เหลือเวลาอีกเพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น โลกทั้งโลกก็จะต้องจดจารึกถึงงานเสกสมรสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อีกงานหนึ่งในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์วินด์เซอร์ เมื่อ เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทอันดับสอง ของอังกฤษ ทรงจูงมือแฟนสาวสามัญชน “เคท มิดเดิลตัน” เข้าสู่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โบสถ์เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก ในวันที่ 29 เม.ย.2011 ท่ามกลางความสนใจของผู้คนหลายพันล้านทั่วโลก
แม้สื่อแดนผู้ดีจะพยายามรายงานความเคลื่อนไหวทุกแง่มุมของการจัดเตรียมงานเสกสมรสอย่างต่อเนื่อง แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว คำถามยอดฮิตที่ทุกคนสนใจใคร่รู้คือ ชุดเจ้าสาวของเจ้าหญิงองค์ใหม่แห่งวินด์เซอร์จะงดงามน่าทึ่งเพียงใด ยังคงเป็นความลับสุดยอดที่ห้ามเปิดเผยเด็ดขาด จนกว่าจะถึงวันเสกสมรส ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอันเคร่งครัดของราชวงศ์อังกฤษมาทุกยุคทุกสมัย
ย้อนกลับไปในสมัยของ เจ้าหญิงไดอานา เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ก็มีบรรยากาศของความลึกลับและโกลาหลวุ่นวาย ไม่ต่างจากยุคปัจจุบัน โดย “มร.เดวิด เอ็มมานูเอล” ดีไซเนอร์ผู้ร่วมออกแบบชุดอภิเษกสมรสให้ “เจ้าหญิงไดอานา” ได้สวมใส่เพื่อเป็นเจ้าสาวของ “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” วันที่ 29 ก.ค. 1981 เปิดปากเล่าเป็นครั้งแรกถึงช่วงเวลาอันน่าจดจำที่สุดในชีวิต เมื่อได้เป็นส่วนหนึ่งของบันทึกประวัติศาสตร์ หน้าสำคัญแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ได้รับเลือกเป็นผู้ออกแบบชุดอภิเษกสมรส ประวัติศาสตร์ได้อย่างไร
...
เรื่องนี้ผมไม่เคยลืมเลย มันเริ่มจากจุดเล็กๆ ตอนที่นิตยสารโว้คโทรศัพท์มาหาผมกับอดีตภรรยา (เอลิซาเบธ) ถามว่าพอจะมีเสื้อสวยๆคอวีไม่ลึกเกินไปในสไตล์โรแมนติกไหม บังเอิญว่าเรามีอยู่แล้วในสตูดิโอ จึงส่งให้โว้คพิจารณา โดยไม่รู้มาก่อนว่าคนที่จะสวมใส่คือ “เลดี้ไดอานา สเปนเซอร์” ยังนึกว่าทางโว้คคงนำไปถ่ายแฟชั่น ปรากฏว่า “เลดี้ไดอานา” ชอบเสื้อของเรามาก และถามว่าเป็นผลงานของใคร จากนั้นก็บุกมาหาเราที่ออฟฟิศ และได้เลือกชุดสำหรับใส่ปฏิบัติพระกรณียกิจครั้งแรก หลังประกาศอภิเษกสมรสอย่างเป็นทางการกับ “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” ก็คือชุดเดรสเกาะอกสีดำ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญ ผมยังจำได้ว่าตอนนั้นนิตยสารแฟชั่นทุกฉบับยกหูถึงพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม เพื่อถามว่าใครคือดีไซเนอร์ที่ออกแบบชุดเดรสดังกล่าว แต่ทางเราก็ยังคงปิดปากเงียบสนิท กระทั่งพวกเราได้รับโทรศัพท์จาก “เลดี้ไดอานา” ขอให้ออกแบบชุดอภิเษกสมรส ซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันของดีไซเนอร์ทั้งโลก...เล่นเอาดีไซเนอร์หน้าใหม่อย่างพวกเราช็อกจนพูดไม่ออก และราว 5 เดือนก่อนที่พระราชพิธีอภิเษกสมรสจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทางราชเลขาธิการของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ก็โทรศัพท์มาหาพวกเรา ถามว่าเราสองสามีภรรยาพร้อมที่จะออกแบบชุดเจ้าสาวให้ไดอานาใช่ไหม สาเหตุที่ต้องถามย้ำ เพราะภายในเที่ยงวันนี้จะต้องประกาศชื่ออย่างเป็นทางการแล้ว หลังประกาศชื่อออกไปไม่ถึง 20 นาที หน้าบูติกของเราก็เต็มไปด้วยกองทัพสื่อ ที่มารอเจาะข่าวและบันทึกภาพ จนผมและภรรยาต้องสั่งช่างมาปิดหน้าต่างทุกบานให้ทึบ และตัดสินใจใช้ช่างตัดเย็บแค่ 3 คน เพื่อเก็บงำความลับไม่ให้รั่วไหล จำได้ว่ามีช่างตัดเสื้อคนหนึ่งในทีมถูกปาปารัสซี่สะกดรอยตาม และเสนอให้เงินก้อนโตเพื่อแลกกับการเปิดเผยความลับสุดยอด เหมือนในหนังแก๊งสเตอร์ไม่มีผิด
