เพราะเรื่องความดำ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สำหรับผู้หญิง อีกหนึ่งวิธีการรักษาผิวพรรณ เพื่อลดรอยฝ้า ความหมองคล้ำบริเวณต่างๆของผิว อย่างการใช้ทรานซามีน (transamine) ก็เป็นอีก 1 ทางเลือกใหม่ของการรักษาที่ได้ผลดีเหมือนกัน แม้ว่าที่ผ่านมา ตัวยานี้ในทางการแพทย์จะใช้สำหรับการห้ามเลือดในผู้ป่วย แต่ตอนนี้กลายเป็นสารให้ความขาวตัวใหม่ ที่เล่นเอากลูตาไธโอนชิดซ้ายไปเลย

พญ.ธวลิดา ยูมิ เวชชวณิชย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชายด้านผิวหนัง เลเซอร์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลนนทเวช จึงได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับยาตัวนี้ว่า

"จริงๆ แล้วทรานซามีน (Transamine) หรือ Tranexamic Acid เป็นยาสำหรับการห้ามเลือด แต่ปัจจุบันนี้ได้นำมาใช้ในการรักษาผิวให้ขาวสดใสได้ด้วย เพราะในตัวของ Tranexamic Acid นั้นมีสารสำคัญอย่าง lysine ซึ่งเข้าไปยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิว และช่วยลดฝ้า กระจุดดด่างดำได้

การใช้ยาชนิดนี้ มีทั้งการฉีดสู่ร่างากาย และรับประทานในรูปแบบของแคปซูล ซึ่งเป็นที่นิยมมาก แต่ไม่ควรทานนะ เพราะยาชนิดนี้ถือเป็นยาอันตราย ถ้าใช้เองโดยไม่ได้ปรึกษาคุณหมอ"

...

เหตุผลที่ทรานซามีนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ และได้รับความนิยมมากในตอนนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวเสริมว่า

"นอกจากทรานซามีนจะสามารถเนรมิตความดำให้เป็นขาวได้แล้ว ก็เพราะยังสามารถช่วยลดรอยฝ้าให้จางลง กระ และจุดด่างดำก็หายไปด้วย เรียกว่ารักษาวิธีนี้แล้วคุ้มค่าสุดๆ เพราะราคาเพียง 400- 500 บาท และได้เห็นผลภายใน 1 อาทิตย์ ซึ่งถูกกว่าและเร็วกว่ากลูต้าไธโอน  

ความฮอตของทรานซามีน นอกจากในเมืองไทยแล้ว ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการเสริมสวยอย่างญี่ปุ่นก็ไม่พลาดเหมือนกัน เพราะเขาถึงขั้นวิจัยตัวยาชนิดนี้กันเลย ซึ่งผลออกมาก็การันตีได้ว่า มันสามารถทำให้ผิวขาวขึ้นได้จริง ส่วนประเทศเกาหลี ตอนนี้นิยมกันมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ มีผิวหน้าคล้ำกว่าปกติ หรือเปลี่ยนสีไปจากเดิม (melasma) ก็ได้ผลว่าขาวขึ้นจริงเหมือนกัน"

ถึงความขาวที่สาวๆ ใฝ่ฝันจะเป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่การใช้ยาทรานซามีนนั้น ก็ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นเช่นกัน เพราะอย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่แรกว่าจริงๆแล้ว ยาตัวนี้มีไว้สำหรับการรักษาอาการห้ามเลือด และมีผลข้างเคียงหลายอย่างตามมาหลังการใช้ยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตต่ำ ลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทางคุณหมอเน้นย้ำถึงผู้ที่อนกใช้ยาตัวนี้เพื่อให้ผิวขาว

"การใช้ยาทรานซามีน ถึงแม้จะได้ผลทำให้คนใช้รู้สึกพึงพอใจกับผิวพรรณที่ขาวขึ้นก็ตาม แต่ว่าก็ไม่สามารถใช้ได้กับคนทุกคน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเลือดออกในสมองนั้น ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตรด้วย และผู้สูงอายุ เพราะจะทำให้ระบบการทำงานของไตเกิดการทำงานที่ผิดปกติ อาจถึงขั้นไตวายจนเสียชีวิตได้ การใช้ยาชนิดนี้จึงไม่ควรซื้อมาทานเอง ควรปรึกษาคุณหมอที่เชี่ยวชาญโดยตรง และให้เขาจัดยาให้ดีกว่า"

จะเป็นการรักษาด้วย IPL หรือ Transamine ในช่วงนี้เลยฮอตสุดๆ สำหรับคนที่อยากผิวขาวใสไร้ที่ติ สาวคนไหนสนใจอยากทำบ้างก็ต้องศึกษารายละเอียดก่อนทำให้ดีๆ และควรปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงจะดีกว่า คิดจะเสริมสวยแล้วก็ต้องใส่ใจด้วยนะคะ

ข้อมูล/ภาพ :  โรงพยาบาลนนทเวช