ร้อยโทดนัย คมคาย

สมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์  พระบรมราชินีนาถ เสด็จ พระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์  “อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี” (ศูนย์ การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก) สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.55 ที่ผ่านมา โดย ศาสตราจารย์ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดหาทุนฯ กล่าวว่า ทางสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี สืบทอดพระราชปณิธานเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเด็ก มุ่งหวังพัฒนาความเป็นเลิศในการรักษาพยาบาลและความทั่วถึงในการบริการ ให้เป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพเด็กระดับสากล ภายในปี 2559 จึงได้จัดทำโครงการสร้างตึกและจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยในปีมหามงคลนี้

โอกาสนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทอดพระเนตรนิทรรศการแบบจำลองอาคาร พร้อมทั้งวีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติฯ พระราชกรณียกิจ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข และการอนุบาลผู้ป่วยเด็ก  รวมทั้งพระราชทานพระราชวโรกาสให้บุคคลที่เคยเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดแทบเบื้องพระยุคลบาท นับเป็นภาพอันประทับใจที่แสดง ให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณและน้ำพระทัยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทย  รวมทั้งชาวกัมพูชาที่เคยอพยพหนีภัยสงครามเข้ามาพักพิงในเมืองไทยสมัยยังเด็ก โดยอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพเขาล้าน จ.ตราด เมื่อปี 2522 ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้เคยเสด็จฯเยี่ยมชาวเขมร ณ ศูนย์อพยพฯ และพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ได้แก่ ร้อยโทดนัย คมคาย ปัจจุบันเป็นนายทหารกองทัพบกสหรัฐอเมริกาและ  นางละเอียด  อำไพ  ปัจจุบันอาศัยกับครอบครัวที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด อย่างมีความสุขร้อยโทดนัยได้กราบบังคมทูลถึงความรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อตน ทั้งที่ไม่ใช่ชาวไทย โดยพระราชทานทุนการศึกษาเพื่อได้เล่าเรียนที่เมืองไทยและสหรัฐอเมริกา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงแตะไหล่ พร้อมรับสั่งว่า “ฉันจำได้ ตอนนั้นเขายัง เล็กๆอยู่เลย ปลื้มใจจริงๆ”

ร้อยโทดนัย วัย 37 ปี ซึ่ง พูดภาษาไทยได้อย่างชัดเจน ได้เปิดใจกับ “ไทยรัฐ” ว่า ในช่วงเวลานั้นตนมีอายุ  3  ขวบ  แต่ยังจำได้ดีว่าเดินทางโดยเท้ากับแม่ หนีออกมาจากเมืองพนมเปญตอนที่เขมรแดงบุก  เดินไปเรื่อยไม่มีจุดมุ่งหมายนับเดือน  ซึ่งตนเคยหลงกับแม่ไปพักหนึ่งแล้ว บังเอิญมาเจอกันอีกในป่า ก่อนที่จะเข้ามาสู่ชายแดนไทย ขณะที่เดินอยู่ใกล้ชายแดนนั้น ตนและแม่เกิดอาการเมาเห็ดเจียนตาย นอนสลบอยู่ แต่บังเอิญมีคนที่เคยรู้จักช่วยแบกเข้ามาถึงชายแดนไทย จากนั้นได้รับการดูแลรักษาจากทหารไทย  ก่อนที่จะไปพำนักที่ศูนย์อพยพเขาล้าน ระหว่างที่อยู่เขาล้าน ได้รู้ว่าจะมีคนมาเยี่ยม เพราะมีรถยนต์ มีเฮลิคอปเตอร์ และคนจำนวนมากมาที่ศูนย์ฯ ทีแรกคิดว่าเป็นคนรวยที่มีน้ำใจจะมาเยี่ยม จากนั้นก็รู้ว่าเป็นคนสำคัญจากในพระราชวัง แต่ไม่เคยคิดว่าเป็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะที่ค่ายนั้นไม่ได้น่าดู มีคนป่วยคนเจ็บจากบาดแผล รวมทั้งอาจมีอันตรายจากระเบิดที่อาจจะยิงเข้ามาได้ เมื่อพระองค์เสด็จฯมา ได้เสด็จฯเยี่ยมพวกเราอย่างใกล้ชิดอย่างไม่ทรงรังเกียจ นอกจากนี้ พระองค์ยังพระราชทานทุนให้ตนได้เรียนหนังสือไทยที่จังหวัดสุรินทร์ เป็นเวลาหลายปีก่อนพระราชทานทุนให้ไปเรียนต่อไฮสคูลที่ประเทศสหรัฐฯ

“ชีวิตที่มีอยู่ทุกวันนี้ บอกได้เลยว่าเป็นเพราะพระองค์ท่าน ผมได้เล่าให้ลูกฟังตลอด แม้จะผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว ผมยังจดจำได้ตลอด ไม่มีคำพูดใดที่เกินคำว่าขอบคุณที่พระองค์ท่านทรงช่วยชีวิตผมและแม่ อยากให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน  ผมจะทำตามรอยพระองค์ในการช่วยเหลือมนุษย์ทั้งปวง ไม่ว่าจะสัญชาติไหน ผมจะทำดีเจริญรอยตามพระองค์ท่าน” นายทหารอเมริกันอดีตผู้อพยพชาวกัมพูชากล่าวอย่างซาบซึ้งในน้ำพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ.

...