ช่วงเวลาในวัยเยาว์ของชาวเจนเอกซ์และเจนวายจำนวนไม่น้อยมักเติบโตมากับการ์ตูนดิสนีย์หลากหลายเรื่องราวที่เคยผ่านตา จึงทำให้หนึ่งในความฝันของเด็กๆ หลายคนคือการได้เข้ามาทำงานเป็นส่วนหนึ่งของโลกดิสนีย์ ฝน วีระสุนทร ก็เป็นหนึ่งในคนที่มีความฝันนี้ และเธอออกเดินตามล่าหาความฝันและทำให้มันเป็นจริง
ฝน วีระสุนทร เกิดและเติบโตที่จังหวัดชลบุรี ชีวิตของเธอได้รับแรงบันดาลใจจากแอนิเมชันจากดิสนีย์มาโดยตลอด เช่นเดียวกับคนรุ่นเดียวกันหลายๆ คน และเธอไม่เคยหยุดตามความฝัน แม้ว่าเธอจะเลือกเรียนมาทางด้านสายวิทย์ แต่เดินตามความฝันของตนเองไปเอาดีทางด้านสายศิลป์ โดยเรียนจบปริญญาตรีด้านศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยศิลปะและการออกแบบโคลัมบัส ในสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็พยายามตามล่าฝันด้วยการสมัครงานที่ดิสนีย์ถึง 3 ครั้ง ในช่วงเวลา 3-4 ปีอย่างไม่ย่อท้อ จนกระทั่งถึงวันนั้นของเธอ
...
จุดเริ่มต้นของการตามหาความฝัน
“ฝนอยากทำงานที่ดิสนีย์มาตลอด ตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ ทีนี้ตอนเริ่มทำงานในวงการรู้สึกว่าดิสนีย์เป็นจุดที่อาจจะเข้าถึงไม่ได้แต่ก็อยากจะลองดู ก็เลยสมัคร ส่ง portfolio ไปสมัคร ตอนสองครั้งแรกที่ส่งผลงานไปเราก็ไม่ได้รับเลือก จนครั้งที่สามเราตัดสินใจเปลี่ยนจากการเอางานโปรดักชันที่เคยทำมาลง portfolio มาเป็นนำการ์ตูนที่เคยเขียนลงออนไลน์มาใช้แทน จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ดิสนีย์ตัดสินใจเรียกเรามาสัมภาษณ์ เพราะเขาชอบการ์ตูนที่เราเขียนเอง ทำให้ได้รู้จักว่าตัวตนของเราคือใคร”
ฝน เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการตามหาความฝันในวัยเยาว์ได้สำเร็จ ซึ่งเธอได้เข้าทำงานเขียนสตอรี่บอร์ดให้กับวอลต์ดิสนีย์ แอนิเมชัน สตูดิโอส์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 จนถึงวันนี้เป็นเวลา 12 ปีแล้วที่เธอได้โลดแล่นในเส้นทางสายแอนิเมชันในวอลต์ดิสนีย์
ที่ผ่านมาเธอได้อวดฝีไม้ลายมือไว้ในภาพยนตร์แอนิเมชันที่ได้รางวัลออสการ์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Frozen ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ, Zootopia นครสัตว์มหาสนุก, Moana โมอาน่า ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้ รวมถึง Ralph Breaks the Internet ราล์ฟตะลุยโลกอินเทอร์เน็ต และ Frozen 2 ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ
ในปี 2564 ฝน วีระสุนทร ได้รับหน้าที่เป็น Head of Story ของเธอ จากภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง “รายา เดอะ ลาสต์ ดรากอน” (Raya and the Last Dragon) ที่มีแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมอาเซียน พร้อมเปิดตัวเจ้าหญิงดิสนีย์คนใหม่ “รายา” ซึ่งการปั้นเจ้าหญิงรายาก็ไม่ได้เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับเธอ เพราะโตมากับหนังจักรๆ วงศ์ๆ เมื่อได้มาทำตัวละครรายา ก็อยากทำตัวละครแบบที่ตัวเองเห็นมาตั้งแต่อายุยังน้อย
