ถึงคราวเลือกตั้งประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ คนใหม่ รวมถึงคณะกรรมการอำนวยการชุดใหม่ สมัยที่ 24 ประจำปี 2555-2558 ซึ่งจะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันนี้ (10 ก.ย.55) และปีนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีหญิงเก่งหน้าใหม่และเก่าที่เคยฝากฝีมือ มาเสนอตัวร่วมทำงานเพื่อพัฒนาองค์กรสตรีและสมาชิก แต่หลายคนไม่เคยผ่านการสมัครรับเลือกตั้งเลย เพิ่งจะลงสมัครครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดย

หนึ่งในนั้น คือแคนดิเดตคนสำคัญ สุพัฒนา อาทรไผท ในฐานะตัวแทนสมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ฯ(สปอท.)บอกถึงการร่วมชิงชัยในคณะกรรมการอำนวยการของสภาสตรีแห่งชาติฯ ว่า เป็นเพราะได้รับเชิญให้เข้ามาทำงานในฐานะประธานคณะกรรมการสมาชิกสมทบของสภาสตรีฯ มาเป็นเวลาติดต่อกันถึง 6 ปี ได้ลงพื้นที่ทำงานและวางแผนการทำงานร่วมกับสภาสตรีฯ จนเข้าใจถึงอุปสรรคและปัญหาต่างๆที่องค์กรสมาชิกต้องการ ประกอบกับได้แรงหนุนจากรุ่นพี่อดีตประธานสภาสตรีฯ และรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกัน ให้โดดออกมาอยู่เบื้องหน้าในการทำงานไม่ใช่อยู่แต่เบื้องหลังความสำเร็จ   จึงตัดสินใจลงชิงชัยในครั้งนี้ ด้วยเจตนาที่มุ่งมั่นอยากให้สภาสตรีฯ เป็นศูนย์รวมของสตรีทั่วประเทศ เป็นองค์กรที่จับต้องได้ และทำงานร่วมกับองค์กรสตรีทั่วประเทศอย่างจริงจังต่อไป

อีกหนึ่งรายชื่อที่น่าสนใจ ดร.วีณา เชิดบุญชาติ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพรไทย ร่วมวงเลือกตั้งครั้งใหญ่นี้ในนามสมาคมศิษย์เซนต์โยเซฟฯ ยอมรับว่า เพราะมีเพื่อนฝูงชักชวน บวกกับความสนใจส่วนตัว ที่มองเห็นว่าสภาสตรีฯ เป็นองค์กรที่ทำงานในวงกว้าง ตัวเองจะได้นำความรู้ที่ถนัดมาช่วยส่งเสริม เช่น ในเรื่องของปากท้อง หรือเศรษฐกิจในครัวเรือน โดยส่งเสริมให้ความรู้เรื่องสมุนไพร และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ที่ดีอยู่แล้วให้มีตลาดที่กว้างขึ้น เป็นต้น

อีกหนึ่งผู้สมัครสดๆซิงๆ ประกายรัตน์ ตันธีรวงศ์ นายกสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายฯ กล่าวว่า การลงสมัครครั้งนี้เป็นเพราะเห็นว่าปีนี้จะมีเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับผู้หญิงอยู่ในรัฐสภาค่อนข้างเยอะ เช่น พ.ร.บ. ความเสมอภาค, การเลือกปฏิบัติ รวมทั้งกฎหมายเกี่ยวข้องกับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี คิดว่าการเข้าไปช่วยงานในสภาสตรีฯ ซึ่งเป็นเหมือนองค์กรหลักที่รวมเครือข่ายผู้หญิงไว้มาก น่าจะเป็นประโยชน์ ในการช่วยดูบริบททางด้านกฎหมาย อีกทั้งยังอยากที่จะผลักดันให้มีกฎหมายเกี่ยวข้องกับสภาสตรีแห่งชาติด้วย เพราะตนมองว่าสภาสตรีฯ เป็นองค์กรสตรีในภาคเอกชน กระบวนการทำงานควรจะต้องมีการปรับเปลี่ยน เพราะตามกฎหมายสภาสตรีแห่งชาติฯ จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นสมาคมเท่านั้น จึงน่าจะมีกฎหมายรองรับการทำงานในฐานะที่เป็นตัวแทนผู้หญิงในภาคเอกชน เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาท โดยตนอยากจะเข้าไปช่วยดูแลในเรื่องนี้ด้วย

ส่วน ม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์ ลงสมัครในนามสมาคมนักเรียนเก่าราชินีฯ กล่าวว่า ตนมองเห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีม จึงอยากที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการพัฒนาตนเองของผู้หญิง ซึ่งสภาสตรีมีองค์กรสมาชิก 190 องค์กร พลังของเราสามารถจะสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้หญิงไทย โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมพัฒนาตนเองเพื่อการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน จึงอยากให้มีการฝึกฝนพัฒนาตนเองทั้งในเรื่องการศึกษา ภาษา และการฝึกอบรมอาชีพ เพราะผู้หญิงเราหากมีความรู้และหมั่นฝึกฝนพัฒนาตนเอง จะทำให้เราทำหน้าที่แม่ที่ดี แม่บ้านที่ดีได้อีกด้วย.

...