พระราชวังบั๊กกิ้งแฮมให้คำแนะนำอะไรเป็น พิเศษไหมคะ
ไม่เลย!! ผมกับเอลิซาเบธช่วยกันทำการบ้านอย่างหนัก โดยค้นคว้าข้อมูลประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชุดอภิเษกสมรสของพระราชวงศ์ยุคก่อนๆ เรายังเข้าไปสำรวจพื้นที่จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสภายในมหาวิหารเซนต์ ปอล เพื่อเก็บรายละเอียดทุกแง่มุม เราสเกตช์ชุดเจ้าสาวออกมาหลายแบบ และร่วมกันปรับปรุงดีไซน์กับ “เลดี้ไดอานา” จนออกมาเป็นภาพสเกตช์สุดท้ายที่น่าพึงพอใจ ไม่มีใครได้เห็นภาพสเกตช์สุดท้าย นอกจาก ดีไซเนอร์และเจ้าสาว แม้แต่มารดาของ “เลดี้ไดอานา” ซึ่งเคยแวะมาที่สตูดิโอกับลูกสาว ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นมาก่อน กระนั้น คนที่ได้เห็นภาพสเกตช์ชั่วแวบหนึ่งคือ เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต ซึ่งยืนกรานว่าจะขอพาพระธิดา คือ “เลดี้ซาราห์ อาร์มสตรอง-โจนส์” ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้นำทีมเพื่อนเจ้าสาว มาดูชุดที่สตูดิโอให้ได้ โชคดีที่เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ตโปรดชุดของเพื่อนเจ้าสาว ซึ่งต้องแมตช์ไปทางเดียวกับชุดเจ้าสาว มิฉะนั้น อาจเกิดความโกลาหลยกใหญ่!! ในกรณีของ “เคท มิดเดิลตัน” อะไรๆน่าจะสะดวกกว่ายุคก่อน เพราะพระราชวังเซนต์เจมส์ไม่ตกเป็นเป้าสนใจเท่ากับพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม และน่าจะสามารถใช้เป็นสถานที่ลองชุดเสกสมรสได้สบายๆ โดยไม่มีใครเข้ามาวุ่นวาย
...
อะไรคือโจทย์สำคัญที่ได้รับในการออกแบบชุดอภิเษกสมรส
ต้องเป็นชุดเจ้าสาวที่โรแมนติกเหมือนกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย และทุกอย่างต้องสะท้อนถึงความเป็นอังกฤษ ตั้งแต่สไตล์ของดีไซน์ รูปแบบการตัดเย็บ ไปจนถึงวัสดุต่างๆที่นำมาตกแต่ง เราเลือกใช้ผ้าไหมทาฟเฟต้า สีงาช้างบริสุทธิ์เป็นวัสดุหลักในการตัดเย็บชุดเจ้าสาว ขณะเดียวกัน ก็ประมูลซื้อลูกไม้โบราณ รวมถึงลูกไม้โบราณของควีนแมรี่ ซึ่งหายากและล้ำค่าเหลือเกิน เพื่อนำมาตกแต่งประดับประดาชุดอภิเษกสมรส เบ็ดเสร็จ แล้วราคาประมาณ 9 พันปอนด์ โดยแรงบันดาลใจในการออกแบบส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการพูดคุยกับ “เลดี้ไดอานา” และได้ภาพตรงกันว่า เธอคือผีเสื้อแสนสวยที่กำลังโบยบินออกจากดักแด้
รายละเอียดตรงไหนคือจุดที่ยากที่สุดในการตัดเย็บชุดเจ้าสาวให้ไดอานา
จริงๆก็ยากทุกจุด และต้องอาศัยทีมเวิร์กที่เก่งมากๆ แต่จุดที่พวกเรากังวลใจที่สุดคือ หางของชุดเจ้าสาว ที่ตั้งใจออกแบบให้ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 25 ฟุต เราใช้ผ้าไหมทาฟเฟต้าผืนเดียวกับชุดเจ้าสาว และเย็บติดกับช่วงเอวด้านหลัง ปล่อยให้ลากยาวกรุยกรายไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนขนาดความกว้างของผืนผ้า ก็ตั้งใจวัดอย่างละเอียดให้สอดคล้องกับทางเดินของมหาวิหารเซนต์ปอล ด้วยความฟูฟ่องและกรุยกรายสุดจะบรรยายนี่เอง ทำให้ต้องนำชุดเจ้าสาวไปฟิตติ้งภายในพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม บริเวณทางเดินหน้าห้องบรรทมเก่าของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ และต้องซักซ้อมกับเพื่อนเจ้าสาวหลายรอบ เพื่อสาธิตวิธีการจัดชุดเจ้าสาว เตรียมพร้อมสำหรับเดินเข้ามหาวิหาร
...
