ควันบุหรี่เป็นภัยร้ายที่เป็นสาเหตุหลักของโรคมะเร็งปอด นอกจากนี้ โรคมะเร็งปอดยังเป็นสาเหตุที่สำคัญต่อการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้บ่อยที่สุดเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น เหตุผลเพราะว่าในควันบุหรี่มีสารประกอบที่อันตรายมากกว่า 4,000 ชนิด โดยในจำนวนนี้มีประมาณ 60 ชนิดที่เป็นสารก่อมะเร็ง และเป็นตัวส่งเสริมให้เกิดโรคมะเร็งปอดนั่นเอง
บุหรี่กับโรคมะเร็งปอด
นพ.เทพ เฉลิมชัย อายุรแพทย์โรคมะเร็ง โรงพยาบาลเวชธานี เผยว่า สิ่งที่ผู้สูบบุหรี่ได้สูดดมเข้าไป ได้แก่ สารทาร์(น้ำมันดิน) นิโคติน(ส่วนผสมยาฆ่าแมลง) คาร์บอนมอนนอกไซด์ ไฮโดรเจนไซยานายด์(ก๊าซพิษ) ฟีนอล แอมโมเนีย(สารที่ใช้ทำความสะอาดห้องสุขา) เบ็นซิน และฟอร์มาลดีฮายด์(สารที่ใช้ในการคงสภาพศพ) เป็นต้น ซึ่งสารพิษเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดโทษรุนแรงต่อร่างกาย เช่น สารนิโคติน เป็นสารพิษอย่างแรงที่ทำให้คนเสพติดควันบุหรี่ และทำให้หลอดเลือดมีการหดตัวผิดปกติ ส่งผลให้ระดับความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจและชีพจรเต้นเร็ว หลอดเลือดตีบแคบ เป็นเหตุทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและโรคความดันโลหิตสูงตามมา ส่วนทาร์นั้นมีคุณสมบัติเป็นสารก่อมะเร็งเช่นกัน โดยเมื่อสูดเอาควันบุหรี่เข้าไปในร่างกาย ส่วนหนึ่งของทาร์จะจับอยู่ที่บริเวณปอด และจะจับรวมกับฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ในถุงลมของปอด หลังจากนั้นทำให้เกิดการอักเสบและระคายต่อหลอดลมและปอด เกิดอาการไอ มีเสมหะ เนื่องจากมีสารระคายเคืองแปลกปลอมเหล่านี้อยู่ การอักเสบที่เกิดขึ้นจากการระคายเคืองเป็นเวลานานก็จะก่อให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองและที่ร้ายมากกว่าก็คือการเกิดโรคมะเร็งปอดตามมานั่นเอง
...
ความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด จะสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณบุหรี่ที่สูบ โดยพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่มากกว่า 10-20 มวนต่อวัน ติดต่อกันนานมากกว่า 10 ปี มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดมะเร็งปอด นอกจากนี้ พบว่าการสูบบุหรี่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับมะเร็งกล่องเสียง มะเร็งช่องปากและลำคอ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งไต มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้และทวารหนัก และมะเร็งเต้านม
มะเร็งปอดแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักคือ
1. มะเร็งที่เกิดจากเนื้อเยื่อของปอดเอง โดยจะแบ่งชนิดตามขนาดของเซลล์มะเร็ง คือมะเร็งปอดชนิดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก ซึ่งพบได้บ่อยที่สุดประมาณร้อยละ 80 ของการเกิดโรคมะเร็งปอด ที่พบบ่อยรองลงมาคือโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดเล็ก นอกจากนี้ก็มีเซลล์มะเร็งชนิดอื่นๆ รวมถึงเซลล์มะเร็งที่หายยากซึ่งพบได้น้อยประมาณร้อยละ 5 -10 ของการเกิดมะเร็งปอด
2. มะเร็งจากอวัยวะอื่นลุกลามมาสู่ปอด เนื่องจากปอดเป็นอวัยวะที่มีน้ำเหลืองและเลือดมาเลี้ยงจำนวนมาก ดังนั้น จึงมีโอกาสที่มะเร็งจากอวัยวะอื่นๆ ลุกลามมาสู่ปอดได้ง่าย
สัญญาณของโรคมะเร็งปอด
- อาการไอที่ผิดปกติไปจากที่เคยเป็น
- ไอเรื้อรัง หรือแย่ลง
- ไอเป็นเลือด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนแรกของโรคมะเร็งปอด
- เจ็บหน้าอก หนึ่งในสี่ของผู้ที่เป็นโรคมะเร็งปอดจะมีอาการนี้ และอาจเกี่ยวข้องกับโครงสร้างอื่นๆ รอบๆ ปอด
- หายใจถี่ มักเกิดจากการอุดตันของการไหลเวียนของอากาศในปอด การคั่งของน้ำเยื่อหุ้มปอด หรือการแพร่กระจายของมะเร็งทั่วปอด
- เสียงแหบ หายใจมีเสียงหวีด เป็นสัญญาณการอุดตัน หรือการอักเสบในปอด ที่อาจมาพร้อมกับโรคมะเร็ง
