ส้มยูซุ ผลไม้รสชาติเปรี้ยวที่มีเอกลักษณ์คือความหอมไม่เหมือนใคร กลายเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่เป็นมากกว่าแค่เครื่องดื่ม แต่ยังพัฒนาให้อยู่ในอาหารรูปแบบต่างๆ ทั้งของคาว ของหวาน ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันอีกมากมาย ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบในรสชาติและความหอมที่ไม่ซ้ำใครของผลไม้ชนิดนี้
“แบรนด์นี้เริ่มจากความชอบ จอยชอบเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว พอได้ลองชิมน้ำส้มยูซุครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจ จากนั้นก็ศึกษาหาข้อมูลจนมาเปิดแบรนด์ของตัวเอง” กมลมาลย์ วัสสันตชาติ หรือจอย ผู้ก่อตั้งแบรนด์ยูซุ เฮ้าส์ บาย ฮันนี่ โมนี่ (Yuzu House By Honey Moni) เล่าให้กับทีมข่าวไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์ด้วยแววตาที่เป็นประกายสะท้อนถึงความชื่นชอบของเธอ
...
เธอเล่าย้อนให้ฟังว่า ณ ตอนนั้นเธอทำธุรกิจแบบ One Stop Service ซึ่งมีการนำเข้าเครื่องดื่มให้ลูกค้า จึงมีโอกาสได้ทดลองสินค้าหลายๆ อย่างที่ทางซัพพลายเออร์นำเข้ามา จนได้มาลองชิมน้ำส้มยูซุครั้งแรกจากซัพพลายเออร์เกาหลีจึงเกิดความประทับใจในรสชาติของส้มยูซุที่เปรี้ยวกว่ามะนาวถึง 3 เท่า แต่ยังมาพร้อมความหอมที่ไม่เหมือนใคร จนเธอพบว่าที่มาของส้มยูซุมาจากประเทศญี่ปุ่น จึงเป็นที่มาของการเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์จากส้มยูซุแท้ๆ แบบ 100% ที่ไม่ผสมสีหรือแต่งกลิ่นสังเคราะห์ ภายใต้แนวคิดส่งต่อสิ่งดีๆ ให้คนที่เรารักขึ้นมาในวันนี้
แบรนด์ยูซุ เฮ้าส์ บาย ฮันนี่ โมนี่ (Yuzu House By Honey Moni) เริ่มต้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จากการขายน้ำส้มยูซุพร้อมดื่มแท้ 100% ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งในเวลานั้นคนไทยยังไม่ค่อยรู้จักส้มยูซุมากนัก เธอจึงต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้บริโภคไปพร้อมกัน
“ในตอนนั้นคนส่วนใหญ่ยังคิดว่าส้มยูซุคือมะนาว แต่ความจริงแล้วส้มยูซุเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ มีความผสมผสานกันระหว่างส้มโอ มะนาว ส้มแมนดาริน ซึ่งตอนนั้นที่ไทยยังไม่มีใครนำเข้ามา ประกอบกับพฤติกรรมคนไทยชอบเครื่องดื่มที่มีรสชาติเปรี้ยวและอากาศเมืองไทยที่ค่อนข้างร้อน จอยก็เลยมองว่าน้ำส้มยูซุค่อนข้างตอบโจทย์สำหรับคนไทยทั้งในเรื่องรสชาติและความสดชื่น”
สินค้าตัวแรกของแบรนด์คือน้ำส้มยูซุพร้อมดื่ม ซึ่งเป็นน้ำส้มพาสเจอร์ไรซ์ที่สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้ 1 ปี โดยใช้น้ำส้มยูซุคั้นสด 100% ผสมกับน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวาน เพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มน้ำส้มยูซุแท้คั้นสดที่ไม่ได้ใส่สารกันบูดและไม่แต่งสีแต่งกลิ่นด้วยไซรัป ซึ่งนอกจากขายผ่านช่องทางออนไลน์ของร้านแล้ว ยังส่งไปจำหน่ายในร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร รวมถึงโรงงานต่างๆ เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารเมนูต่างๆ ด้วย
...
จุดเด่นของส้มยูซุนอกจากรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์แล้วคือการต่อยอดไปใช้ได้กับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เครื่องดื่ม ไอศกรีม ของหวาน อาหารคาว ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ของใช้ต่างๆ เช่น เครื่องหอม แชมพู ฯลฯ จึงทำให้สัดส่วนลูกค้าของแบรนด์ยูซุ เฮ้าส์ บาย ฮันนี่ โมนี่ เป็นรูปแบบ B2B ถึง 65% ที่เหลือคือลูกค้าทั่วไปที่เป็น B2C
...
นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับเชียร์ ซีเล็คชั่น (Cheers Selection) เปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ล่าสุด “Cheers Selection Japanese Yuzu” เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีที่ผ่านมา
“เนื่องจากเราไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องดื่ม Non alcohol ซึ่งทาง Cheers Selection เองก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นเดียวกับเราที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องการจัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ รวมถึงส้มยูซุที่ใช้เวลาปลูกถึง 20 ปี แล้วก็เก็บเกี่ยวได้แค่ปีละครั้ง คือช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมจึงมาอยู่ในคอนเซปต์ Cheers to the Unique แล้วก็เป็น Cheers to Harvest Season ซึ่งมันเป็นช่วงเก็บเกี่ยวของยูซุพอดี เราก็เลยนำมาทำเป็น Seasonal Menu ในช่วงนี้ เพื่อต้อนรับ Festive Season โดยจะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ไปจนถึงกุมภาพันธ์ 2567”
...
ฟาร์มส้มยูซุที่เธอเลือกมาใช้ในเชียร์ ซีเล็คชั่น (Cheers Selection) และในทุกผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มาจากจังหวัดฟูกุชิมะ ซึ่งมีสภาพอากาศในแต่ละวันที่แตกต่างกันอย่างมาก เพราะมีทั้งอากาศหนาวและอากาศร้อน ทำให้ดินมีอุณหภูมิตั้งแต่ -10 ถึง 40 องศาฯ จึงทำให้รสชาติของส้มยูซุที่จังหวัดนี้มีทั้งความเปรี้ยวและมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นกว่าส้มยูซุในภูมิภาคอื่นๆ แม้ว่าจะเป็นประเทศญี่ปุ่นเหมือนกันก็ตาม เธอจึงคัดเลือกฟาร์มส้มยูซุในพื้นที่จังหวัดนี้เพื่อนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแบรนด์
สำหรับอนาคตของแบรนด์ยูซุ เฮ้าส์ บาย ฮันนี่ โมนี่ (Yuzu House By Honey Moni) นั้น เธอมองไปที่การบุกตลาด AEC ในรูปแบบ Master Franchise โดยเริ่มต้นที่ประเทศกัมพูชาเป็นหมุดหมายแรก เนื่องจากพบว่ามีการตอบรับส้มยูซุที่ค่อนข้างดี และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ชื่นชอบสินค้าญี่ปุ่น จึงมีแผนที่จะเปิดตลาดนี้ในรูปแบบของการส่งออกและการทำแฟรนไชส์ร้านยูซุเฮ้าส์ฯ ซึ่งปัจจุบันมีในประเทศไทยทั้งหมด 23 สาขา แบ่งเป็นสาขาของแบรนด์ 18 สาขา และอีก 4 สาขาเป็นของแฟรนไชส์
ภาพ ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์, Cheers Selection