หลายเดือนก่อน ไทยรัฐออนไลน์เคยไปสัมภาษณ์ ยูกิ ศรีกาญจนา แม่ทัพใหญ่ของบ้าน และเวิร์กกิ้ง วูแมนสาวแห่งบริษัทนาฬิกาสุดหรู พร้อมกับลูกสาวคนเล็กของบ้านอย่างน้องพลอยพยัพ ศรีกาญจนา กันไปแล้ว วันนี้ถึงคราวของ 2 สาวผู้พี่ ปรางค์และพิมพ์ ลูกสาวคนโตและคนกลางของตระกูล ซึ่งต้องบอกเลยว่า ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจที่ไม่ได้เห็นความน่ารักของสาวหมวยอินเตอร์ 2 คนนี้

เกิดมาท่ามกลางความรัก ความอบอุ่นของครอบครัว อีกทั้งยังมีพ่อแม่ที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมขนาดนี้ เป็นธรรมดาที่ลูกๆ อาจจะต้องถูกจับตามองบ้าง ปรางค์-อภินรา และพิมพ์-พิมพ์พยัพ ศรีกาญจนา  ลูกสาวคนโตและคนกลางสุดสวยของนักธุรกิจแถวหน้าอย่างจุลพยัพ และยูกิ ศรีกาญจนา จึงได้รับความสนใจอย่างมากทีเดียว แม้ว่าพักหลังมานี้อาจไม่ค่อยเห็นตามงานสังคมมากนัก เพราะตอนนี้กำลังมุ่งมั่นกับการเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก วันนี้ไทยรัฐออนไลน์เลยมาพูดคุยกับสองพี่น้องให้หายคิดถึง ในทุกแง่มุม ทั้งเรื่องส่วนตัว สเปกหนุ่มๆ แพลนอนาคต และความเป็นสาวรักการอ่านของ 2 คน ที่สนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองอย่างมาก

...

บังเอิญเกิดวัน/เดือน เดียวกัน

ปรางค์ :  เราสองคน เกิดวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน แต่คนละปีค่ะ คุณแม่ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก บังเอิญมากกว่า พิมพ์ห่างกับปรางค์แค่ปีเดียวค่ะ วัยไล่เลี่ยกันมาก เลยสนิทกัน แต่พิมพ์กับพลอยก็สนิทกัน  ปรางค์กับพลอยสนิทกันเพราะเราแต่งตัวคล้ายกันด้วย สรุปแล้วก็สนิทกันหมดค่ะ ปรางค์จะสนิทกับพลอยในแง่นี้ ชอบแต่งตัวให้เค้าเห็น เค้าเป็นบาร์บี้ ส่วนพิมพ์เค้าจะมีความเป็นเด็กและผู้ใหญ่ในตัว เวลามีอะไรเค้าก็จะมาปรึกษาปรางค์ได้

พิมพ์ :  เลยมีอะไรคล้ายบ้าง อย่างตอนเด็กจะเยอะมาก จำได้ว่าตอนเด็กๆ พี่ปรางค์ชอบร้องไห้ พอพิมพ์เห็น พิมพ์ก็ร้องไห้ตาม คือจะทำอะไรเหมือนกันหมดเลย เรื่องการแต่งตัวก็เหมือนกัน เสื้อผ้ารองเท้า เหมือนกันหมด (หัวเราะ)