ความฝันไม่ไกลเกินเอื้อมหากเราไม่ย่อท้อ
เส้นทางของเธอกว่าที่จะมาถึงจุดที่เรียกว่าฝันในวัยเด็กเป็นจริงได้นั้น ฝนยอมรับว่ามีหลายครั้งที่เธอมองไปยังจุดหมายแล้วรู้สึกว่ามันไกลมาก อาจจะทำให้ท้อแท้ สิ่งที่เธอค้นพบก็คือการเดินทีละก้าวพร้อมเก็บเกี่ยวสั่งสมประสบการณ์อย่างไม่ย่อท้อ
“ถ้าวันนี้ยังไปทำงานที่ดิสนีย์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราทำอย่างอื่นไปก็ได้ ตราบใดที่เราพยายามเดินตามเส้นทางนั้นเราก็อาจจะรู้สึกว่าวันนี้เราวาดรูปได้ดีกว่าเมื่อวาน วันนี้เข้าใจในการเล่าเรื่องได้มากกว่าเมื่อวาน ทุกอย่างมารวมกันเพื่อให้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่เติมเต็มความรู้สึก แทนที่จะบอกว่าคิดว่าใฝ่ฝันอะไรแล้วจะได้อย่างนั้นเลย ความจริงมันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น”
...
โดยก่อนที่จะเข้าทำงานที่ดิสนีย์ ฝน วีระสุนทร ได้ทำงานในสายแอนิเมชันให้กับรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ ในหลายสตูดิโอ ไม่ว่าจะเป็น Illumination Entertainment, Nickelodeon และ Warner Bros. รวมทั้งยังเป็น Animation Director ที่ Six Point Harness Studios อีกด้วย
เมื่อตามความฝันได้สำเร็จ จากวันแรกที่ได้เข้ามาทำงานในดิสนีย์จนถึงวันนี้ที่เธอได้รับหน้าที่มากมายในฐานะเบื้องหลังคนสำคัญ ฝน บอกกับทีมไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์ว่า เธอเคยคิดว่าการที่เติบโตมาในวัฒนธรรมไทยที่แตกต่างจากอเมริกันมาก จะทำให้ต้องพยายามเดาว่าเขาอยากได้อะไร หรือต้องวาดรูปแบบไหน ให้เป็นที่ต้องการ แต่ความจริงแล้วต่างออกไปจากที่คิดมาก
“สิ่งที่ค้นพบก็คือไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น คือการที่เราเกิดและโตที่ประเทศไทย ทำให้เราได้มีแรงบันดาลใจมาจากหลายๆ แห่ง ถึงแม้ว่าดิสนีย์จะเป็นแรงบันดาลใจหลัก แต่เราก็โตมากับคอนเทนต์หลายๆ ทวีป นี่คือสิ่งที่หลอมรวมมาเป็นตัวตนของเรา แล้วก็เป็นอะไรที่ดิสนีย์ชอบ ก็เลยรู้สึกเป็นอิสระ ทำให้เราจะวาดตัวละครยังไงก็ได้ จะเล่าเรื่องที่มีความสำคัญกับเรา เขาก็สามารถเชื่อมโยงได้ ถึงแม้ว่า Background เราจะแตกต่างกันก็ตาม”
ผู้กำกับดิสนีย์หญิงไทยคนแรก กับผลงานฉลองครบ 100 ปีดิสนีย์
ในปี 2565 เธอได้รับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ Disney’s Wish พรมหัศจรรย์ ภาพยนตร์แอนิเมชันมิวสิคัลคอมเมดี้ ฉลองครบ 100 ปี ของวอลต์ดิสนีย์ ที่มีกำหนดเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 23 พ.ย. 2566 นี้ นอกจากจะได้เป็นผู้กำกับหญิงไทยคนแรกของดิสนีย์แล้ว เธอยังได้ทำงานกับคริสโตเฟอร์ เจมส์ บัค หรือ คริส บัค มาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกัน รวมทั้งยังได้เจนนิเฟอร์ ลี มาเป็นผู้เขียนบทให้ ซึ่งทั้ง 3 คนเคยทำงานร่วมกันมาก่อนในเรื่อง Frozen ทั้ง 2 ภาค จึงทำให้มีความสนิทสนมและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
...
