จากการดำเนินงานเพื่อสังคมของมูลนิธิบิ๊กซี ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) มาตั้งแต่ปี 2545 ด้วยวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมสนับสนุนด้านการศึกษาแก่เยาวชน เพื่อให้โอกาสทางการศึกษา ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งการมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องแก่นักเรียนระดับมัธยมที่เรียนดีแต่ขาดแคลน จำนวนกว่า 26,000 คนทั่วประเทศ และยังจัดสร้างอาคารเรียนให้โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ขาดแคลนอาคารเรียนในทุกภาคทั่วประเทศไปแล้ว 27 หลัง รวมทั้งสร้างสนามบาสเกตบอลและห้องสมุดให้โรงเรียนและชุมชนทั่วประเทศในโอกาสที่ก่อตั้งมาครบรอบ 10 ปีในปีนี้ (พ.ศ.2555) มูลนิธิบิ๊กซียังคงมุ่งมั่นที่จะตอบแทนบุญคุณสังคมไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ที่ขาดแคลน รวมทั้งโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายจากมหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554, มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนระดับมัธยมที่ขาดแคลน 3,500 ทุน ทุนละ 3,000 บาท, สร้างสนามบาสฯสนามที่ 10 แก่ชุมชนในจังหวัดที่ประสบมหาอุทกภัย, มอบตู้หนังสือพร้อมหนังสือที่มีสาระ ซึ่งมูลนิธิฯ จัดทำขึ้นเป็นพิเศษจำนวน 84 ตู้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา ให้กับห้องสมุดโรงเรียนในชุมชนต่างๆ และพร้อมจะให้การสนับสนุนโครงการในพระราชดำริสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อพัฒนาศูนย์การศึกษาชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวงซึ่งเป็นศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ รวมทั้งหมด 102 ศูนย์ ด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ที่มูลนิธิบิ๊กซีได้ให้การสนับสนุนสังคมไทยผ่านกิจกรรมต่างๆนั้น นอกจากจะบริจาคโดย บมจ.บิ๊กซี เองแล้ว ส่วนหนึ่งยังได้มาจากตู้รับบริจาค ที่ลูกค้าบิ๊กซีกว่า 100 สาขาทั่วประเทศร่วมสมทบผ่านตู้รับบริจาค ด้วยมุ่งมั่นที่จะให้เยาวชนไทยมีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อจะได้เติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพของชุมชน สังคม และประเทศชาติในที่สุด สมดังปณิธานที่ว่า “มูลนิธิบิ๊กซี สร้างฝัน สร้างความสุข สร้างรอยยิ้มให้สังคมไทย”

และเมื่อเร็วๆนี้ นางบุญศรี สุธรรมานุวัตน์ ผู้อำนวยการและเลขาธิการมูลนิธิบิ๊กซี พร้อมด้วยนายดิเรก ร่มโพธิ์เย็น ผู้จัดการบิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ ได้ไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ที่บ้านห้วยตองหลวง และบ้านห้วยปูหลวง ต.ยางเปียง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยมีนายนรัญจ์ โกศลเวช เจ้าหน้าที่บริหารงานในพระองค์ ฝ่ายปฏิบัติการสำนักงานโครงการส่วนพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้การต้อนรับและพาชม เนื่องจาก อ.อมก๋อยตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาสูงในภาคเหนือ การคมนาคมเป็นไปด้วยความยากลำบาก บางพื้นที่ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยเฉพาะในฤดูฝน และประชากรในพื้นที่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงถึง 90% มีภาษาและขนบธรรมเนียมของตนเอง ทำให้การติดต่อสื่อสารและการเข้าถึงบริการต่างๆของรัฐทำได้ยาก ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชากรในพื้นที่ดังกล่าวด้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ การทรงงานในพื้นที่ที่ยากลำบากเช่นนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จึงทรงใช้วิธีการให้สถานศึกษาเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ซึ่งอยู่ในรูปแบบของศูนย์การเรียนชุมชน โดยมีครูประจำ 1 คน และครูอาสาเป็นผู้ช่วย อย่างน้อยก็ช่วยให้เด็กในพื้นที่มีความรู้ สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ บางชุมชนที่ยังไม่มีศูนย์การเรียนดังกล่าว สมเด็จพระเทพรัตนฯ จะพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งขึ้น แล้วจึงดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการผลิตอาหารและพัฒนาภาวะโภชนาการ โดยทรงเน้นการปลูกผักและเลี้ยงสัตว์ที่มีวิตามินเอสูง หลังจากผลิตอาหารได้ ก็ทรงเน้นการจัดบริการอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วน รวมทั้งจัดกิจกรรมพัฒนาอนามัยส่วนบุคคลด้วย เมื่อกิจกรรมดังกล่าวได้ขยายสู่ชุมชน จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งกลุ่มอาชีพต่างๆ ตามความถนัดและภูมิปัญญาของแต่ละชุมชน เพื่อให้สามารถสร้างผลผลิตเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวต่อไป.

...