โดยสาวแจน ถือคติที่ว่าต้องทำงานแบบสุภาพบุรุษ คือต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ทั้งบริษัทและลูกค้า...

แจน-เจนนิสา คูวินิชกุล สาวหน้าตาดี แต่สามารถลุยงานหนักได้ไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอก!! โดยนั่งเป็นผู้อำนวยการบริหารของบริษัท เอ็ม ที อลูเม็ท ยักษ์ใหญ่ในวงการอะลูมิเนียมทั้งในและนอกประเทศ

แจน ย้อนอดีตให้ฟังว่า ที่บ้านทำธุรกิจอะลูมิเนียมมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ปัจจุบันมีคุณพ่อ (ธเนศ คูวินิชกุล) เป็นผู้กุมบังเหียน ธุรกิจที่ทำผลิตอะลูมิเนียมเส้นซัพพอร์ต 5 วงการหลัก ได้แก่ เรียลเอสเตท, เฟอร์นิเจอร์, ส่วนประกอบรถยนต์, ส่วนประกอบเครื่องบินและกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่และรายแรกในเมืองไทย โดยเธอถูกปลูกฝังมาแต่เด็กว่า โตขึ้นต้องเข้ามาช่วยดูแลธุรกิจของที่บ้าน จึงทำให้ "แจน" ต้องเลือกเรียนด้านบริหารธุรกิจ จากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย

"พอเรียนจบก็ไปทำงานอยู่ฮ่องกง 3-4 ปี เริ่มงานแรกที่แผนกอะลูมิเนียมของบริษัทเกล็นคอร์ ตอนนั้นอยากเรียนรู้อะไรก็ได้ ที่กลับมาช่วยที่บ้านได้ เลยไปสมัครงานที่บริษัทนี้ เพราะเป็นยักษ์ใหญ่ของโลกที่ทำสินค้าเกี่ยวกับโลหะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทองแดง อะลูมิเนียมและแร่ธาตุอีกหลาย ชนิด ทำงานกับเขาจนได้รับการโปรโมตขึ้นเป็นเฮด ควอเตอร์ที่ฮ่องกง ได้ดูในส่วนของคอนแทคกับประเทศในเอเชีย" แจน เล่าถึงประสบการณ์ของเธอที่ไปเรียนรู้งานที่ฮ่องกงจนมั่นใจแล้ว จึงลาออกมาทำงานของตัวเอง โดยเปิดบริษัทเทรดดิ้งด้านอะลูมิเนียมที่ฮ่องกง แหล่งความรู้ของเธอนั่นเอง

แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆที่คิดอ่านจะมาเปิดบริษัทในฮ่องกง "ตอนนั้นอายุแค่ 24-25 ปี ต้องไปคุยกับแบงก์ในฮ่องกงเพื่อขอกู้ยืมเงินมาลงทุน ไม่มีแบงก์ไหนเขาอยากคุยด้วยหรอก แถมเรายังเป็นผู้หญิงไทยอายุนิดเดียว ซึ่งที่ฮ่องกงเขากลัว มากเรื่องผู้หญิงไทยจะเข้าไปทำงานอยู่ในประเทศเขา แต่ แจน  ก็พยายามจนในที่สุดก็ไปหาแบงก์ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจอะลูมิเนียม พอเขาเข้าใจในสิ่งที่เราทำ และรู้ว่าเรามีคอนแทคกับซัพพลายเออร์รายใหญ่ในเมืองจีนอยู่แล้ว เขาจึงยอมซับพอร์ตเราด้านการ เงิน" แจน  เล่าถึงความพยายามของเธอ

หลังตั้งบริษัทของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยและมีลูกค้ารายใหญ่ๆจำนวนไม่น้อย แจน ก็ขอไปเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจ ที่โรงเรียน บริหารธุรกิจฮาร์วาร์ด ในบอสตัน เพราะเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองยังขาดทักษะด้านใด และรู้อีกว่าดีกรีจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงนั้นสำคัญ จะเป็นใบเบิกทางในโลกธุรกิจได้ดีทีเดียว ซึ่งเมื่อเธอมีทั้งประสบการณ์ในการทำงานและดีกรีรับประกันถึงความรู้ แต่ แจน ก็ยังไม่หยุดหาประสบการณ์ใส่ตัว เธอเริ่มไปเรียนรู้งานต่อที่บริษัทแม็คคินซีย์ & คอมพานี ในประเทศสิงคโปร์ หนนี้ทำอยู่ได้พักใหญ่ ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับมาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน

ในการทำธุรกิจ แจน บอกว่า เธอได้รับการ อบรมสั่งสอนจากผู้เป็นพ่อมาตลอดว่า "ต้องทำทุกอย่างอย่างมีสติ ไม่เอาเปรียบใคร และต้องทำธุรกิจอย่างสุภาพบุรุษ คือต้องวินวินกันด้วยกันทั้งคู่ ระหว่างลูกค้ากับเรา ธุรกิจถึงจะไปได้"

นอกเหนือจากการเข้ามาสานต่อธุรกิจของที่บ้านแล้ว แจน ยังเป็นคนรุ่นใหม่ที่เห็นในความสำคัญของการมีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคม เมื่อไหร่ที่มีเวลาว่าง เธอจะหาโอกาสไปสอนหนังสือที่มูลนิธิกลุ่มปรารถนาดี (GoodWill Group Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ช่วยฝึกสอนและให้การศึกษาแก่ผู้หญิงด้อยโอกาส "เป็นความสนใจและความคิดส่วนตัวที่มีมาตลอดว่า ผู้หญิงไทยจริงๆแล้วเก่ง เป็นกำลังของชาติที่ดีมาก แต่ยังขาดโอกาส เลยอยากเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนช่วยตรงนี้" และ แจน ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่การให้ความรู้แก่ผู้หญิงด้อยโอกาส เธอยังมีไอเดียอีกมากมายที่จะช่วยเหลือสังคม เพียงแต่ขอให้มีความพร้อมมากกว่านี้เท่านั้นเอง!!!

...