พี่สาวคนโตสุดเนี้ยบ


ปรางค์ : ส่วนใหญ่ก็คงเป็นเรื่องที่คุณแม่เคยดูแลเราค่ะ พอปรางค์โตขึ้น และเป็นคนโตด้วย เลยต้องทำหน้าที่นี้แทนคุณแม่บ้างในการดูแลน้องๆ อย่างเรื่องปลุกเขา ดูเสื้อผ้าให้เขาบ้าง บางทีเขามีสอบ ปรางค์ก็ไปนั่งรอเขาหน้าห้องสอบแทนคุณแม่ ตัวเราเองก็รู้สึกภูมิใจนะคะที่ได้ทำภารกิจพี่คนโต (ยิ้ม) ส่วนในเรื่องการเรียน คือจะไม่ยุ่งเลยค่ะ เพราะคุณพ่อจะสอนไว้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ให้รู้หน้าที่ของตัวเองว่าควรจะทำอะไร ทุกคนจะรู้เลยว่าต้องอ่านหนังสือเองนะ แบ่งเวลากันเอาเอง คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเท่าเทียมกัน เราเห็นกันตั้งแต่เด็กค่ะ ด้วยความเป็นพี่คนโต ปรางค์ก็จะดูน้องออกว่า เวลานี้เขาดีใจหรือเสียใจอยู่ ส่วนน้องพลอยเขาเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ชิลล์มาก เขาจะเงียบๆ ส่วนพิมพ์ก็จะเหมือนเป็นคนกลางที่สามารถเข้าถึงพลอยและปรางค์ได้ เพราะวัยใกล้กัน

...

พิมพ์ : บ้านเราจะเลี้ยงดูกันแบบสบายๆ แต่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่สูงสุด พี่สาวเรา ก็ต้องเคารพ 

น้องสาวคนกลางเจ้าระเบียบ

พิมพ์ : ไม่ใช่ทุกเรื่องนะคะที่พิมพ์เป็น (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องหนังสือค่ะ เพราะพิมพ์เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก และจะดูแลอย่างดี เวลาใครมายืม เราก็จะต้องคอยบอกว่าต้องอ่านหนังสือยังไงไม่ให้ยับ และเวลาเก็บต้องให้เรียงเป็นระเบียบ


ปรางค์ : ปรางค์เคยเอาหนังสือน้องพิมพ์ไปอ่าน แล้วทำน้ำหก ตอนนั้นรีบโทรบอกเขาเลย เพราะเขาหวงหนังสือมาก ก็สารภาพกับเขา พิมพ์เขาเป็นระเบียบมาก และรักการอ่านหนังสือมาก

พิมพ์ : อะไรที่เป็นของที่เราชอบ เราก็จะดูแลมันอย่างดี อย่างพี่ปรางค์ชอบเครื่องประดับ เขาก็จะจัดแจงเป็นพิเศษ ส่วนตัวพิมพ์เองชอบหนังสือ เราก็จะดูแลมันอย่างดี จัดวางเป็นระเบียบมาก หนังสือเวลาอ่านก็ต้องระวัง เป็นคนหวงหนังสือมากค่ะ

ประวัติศาสตร์ การเมือง หนังสือเล่มโปรดของ 2 สาว


ปรางค์ :  ปรางค์ค่อนข้างสนิทกับคุณพ่อค่ะ เวลานั่งรถ หรือทานข้าวกับท่าน ส่วนมากก็จะคอยเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ เรื่องการเมืองให้ฟัง และตอนเด็กๆ ที่ยังอยู่โรงเรียนไทยก็เรียนประวัติศาสตร์การเมืองภูมิศาสตร์ด้วย คุณพ่อก็จะซื้อหนังสือพวกนี้มาให้อ่าน จนตัวเองรู้สึกว่าอ่านแล้วไม่หลับ ก็เลยชอบ  ตอนนี้ก็เรียนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการเมืองอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วย และทำธีสิสเกี่ยวกับการเมืองประเทศไทย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นผู้ปกครองว่าเรามีความเห็นอย่างไร

...


พิมพ์ : ตอนที่เริ่มไม่ชอบขนาดนั้น เรียนได้มากกว่าค่ะ ตอนนี้พิมพ์เรียนด้านสังคมศาสตร์ พิมพ์ว่าตัวเองชอบอะไรที่เกี่ยวกับคน ชอบจิตวิทยา รู้สึกว่ามันน่าสนใจดี

ครอบครัวชาตินิยม  เคารพ เทิดทูนสถาบัน

ปรางค์ : ส่วนตัวปรางค์เองก็ค่อนข้างมีชาตินิยมสูง คิดเสมอว่าเราเป็นผู้หญิงไทย มีโอกาสออกไปเปิดหูเปิดตานอกบ้านอย่างที่ญี่ปุ่น ซึ่งก็มีความเป็นชาตินิยมสูงเหมือนกัน แต่คนละแบบ จุดนี้อะไรที่ดีก็รับมา แต่อันไหนที่ไม่เข้ากับบ้านเราก็ไม่รับมา 
"อย่างบ้านเขาก็จะไม่มีเรื่องคอรัปชัน หรืออาจจะรัับก็ได้ แต่ไม่เห็น (หัวเราะ) แต่ของประเทศเราคือมันชัดเจนมาก"


