“สมัยเด็กคุณครูเคยถามว่า โตขึ้นนักเรียนอยากเป็นอะไรเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ต่างตอบไปตามประสาบ้างก็ว่าอยากเป็นครู หมอ พยาบาล ทหาร นักบิน ฯลฯ แต่ฝันของ 'ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ' นั้นแปลกกว่าใคร เพราะผมตอบคุณครูว่า อยากเป็น ‘พ่อค้าเพชร’ นั่นคือคำตอบที่สะท้อนภาพฝันของเด็กชายชูชัย ชัยฤทธิเลิศ เมื่อสมัยหลายสิบปีมาแล้ว ทุกวันนี้ฝันของเขากลายเป็นเสียยิ่งกว่าความจริง เพราะชีวิตของชูชัยในวันนี้ไม่เพียงแค่เป็น “พ่อค้าเพชร” หากแต่เป็น “ตัวพ่อ” ในวงการตลาดเพชรของเมืองไทยที่ใครๆ รู้จักในนาม “Chuchai Gem Peace”
ช่วงชีวิตชูชัย
พ่อค้าเพชรคนเก่งเริ่มต้นเล่าเรื่องชีวิตในช่วงปี 1975 ที่ลาออกจากโรงเรียนมาเป็นพ่อค้า เพราะไม่มีเงินเรียนต่อ โดยใช้เวลาถึง 20 ปี กว่าเขาจะมีบูธขายเพชรกับกรมส่งเสริมการส่งออก 5 วัน ซึ่งทำเงินหลักล้าน ต่อมาอีก 2 ปี Gem Peace by Chuchai จึงกำเนิดขึ้นที่ ดิ เอ็มโพเรียม จากนั้นก็เปิดสาขาที่สองและสาม ตามสถานที่ช็อปปิ้งของคนรวยทั่วกรุงเทพฯ แต่ที่สร้างปรากฏการณ์สุดฮือฮาด้วยเครื่องประดับ “จับปิ้งเพชร” คลอดแบรนด์น้องใหม่ราคาเบาๆ ภายใต้ร่มเงา Gem Peace ในชื่อ Chuchai Gem Peace และ C2 by Chuchai2009 ขายเพชรออนไลน์ พร้อมกับเปิดร้านแนวใหม่ C2 Diamond Lounge ที่ขายทั้งเพชรและกาแฟในแห่งเดียวกัน และปลายปี 2012 นี้เตรียมพบกับโรงแรมสุดชิคกรุ่นกลิ่นอายอดีตในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ณ ใจกลางแหล่งท่องเที่ยวดังตลาดน้ำอัมพวา พร้อมคอมมูนิตี้มอลล์สุดเก๋เป็นโปรเจคท์ต่อไป
สรุปช่วงชีวิตของชูชัยให้ดูกันอย่างย่อๆ ก่อนจะมาทำความรู้จักกับตัวตนของตัวพ่อร้านเพชร จากธุรกิจร่อนเร่จิวเวลรี่มาเป็นเศรษฐีแถวหน้าได้อย่างไร ร่ำรวยอลังการขนาดนี้กินอยู่แบบไหน H & C มีคำตอบให้เช่นเคย “ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ เป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวฐานะติดลบย่านตลาดพลู มีพี่น้องทั้งหมด 20 คน ชูชัยเป็นคนที่ 15 คือคุณพ่อมีภรรยา 2 คนไง ถ้านับเฉพาะแม่จริงๆ ผมมีพี่น้อง 12 คน เป็นคนที่ 8 แต่ถ้านับรวมแม่อีกคนก็จะมีพี่น้องยั้วเยี้ยอย่างที่บอก ด้วยความที่ฐานะไม่ค่อยดีนั่นแหละ เราก็เห็นพ่อแม่ทะเลาะกันบ้าง คนข้างบ้านเถียงกันบ้าง เป็นภาพไม่ค่อยสวยงามเท่าไร กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กเงียบๆ นิ่มๆ คนหนึ่งอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น
ชูชัยยังเล่าเสริมถึงชีวิตวัยเรียนว่า “สมัยเด็กพี่น้องค่อนข้างเรียนดีกันทุกคน ตัวผมเองสอบได้ที่ 1 มาตลอดนะ หัวดีเลยล่ะแต่ไม่ค่อยมีสตางค์ ค้างค่าเทอมอยู่นาน เมื่อถึงเวลาสอบครูจึงไม่ให้เข้าสอบ แต่สุดท้ายผมมีโอกาสเรียนหนังสือถึงแค่ ป.7 ก็ต้องลาออกตอนนั้นคุณพ่อเสียแล้ว กิจการที่บ้านคือรับจ้างขัดแหวน ทำเงินไม่พอใช้ ผมกับพี่ๆ เลยชวนกันมาเช่าแผงขายของที่ศูนย์การค้าอินทราย่านประตูน้ำ เป็นของที่ระลึกกระจุกกระจิกขายนักท่องเที่ยว พอดีพี่ชายเอนทรานซ์ติดต้องใช้เงินเยอะ ถ้าเราเรียนต่อ พี่น้องอีก 4 คนคงไม่ได้เรียน เลยเสียสละออกมาช่วยพี่สาวขายของเต็มตัวดีกว่า นับจากนั้นชูชัยก็อำลารั้วโรงเรียนเป็นการถาวรจนบัดนี้
...
