เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงได้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ในการช่วยเหลือพสกนิกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ประกอบด้วย 2 นิทรรศการย่อย ได้แก่ นิทรรศการ “ขัด รีด ร่ำ การดูแลผ้าแบบชาววัง” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างนี้ถึงวันที่ 30 ก.ย. ณ ห้องกิจกรรม ชั้น 1 พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง และนิทรรศการ “เป็น อยู่ คือ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-30 ก.ย. ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ท่านผู้หญิงอรนุช อิศรางกูร ณ อยุธยา ในฐานะคณะกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ฯ เผยถึงนิทรรศการ “ขัด รีด ร่ำ การดูแลผ้าแบบชาววัง” ว่า เป็นการเผยแพร่เรื่องการดูแลรักษาผ้าอย่างชาววัง ตั้งแต่ขั้นตอนการซักไปจนถึงขั้นตอนการอบร่ำ ด้วยเครื่องหอมนานาชนิด ซึ่งเป็นเรื่องราวและความรู้ที่หาชมได้ค่อนข้างยากแล้วในปัจจุบัน เพราะผ้านุ่งในสมัยโบราณมีวิธีกรรมมาก ทั้งการซัก ก็ซักด้วยเครื่องหอมต่างๆ แล้วนำมาผึ่งให้แห้ง จากนั้นนำไปจุ่มลงในขี้ผึ้งที่มีความหอม แล้วขึงลงบนพื้น ดึงให้ตึงทั้ง 4 ด้าน พอผ้าแห้ง จะนำหอยเบี้ยมาขัดจนขี้ผึ้งที่เกาะบนผ้าหลุดไป  ส่วนขี้ผึ้งที่ติดอยู่ตามใยไหมเวลาเดินจะมีเสียงกรอบแกรบ และมีความเงางาม ทำให้ผ้าทิ้งตัวสวยงาม มีการจับกลีบโค้งอย่างทุกวันนี้ บางครั้งจะเห็นผู้ที่นุ่งโจง ถ้าจะดัดกลีบให้โค้งเขาต้องนำไปจุ่มในขี้ผึ้ง

โอกาสนี้ทางพิพิธภัณฑ์ยังได้จัดบรรยายทางวิชาการให้ความรู้โดย อ.เผ่าทอง ทองเจือ ผู้ชำนาญทางด้านประวัติศาสตร์โดยเฉพาะเรื่องผ้าของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกล่าวถึงนิทรรศการที่จัดขึ้นว่า นอกจากการบรรยายทางวิชาการแล้ว ยังมีกิจกรรมการแสดงสาธิตประกอบ ซึ่งคนไทยจะสนใจมาก เพราะจะได้เห็นวิธีการนุ่งผ้า นุ่งจีบหน้านาง นุ่งโจงกระเบน ว่าทำอย่างไรถึงจะใส่สบาย มีให้ชมทั้งแบบวีดิทัศน์ ที่เป็นภาพเคลื่อนไหว และการสาธิตจริง เช่น การอัดกลีบ การห่มสไบ มีทั้งแบบห่มเคียนอก แบบขึ้นไหล่ หรือแบบสองไหล่ ห่มตะเบงมาน ซึ่งมีวิธีการห่มแตกต่างกันไป นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการอบร่ำ การทำผ้า ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่ตกโลกไปแล้ว ถ้าไม่มีการฟื้นขึ้นมาในงานนี้ก็จะไม่มีการถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวต่อไปอีกเลย

สำหรับนิทรรศการ “ขัด รีด ร่ำ การดูแลผ้าแบบชาววัง” เหมือนพาผู้เข้าชมย้อนกลับไปสู่บรรยากาศของเมืองไทยยุคก่อน ตั้งแต่ทางเดินเข้าสู่ห้องนิทรรศการ จะได้สัมผัสกับความหอมอบอวลของกลิ่นน้ำอบน้ำปรุง และกลิ่นหอมของดอกไม้ไทยนานาชนิด เนื้อหาของงานที่จัดแสดงตามมุมต่างๆ เป็นการบอกเล่าเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆในการดูแลผ้า ทั้ง การซัก คือ การทำความสะอาดที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของผ้า มีทั้งการต้ม, นำไปแช่ในน้ำมะพร้าว เป็นต้น การขัด ผ้านุ่งทั่วไปเมื่อต้มในน้ำชะลูดหอมกับลูกซัดแล้ว จะนำไปขัดด้วยเปลือกหอยเบี้ย เพื่อให้ผ้าขึ้นเงาสวย การอัด ผ้าที่ผ่านการซักและอบร่ำจนหอมแล้ว ถ้าเป็นสไบจะนำมาจับจีบ แล้วใช้ไม้หนักๆ ทับให้อยู่ทรง หรือใช้เครื่องมือรางจีบ  การร่ำ  ชาววังนั้นเวลาเดินไปไหน ขนาดตัวไปแล้วกลิ่นยัง “หอมติดกระดาน” อยู่ เพราะมีการร่ำผ้าก่อนนำไปใช้ โดยนำผ้าใส่โถหรือหีบที่บรรจุดอกไม้สดหอมอยู่ภายใน ปิดให้แน่น แล้วร่ำ ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น ร่ำด้วยเทียน ร่ำด้วยดอกไม้สด และร่ำด้วยน้ำปรุง จนกลิ่นกำซาบเข้าเนื้อผ้าหอมติดทนนาน.

...