แต่คงไม่เล่นการเมืองหรอกค่ะ เพราะปรางค์เป็นคนขี้น้อยใจ คุณแม่ยังบอกเลยว่าขี้น้อยใจขนาดนี้ โดนคนตำหนิ เราอาจจะเสียกำลังใจ ตำหนิตัวเองเยอะ แต่ก็ชอบฟังนะคะ เวลาทานอาหาร คุณพ่อก็จะเล่าให้ฟังตลอด เพราะกลัวว่าเราไปเรียนเมืองนอกแล้วจะไม่มีความเท่าทันคนในประเทศ คุณพ่อก็จะเล่าทุกอย่างว่า สถานการณ์ประเทศตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ในหลวงท่านเป็นอย่างไรบ้าง

"เพราะคุณพ่อท่านรักในหลวงมากค่ะ ก็จะบอกเราหมดไม่ใช่อยู่เมืองนอกแล้ว รู้ประเทศอื่นหมดว่าเค้าเป็นอย่างไร แต่ไม่รู้เรื่องประเทศเราเลย ซึ่งมันก็สำคัญ ปรางค์ถึงชอบเรื่องนี้ เพราะมันก็สะท้อนชีวิตของบ้านเราด้วย"

คนรุ่นใหม่ สาวทันสมัย หัว (ใจ)โบราณ

พิมพ์ : ในบางแง่มุมห็หัวโบราณค่อนข้างมากค่ะ

ปรางค์ :  ปรางค์กับน้องพิมพ์อยู่กับคุณยายเยอะด้วยค่ะ ตอนเด็กๆ ท่านก็อบรมเรื่องมารยาทอยู่แล้ว เรื่องการกราบไหว้ผู้ใหญ่ การถ่อมเนื้อถ่อมตัว การเป็นคนน่ารัก ส่วนเรื่องอย่างรักนวลสงวนตัวจะมีมาก อย่ามาจับ ไม่ใช่เจอเพื่อนผู้ชายแล้วจะกระโดดกอด เราค่อนข้างมีเพื่อนผู้ชายเยอะด้วยเพราะเรียนอินเตอร์ ซึ่งพวกเขาก็รู้ค่ะ มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ เขาก็จะรู้ว่าไม่ชอบให้พูดเรื่องทะลึ่ง ส่วนคุณแม่ ท่านไม่ใช่คนเจ้ากี้เจ้าการกับลูกเลยค่ะ รู้สึกว่าเป็นลูกที่โชคดีมาก เพราะคุณแม่ไม่เคยสั่งเลย ส่วนใหญ่ให้คิดเองว่าสอนแล้วนะ ก็อยู่ที่ตัวเราเองแล้วว่าเราสามารถทำออกมาได้ดีขนาดไหน ถ้าไม่ได้ดี อันนั้นก็ค่อยตักเตือน

...


วัดความฮอต สวย มีเสน่ห์ ใครมีเยอะกว่ากัน


พิมพ์ : คิดว่าเป็นน้องพลอยนะคะ เขาอายุ 18-19 เป็นช่วงเป๊ะของชีวิต รู้ว่าต้องแต่งหน้ายังไง โพสท่าถ่ายรูปแบบไหน น้องพลอยเขาจะเนี้ยบกว่าใครเลยค่ะ

ปรางค์ : เขาดูเป็นสาวเปรี้ยวดีค่ะ แต่ถ้าในสายตาของคุณพ่อคุณแม่ ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ ท่านไม่เคยชมลูกๆ เลยว่าสวย  (หัวเราะ)