“ตอนขายของที่อินทราได้เจอกับคนต่างชาติเยอะ อาศัยครูพักลักจำ จะกลัวฝรั่งไม่ได้ต้องบอกตัวเองเสมอว่า ถ้าฉันพูดกับฝรั่งไม่ได้ฉันจะไม่ได้ตังค์ ฉะนั้น ต้องเรียนรู้ให้ได้" แต่การขายของที่อินทราทำเงินได้แค่วันละพันกว่าบาท จนทำให้พ่อค้าตัวน้อยเริ่มรู้สึกว่า "ทำไมได้น้อยจังเลยลองสังเกตร้านแถวๆ นั้น แล้วก็ถึงบางอ้อว่า ที่คนอื่นเขาขายดีกันนะ เพราะเขาขายจิวเวลรี่ที่นักท่องเที่ยวชอบ แถมเปิดขายกันถึงค่อนคืน จะปิดก็นู่นสี่ทุ่ม เลยคุยกับพี่สาวว่าเราน่าจะเอาจิวเวลรี่มาขาย ด้วยความที่ยังเด็กพี่สาวก็ทักว่าจะไหวเหรอ ของอย่างนี้ลงทุนเยอะนะ เราก็บอกไปว่า ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร
“ด้วยความที่ที่บ้านขัดแหวน คุณแม่จึงพอจะรู้จักคนในวงการพลอยบ้าง เลยได้ของมาขาย อีกทั้งร้านค้าแถวๆ นั้นเขาเอ็นดูเรา ให้ของเรามาขายก่อนได้ แต่จะบอกว่าช่วงแรกนี่ขายไม่ได้เลยนะ จนวันหนึ่งมีสามีภรรยาต่างชาติคู่หนึ่งมาที่ร้าน เขาก็เอ็นดูว่าเราไม่ได้เรียนหนังสือ จึงอยากช่วยเราซื้อของ ผมเลยเอา 'แหวนแซฟไฟร์' ขึ้นมาขาย จำได้ว่าตอนนั้น ขายไปหกพัน เป็นแหวนวงแรกในชีวิตที่ขายได้ จากนั้นก็เริ่มขายดี รายได้ดีขึ้นด้วยตอนนั้นอายุ 18 เอง แต่ต้องทำตัวเหมือน 30 ปี เพราะขายของแบบนี้ต้องมีความน่าเชื่อถือ ชีวิตผมเรียกว่าจากเด็กแล้วโตเป็นผู้ใหญ่เลยไม่เคยเป็นวัยรุ่นเหมือนคนอื่น” (หัวเราะ) จากร่อนเร่จิวเวลรี่สู่ Gem Peace by Chuchai “ขายของที่อินทราอยู่ประมาณ 10 ปี เริ่มรู้จักคนเยอะ อาศัยลูกค้านั่นแหละเป็นครูเพราะบางทีเขาจะเอาพลอยเอาเพชรของแท้มาขายต่อเรา ทำให้ได้รู้ได้เห็นได้สัมผัสว่าอันไหนของแท้ อันไหนของปลอม คือทุกอย่างเรียนรู้จากประสบการณ์จริงนะ เพราะไม่เคยไปเรียนที่สถาบันไหนเลย “หลังจากนั้นเริ่มมาขายเพชร เดินขายตามบ้านเหมือนการขายตรง อาศัยว่าลูกค้ารู้จักเราจากตอนขายของที่อินทรา แล้วเราค้าขายอย่างจริงใจ ลูกค้าก็บอกต่อๆ กันไป จนเริ่มขายดี วันหนึ่งจึงเกิดความรู้สึกว่าน่าจะถึงเวลาเปิดแบรนด์ของตัวเองสักที"