- การติดเชื้อทางเดินหายใจซ้ำ เช่น หลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบ เป็นสัญญาณของโรคมะเร็งปอดด้วยเช่นกัน
- มีปัญหาในการกลืน
การวินิจฉัย
ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดโดยส่วนใหญ่ มักได้รับการวินิจฉัยโรคช้า เนื่องจากขณะที่เริ่มเป็นจะวินิจฉัยยาก ทำให้เกินกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมักพบมะเร็งอยู่ในระยะแพร่กระจายไปแล้ว
1. การตรวจโดยการถ่ายภาพ
การตรวจด้วยการถ่ายภาพมีหลายวิธี เช่น การเอกซเรย์ปอดนับเป็นวิธีพื้นฐานที่สุดที่สามารถมองเห็นมะเร็งที่ปอดได้ ส่วนวิธีอื่นๆ ที่สามารถทำได้คือ เครื่อง CT scan คือใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการถ่ายภาพแบบ 3 มิติ ช่วยตรวจพบก้อนเนื้องอกที่อาจไม่ปรากฏบนภาพเอ็กซเรย์ หรือพบเนื้องอกที่แพร่กระจาย นอกจากนี้ยังมี เครื่อง MRI scan เป็นวิธีที่ใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ในการสร้างภาพที่ทำให้เห็นรายละเอียดที่ชัดมากยิ่งขึ้น
2. การเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา
เป็นการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ โดยจะนำชิ้นเนื้อขนาดเล็ก หรือก้อนทั้งหมดของเนื้องอกของร่างกายออก แล้วนำชิ้นเนื้อตัวอย่างมาตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อศึกษาเกี่ยวกับมะเร็งที่อาจเกิดขึ้น วิธีการในการตัดชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัย ได้แก่
- การใช้เข็มดูด โดยจะใช้เข็มที่บางมากผ่านผิวหนังเข้าไป แล้วดูดเอาชิ้นเนื้อบางส่วนออกมาจากก้อนเนื้อที่สงสัย โดยจะใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อป้องกันอาการปวดระหว่างการดูดเก็บชิ้นเนื้อ บางครั้งอาจจะต้องทำร่วมกับเครื่อง CT scan เพื่อช่วยกำหนดตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับผ่านเข็มเข้าไป
- การส่องกล้องเข้าทางหลอดลม ทำโดยใช้กล้องส่องขนาดเล็กสอดผ่านเข้าทางจมูกลงไปทางหลอดลม ซึ่งจะช่วยให้แพทย์เห็นภาพของหลอดลมและท่อหลอดลมในปอดได้โดยตรง และยังสามารถมองเห็นก้อนเนื้องอกได้ชัดเจน ทำให้สามารถดูดเซลล์ หรือนำชิ้นเนื้อบริเวณนั้นมาตรวจทางห้องปฏิบัติการต่อไปได้
มะเร็งปอดสามารถรักษาได้อย่างไร
แพทย์จะวางแผนการรักษา โดยพิจารณาจากปัจจัยด้านต่างๆ เช่น ชนิดของโรคมะเร็งปอด สุขภาพโดยทั่วไปของผู้ป่วย ระยะและการแพร่กระจายของโรคมะเร็ง ผลการตรวจเลือดและผลจากภาพถ่ายและเอกซเรย์ โดยผู้ป่วยแต่ละท่านอาจมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ตามอาการของโรคมะเร็งปอดที่เป็น โดยการรักษาจะประกอบด้วย การผ่าตัด การฉายรังสี และยาเคมีบำบัด อาจเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง หรืออาจใช้หลายวิธีร่วมกัน แล้วแต่ดุลพินิจของแพทย์
เพื่อให้ผลการรักษาดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วย การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด จึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สหสาขาวิชาชีพ หลากหลายสาขา อาทิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง ศัลยแพทย์ พยาบาล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยโรคจากชิ้นเนื้อเยื่อ นักกายภาพบำบัด นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และนักกำหนดอาหาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การรักษาแต่ละวิธี อาจมีผลข้างเคียงมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
นพ.เทพ กล่าวโดยสรุปว่า โรคมะเร็งปอดยังเป็นโรคที่รุนแรง รักษายาก วิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบันคือการป้องกัน หรือหยุดพฤติกรรมการสูบบุหรี่ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้มีชีวิตยืนยาวขึ้น และจะได้ไม่เสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอดในที่สุด
...
สอบถามเพิ่มเติมที่ คลินิกโรคมะเร็ง
โทร. 0-2734-0000 ต่อ 2200, 2204