแต่งตัวก็คือสไตล์มิลิน แต่ถ้าวันว่างก็เสื้อยืดกางเกงขาสั้น เน้นความคล่องตัวเป็นหลัก
4. เห็นนักออกแบบเสื้อผ้าคนดังตัวเล็กอย่างนี้ไม่ใช่เกิดจากการควบคุมรูปร่าง แต่เป็นธรรมชาติใจดีให้รูปร่างผอมเพรียวมาแต่เล็กๆ
5. อาหารโปรดมักเป็นอาหารรสจัด อาทิ ส้มตำหรือยำวุ้นเส้น
6. เคล็บลับดูแลสุขภาพคือ เล่นโยคะ หาเวลาไปนวดหน้าบ้างในยามเหนื่อยจากงานหนัก และดื่มน้ำให้เยอะ
7. นอกจากจะชอบซื้อชอบดูเสื้อผ้าแล้ว เฟอร์นิเจอร์ก็เป็นอีกสิ่งที่มิลิน ยุวจรัสกุล หลงใหล
8. ไม่มีห้างสรรพสินค้าในดวงใจ ขับผ่านห้างไหนแวะห้างนั้นเป็นหลัก
ตลอดการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงครึ่ง สาวมิลินตอบคำถามอย่างฉะฉานมั่นใจ พร้อมดวงตาแวววาวอย่างมีความสุขที่ได้เล่าความเป็นมาของแบรนด์ที่ลงมือสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง แม้ดูจะเหนื่อยยากกว่าจะผ่านจุดเริ่มต้นมาได้ แต่อย่างน้อยสาวมิลินก็มีกำลังใจทั้งจากคุณแม่ที่นั่งให้กำลังใจอยู่ห่างๆ สังเกตจากรอยยิ้มที่มุมปากฉายออกมาทุกครั้งที่สาวมิลินตอบคำถาม และยังมีเพื่อนร่วมงานที่พร้อมใจทิ้งงานในมือ มานั่งเชียร์สาวมี้ตลอดการพูดคุย
เข้าใจแล้วว่า แบรนด์เสื้อผ้าแบรนด์นี้เกิดขึ้นด้วยมิลินและหัวใจที่รักมิลินจริงๆ !!!