มื้อเด็ดในดวงใจ ของผู้ชายขายเพชร
“คนขายเพชรกินอะไรนะเหรอ ก็เหมือนๆ คนทั่วไปแหละกินหรูบ้างโลว์บ้างแล้วแต่อารมณ์ ถ้าอร่อยจริงข้างทางก็กินได้นะ แต่ส่วนใหญ่แล้วชูชัยชอบกินอาหารรสจัด อาหารไทย เวียดนาม ญี่ปุ่น จะชอบมาก นานๆ ทีถึงจะกินอาหารฝรั่งมันเลี่ยนไง
“ประสบการณ์กินสุดประทับใจต้องยกให้สักเมื่อ 10 ปีที่แล้วนะ พอดีช่วงนั้นจะไปเที่ยวฝรั่งเศส แล้วมีคนรู้จักอยู่ที่ปารีส เลยบอกเขาว่าอยากไปกินร้านที่หรูที่สุด ช่วยแนะนำหน่อย เขาก็บอกว่า มีอยู่ร้านหนึ่งเป็นร้านโบราณนานหลายร้อยปี แต่ต้องจองล่วงหน้าหลายเดือน โชคดีที่สามีเขาทำงานในนั้นเลยจัดการให้ได้คิวในเวลาเพียงเดือนเดียว ร้านนี้มีชื่อว่า La Tour d’Argent (ลาตูร์ ดาจองต์ ที่แปลว่า อาคารสีเงิน) สาเหตุที่ประทับใจ เพราะพอได้เข้าไปในร้านรู้สึกเหมือนย้อนยุคเข้ามากินอาหารในพระราชวังของพระนางมารีอังตัวเนตต์ ก็ไม่ปาน มันเป็นอะไรที่เลิศหรูอลังการมากเลยนะ วันนั้นเราไปกัน 6 คน แต่งตัวเต็มยศ ไปถึงพนักงานจะเชิญไปรอที่ล็อบบี้ ระหว่างนี้นั่งจิบแชมเปญไปพลาง รู้สึกว่าร้านจะเปิดตั้งแต่ปี 1582 นานมาก-ก-ก เหมือนเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์เลย"
ชูชัยยังเล่าต่อถึงมื้ออาหารแสนวิเศษที่เคยลิ้มลอง “อาหารที่เวนิสก็อร่อย แต่อย่าถามร้านโปรดนะ ผมจำไม่ได้ ยิ่งชื่อไม่ค่อยคุ้นหูด้วยจำยากอีกต่างหากแต่ชอบที่บรรยากาศหลายๆ ร้านจะมีการร้องโอเปร่าขับกล่อม ชอบจังบรรยากาศเก่าๆ ขลังๆ เนี่ย มีเสน่ห์เหมือนต้องมนตร์เลยเชียว สำหรับกรุงเทพฯ บ้านเรานี่จะชอบไปร้านริมน้ำอย่างที่บอก ส่วนร้านประจำก็อย่างสุภัทราริเวอร์เฮ้าส์ ร้านแบบเรือนไทย มีชานบ้านไว้รับลมเย็นสบาย ตกค่ำจะเห็นความสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมแสงไฟจากพระบรมมหาราชวัง เมนูที่สั่งบ่อยคือ แกงคั่วสับปะรด
หนึ่งวันของ “ชูชัย” ทำอะไรบ้าง
...