“หลังจากฝนทำงานเรื่อง RAYA the Last Dragon เสร็จเรียบร้อย ก็มาคุยกับคริส บัค กับ เจนนิเฟอร์ ลี ในเรื่อง WISH ที่มีแก่นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการไล่ล่าตามความฝัน ซึ่งฝนคิดว่าประสบการณ์ของเราเองทำให้เรามีมุมมองที่ชัดเจนกับหัวข้อนี้ ทั้งหมดนี้ก็ได้ทำให้เป็นเส้นทางที่ทำให้ได้ก้าวสู่การเป็นผู้กำกับครั้งแรกของฝน”
เธอเล่าว่าจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์ Disney’s Wish พรมหัศจรรย์ มาจากการมองดิสนีย์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ย้อนไปตั้งแต่ 100 ปีที่ผ่านมา เพื่อดูว่าอะไรเป็นจุดร่วมของหนังเหล่านี้ และค้นพบว่าจุดร่วมของหนัง คือเวลาที่ตัวละครรู้สึกสิ้นหวัง แล้วอยากจะหาคำตอบ มักจะมองไปที่ท้องฟ้า มองไปที่ดวงดาว เลยเป็นที่มาของเนื้อเรื่องที่คนคนหนึ่งอธิษฐานขอพรกับดวงดาว
...
“แก่นของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากความเชื่อที่ว่าไม่มีพลังใดในจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าพลังของผู้ที่มีความใฝ่ฝันอันแท้จริง ภาพยนตร์เรื่อง WISH พาเราไปสู่ช่วงเวลาสำคัญ ที่เมื่อความตั้งใจและความกล้าหาญของคนคนหนึ่ง สามารถเชื่อมโยงกับพลังมหัศจรรย์ของดวงดาวได้”
นอกจากการนำจุดร่วมของความเป็นดิสนีย์มารวมกันแล้ว ฝนและทีมงานยังออกแบบให้ WISH ผสมผสานระหว่างสไตล์ภาพวาดสีน้ำที่สวยงามจากอดีตกับเทคนิค CG 3D แอนิเมชัน ที่ให้รูปลักษณ์และความรู้สึกให้เหมือนกับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่สตูดิโอเคยสร้างมาก่อน
“อาณาจักรเทพนิยายของเราคงความมหัศจรรย์และความสง่างามของเทพนิยายคลาสสิก แต่ยังให้ความรู้สึกแปลกใหม่มีชีวิตชีวา ภายใต้ภาพใหม่ที่นักพัฒนา Visual Effect ของเราได้สร้างโลกใหม่ที่มีเสน่ห์เต็มไปด้วยสีสัน มีตัวละครที่น่ารัก น่าจดจำ นอกจากนี้ยังได้ จูเลีย ไมเคิลส์ นักร้องและนักแต่งเพลง ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง Grammy ร่วมกับ เบนจามิน ไรซ์ โปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง และนักดนตรีเจ้าของรางวัล Grammy มาร่วมจัดทำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย”
เธอคาดหวังว่าการดูภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการตามหาความฝัน ด้วยการเริ่มต้นลงมือทำในจุดเล็กๆ ที่จะช่วยให้เข้าใกล้ความฝันมากขึ้น เช่นเดียวกับที่เธอไล่ล่าตามหาความฝันจนประสบความสำเร็จในวันนี้