นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร่วมรณรงค์ส่งเสริมสิทธิเท่าเทียมกันระหว่างเด็กหญิงและเด็กชายกับองค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล.

เดินหน้ารณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงความเท่าเทียมกันระหว่างเด็กหญิงและเด็กชาย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเลือกปฏิบัติทางเพศอย่างเข้มแข็ง องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล (สำนักงานประเทศไทย) ได้จัดงานส่งเสริมสิทธิเด็กและเยาวสตรีในกิจกรรม “Because I Am a Girl เพราะฉันคือเด็กผู้หญิง” โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมปาฐกถาพิเศษ ที่สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อเร็วๆนี้

ในงาน นางมหา ติวบาร์รูเบีย ผู้อำนวยการ องค์การแพลน  อินเตอร์เนชั่นแนล  สำนักงานประเทศ ไทย กล่าวว่า กิจกรรม “เพราะฉันคือเด็กผู้หญิง” เป็นการรณรงค์ระดับโลกที่องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นองค์การพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ที่มุ่งทำงานพัฒนาชุมชนโดยมีเด็กเป็นศูนย์กลาง  ปฏิบัติงานใน 68 ประเทศทั่วโลก ได้ร่วมกันจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์รณรงค์ต่อสู้เพื่อความเสมอภาคทางเพศ ส่งเสริมสิทธิของเด็กหญิงและเยาวสตรี ให้หลุดพ้นจากภาวะความยากจน  สามารถปกป้องตนเองให้หลุดพ้นจากความรุนแรงและการถูกเอารัดเอาเปรียบ นอกจากนี้องค์การแพลนฯยังได้สำรวจความเห็นเด็กชายหญิงไทยอายุต่ำกว่า 18 ปี พบว่า จำนวนเกือบครึ่งหรือ 47% มองว่าเด็กหญิงและเด็กชายยังมีสถานะไม่เท่าเทียมกันในสังคมไทย โดยเฉพาะในเรื่องของโอกาสเด็กหญิงยังได้รับน้อยกว่าเด็กชาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา เด็กหญิงบางคนต้องออกจากระบบการศึกษาเพื่อมาช่วยเหลือครอบครัว

โอกาสนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “บทบาทของผู้หญิงในสังคมและความเท่าเทียมของหญิงชาย” ว่า การนำเสนอรายงาน Because I Am a Girl จะช่วยย้ำถึงความท้าทายที่ผู้หญิงเราต้องเผชิญในสังคม นับว่าเป็นประเด็นที่มีความสำคัญต่อประเทศไทยและสำหรับทุกประเทศทั่วโลก สิ่งที่ผู้หญิงต้องเผชิญในสังคมนั้นมาจากหลายสาเหตุ  ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติของคนในสังคม มุมมองทางวัฒนธรรมที่ไม่ถูกต้อง ความยากจนและการไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร รวมถึงระบบกฎหมายที่ขาดประสิทธิภาพ สวัสดิการและความเป็นอยู่ของผู้หญิงและเด็กหญิงยังล้าหลังผู้ชายและเด็กผู้ชายอยู่ แม้ว่าหลายประเทศจะมีจำนวนผู้หญิงและเด็กหญิงมากกว่ากึ่งหนึ่งของทรัพยากรมนุษย์ทั้งหมดในชาติ สำหรับแนวทางของรัฐบาลในการปรับปรุงสวัสดิการและความเป็นอยู่ของสตรีและเด็กหญิงในประเทศไทย จะครอบคลุมตั้งแต่การสร้างความเข้มแข็งแก่ครอบครัว การปรับปรุงระบบการศึกษาและความยากจน การเปลี่ยนความคิดของคน ตลอดจนสร้างการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเอาไว้แล้วว่าจะให้การสนับสนุนสิทธิสตรีและให้อำนาจสตรี โดยมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาบทบาทของสตรีทั้งในชนบทและในเมือง เพื่อเพิ่มโอกาสแก่ผู้หญิงในการเข้าถึงทางด้านสาธารณสุขและการศึกษา เพื่อให้ผู้หญิงสร้างครอบครัวที่เข้มแข็ง ตนเชื่อว่า ปัญหาหลายอย่างที่เด็กและสตรีต้องเผชิญนั้น สามารถแก้ไขผ่านความเข้าใจซึ่งกันและกัน และความเป็นหุ้นส่วนกัน ทั้งภายในครอบครัวระหว่างสามี-ภรรยา ระหว่างพ่อ-แม่  พี่ชาย-น้องสาว  ควรมีการผลักดันเพื่อสร้างความเคารพระหว่างกันผ่านระบบการศึกษา และร่วมปฏิเสธความรุนแรงในสตรี สำหรับตัวเองนับว่ามีความโชคดีที่ได้รับโอกาสและการสนับสนุนจากพ่อแม่ พี่ชายและพี่สาว ทำให้ได้ใช้ศักยภาพจนก้าวมาถึงทุกวันนี้ จึงอยากชวนให้ทุกฝ่าย ทุกเพศทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้.

...