เขาออกตัวก่อนเลยว่า ค่อนข้างตื่นสาย ตื่นมาก็อาบน้ำแปรงฟัน เข้าห้องพระไปสวดมนต์ก่อนจากนั้นค่อยออกกำลังกาย ค่อนข้างสะดวกสบายเพราะมีโรงยิมอยู่ที่บ้าน เขาจำเป็นต้องออกกำลังกายทุกวัน เนื่องจากเป็นภูมิแพ้และรักษาหุ่น โดยเริ่มจากวอร์มอัพประมาณ 15 นาที จากนั้นวิ่งบนลู่ ยกเวท ซิตอัพ โยคะ ว่ายน้ำ ตบท้ายด้วยเซาน่าทั้งหมดใช้เวลาอย่างละประมาณครึ่งชั่วโมง “ออกกำลังกายเสร็จจะถึงเวลาอาหารเช้าต่อด้วยแต่งตัวแล้วไปประชุมหรือไปทำงานส่วนวันว่างก็ออกไปเดินเล่นบ้าง ช่วงนี้ไม่ค่อยเข้าออฟฟิศ ใช้บ้านเป็นฐานบัญชาการประชุมก็ดีนะครับ ไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทาง"
“ผมเป็นกรดไหลย้อนด้วย ช่วงนี้เลยต้องระวังอาหารเยอะหน่อย ส่วนใหญ่ที่กินก็จะมีอย่างเช่นมื้อเช้าเป็นพวกข้าวต้ม เต้าหู้เหลืองผัดหมู เห็ดหอมผัดซีอิ๊ว หมูกับกุ้งลวกจิ้ม และปลานึ่ง มื้อกลางวันมักจะเป็นราดหน้าทะเล ข้าวผัดปลาทู ก๋วยเตี๋ยว สลับกันไป มื้อเย็นเป็นผัดผักบุ้ง ต้มมันฝรั่งใส่ขิง หมูผัดขิง ปลาอินทรีลวกจิ้ม จะเห็นว่าเน้นปลาและผัก รวมทั้งอาหารรสจืด และหลังอาหารทุกมื้อจะตามด้วยน้ำเต้าหู้ เพราะผมไม่ดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม แล้วยังต้องงดอาหารทอด อาหารรสเผ็ด และใช้น้ำมันมะกอกปรุงทุกจาน
งานอดิเรกเบาๆ กับของเก่ามูลค่ามหาศาล
“ผมชอบสะสมเครื่องแก้วจานชาม ไม่รู้สิเวลาไปเมืองนอก เห็นงานพวกนี้แล้วรู้สึกว่าสวยจัง ของบ้านเราก็สวยนะ แต่มันไม่เหมือนกัน บอกไม่ถูกว่าทำไม แต่เจอทีไรก็ซื้อตลอดเซตแรกซื้อมาเมื่อสิบกว่าปีแล้ว ไปเจอที่ปรากก็เหมามายกเซต พอมีเซตแรกก็เริ่มออกลูกออกหลาน กลายเป็นเซตต่อๆ มา ซื้อเรื่อยๆสะสมเรื่อยๆ เต็มบ้านไปหมดแล้ว ส่วนใหญ่เป็นของยุโรป เป็นของเก่าซะเยอะ แต่ไม่ใช่คนติดแบรนด์อะไร เดินเลือกถูกใจก็ซื้อเลย “ของสะสมชิ้นโปรดจะเป็นชุดถ้วยชามสมัยรัชกาลที่ 7 มีคนเอามาขายให้ เป็นชุดที่รักมาก มีประมาณ 30 ชิ้น แต่วันนี้คงยังไม่ได้เอามาโชว์ รอดูตอนเปิดโรงแรม จะมีพิพิธภัณฑ์ด้วย คงนำไปเก็บไว้ที่นั่น นอกจากถ้วยชามแล้ว พวกพรม กระเบื้อง ภาพปักลวดลายต่างๆ ก็ชอบสะสม ดูสิเต็มบ้านเลย (หัวเราะ) บางทีนึกครึ้มอยากให้ของใช้ส่วนตัวมีเพชรประดับก็จะสั่งทำขึ้นเอง เช่น แก้วสำหรับแปรงฟันฝังเพชร หวีฝังเพชร”
...
ครบทุกแง่มุมในชีวิตของ 'ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ' เจ้าพ่อร้านเพชรที่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เคยรู้
ข้อมูลจาก นิตยสาร Health&Cuisine สามารถเข้าชมได้ที่ http://www.healthandcuisine.com/index.aspx