สุภาพบุรุษจิตใจดี สเปกในฝันของ 2 สาว


ปรางค์ : ชอบแบบคุณพ่อค่ะ จิตใจดี ใจกว้าง ชอบคนที่นึกถึงคนอื่น ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ชอบผู้ชายพูดลับหลัง เลิกกับแฟนแล้วมาเล่าเรื่องแฟนเก่าให้ฟัง ชอบคนให้เกียรติคนอื่น ซึ่งคุณพ่อก็เน้นย้ำเรื่องนี้ตลอด อีกอย่างต้องตัวสูงด้วยค่ะ จะรู้สึกว่าคนนี้เหมือนพ่อเรา เป็นตลกด้วยก็ดีค่ะ


พิมพ์ : คงคล้ายๆกัน แต่ไม่เคยชอบคนเดียวกันนะคะ (หัวเราะ) พิมพ์ว่าลูกสาวทุกคน ถ้าไม่มีพี่ชายเป็นไอดอลของตัวเอง ก็คงเป็นคุณพ่อตัวเอง คนที่ดีที่สุดก็คงต้องคล้ายคลึงพ่อแม่เรามากที่สุด

แพลนอนาคต ผู้บริหารรุ่นใหม่ สานต่อกิจการครอบครัว

ปรางค์ : พอเรียนจบแล้ว อยากจะช่วยงานของพ่อแม่ ตามที่ท่านเปรยเอาไว้ค่ะ คุณแม่อยากให้ปรางค์ทำ Luxury Product เพราะดูเข้ากับบุคลิก แต่ปรางค์ก็อยากทำมาร์เก็ตติ้ง อยากฝึกงาน อยากสมัครงานด้วยตัวเองโดยที่ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่ แต่ท่านก็จะหัวโบราณนิดหน่อยว่าลูกสาวต้องทำงานใกล้ตัวเขา ตอนนี้เลยช่วยคุณพ่อทำงานเกี่ยวกับการประสานงานกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นอยู่บ้างค่ะ เวลามีเรื่องงานด้านมาร์เก็ตติ้ง ก็มักจะให้ปรางค์ช่วยดูช่วยคิด แต่ยังไม่ได้ทำเต็มตัวค่ะ


พิมพ์ : ยังไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ก็อยากทำร้านอาหารนารามากกว่า เพราะเป็นคนชอบทาน ชอบดูรูปอาหาร ดูสูตรอาหาร ชอบชิมอาหาร เวลาคุณแม่ทำอาหารสูตรใหม่ๆ พิมพ์ก็จะเป็นคนชิม

ปรางค์ : คุณแม่ชอบทำอาหารมากค่ะ โดยเฉพาะข้าวมันไก่ไหหลำ เป็นเมนูที่ปรางค์ชอบมาก และประทับใจมาก จำได้ว่าเมื่อครั้งที่ไปนิวซีแลนด์กับท่านทั้งสองคน ซึ่งเป็นวันครบรอบแต่งงานด้วย คุณแม่ก็เนรมิตข้าวมันไก่ไหหลำมาได้ ทั้งที่บรรยากาศมันหิมะตกหนักมาก ดูไม่เข้ากันเลย (หัวเราะ) แต่มันอร่อยมากค่ะ จนถึงตอนนี้ทุกครั้งที่ปรางค์จะต้องกลับไปเรียน คุณแม่ก็จะทำขึ้นโต๊ะให้ เวลากลับมาก็จะได้ทานเป็นมื้อแรกที่ได้ทาน แต่เมนูอื่นอย่างแกงเขียวหวานก็ชอบ

พิมพ์ : ขนมก็อร่อยค่ะ โดยเฉพาะคุกกี้ชาไทย เรื่องทำอาหาร พิมพ์กับน้องพลอยเลยได้จากคุณแม่มา  เวลาอยู่เมืองนอกบางทีก็โทรมาถามสูตรแล้วทำเองให้เพื่อนๆ ทานด้วย

ความสดใสที่สะท้อนให้เห็นถึงการเลี้ยงดูของครอบครัว ความคิด การพูดจาที่ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็แฝงไปด้วยความน่ารักอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอแบบนี้ คงทำให้หนุ่มๆ หลายคนหลงรักได้ง่ายๆ เลยล่ะ

Twitter : sriploi_social