ต้องมีการอารักขาชุดอภิเษกสมรสเข้มงวดเพียงใด
ทางบั๊กกิ้งแฮมได้จัดทีมดูแลรักษาความปลอดภัยมาผลัดกันเฝ้าเวรยามอยู่หน้าสตูดิโอ ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่พวกเราป้องกันความลับจะรั่วไหลอีกทาง ด้วยการทำลายภาพสเกตช์ร่างสุดท้ายทิ้ง และจัดทำห้องเซฟขึ้นพิเศษ เพื่อเก็บชุดอภิเษกสมรสไว้เป็นความลับสุดยอด แม้แต่เศษด้ายเศษผ้า หรือเศษลูกไม้ ก็ต้องเก็บกวาดไม่ให้เหลือซาก เพราะกลัวพวกนักข่าวจะได้เบาะแสของชุดเจ้าสาว โดยหนึ่งวันก่อนถึงวันอภิเษกสมรส ผมยังจำได้เลยว่ารู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้เย็นเฉียบ พราะต้องนำชุดเจ้าสาวไปส่งที่พระตำหนักคลาเรนส์ เฮาส์ เราใช้รถแวนสีขาวธรรมดาๆ และเลือกส่งของตอนกลางวันแสกๆ เพื่อตบตากองทัพสื่อ ซึ่งปรากฏว่าได้ผลมากๆ
มีคำแนะนำอะไรดีๆ ฝากถึง ว่าที่เจ้าสาวคนใหม่ไหมคะ
ตอนที่ “เลดี้ไดอานา” อภิเษกสมรส ทรงมีพระชนม์เพียง 20 ชันษาเท่านั้น ทรงบริสุทธิ์งดงาม และอ่อนต่อโลก ไม่เหมือนกับ “เคท มิดเดิลตัน” ซึ่งเสกสมรสตอนอายุ 28 ปี โตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว และทราบดีว่าตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไร เหมาะกับสไตล์ไหน เพราะฉะนั้น คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ สิ่งหนึ่งที่อยากให้ “เคท” ใส่ใจรายละเอียดมากเป็นพิเศษก็คือ แม้จะตั้งเป้าไว้ว่าอยากได้ชุดเจ้าสาวที่เรียบโก้ คัตติ้งคมกริบ และไม่ฟู่ฟ่าเกินไป เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยเศรษฐกิจฝืดเคือง แต่ก็อย่าปล่อยให้เรียบจนจืดชืด ต้องมีกิมมิคให้กล่าวขวัญถึงบ้าง และต้องไม่โป๊โชว์ส่วนสัดมากเกินไป เรื่องช่างแต่งหน้าทำผมก็สำคัญไม่น้อย ควรจะลองสัก 2-3 แบบ เพื่อให้แน่ใจก่อนถึงวันจริง โดยเฉพาะช่างทำผม แนะนำให้เลือกช่างที่มีความชำนาญในการเซตผมสำหรับใส่เทียร่าโดยเฉพาะ จะได้ดูสง่างามสมกับเป็นเจ้าหญิงแห่งวินด์เซอร์
...
เมื่อถึงวันอภิเษกสมรสจริง บรรยากาศน่าตื่นเต้นและชวนประทับใจขนาดไหน
ทีมงานของเราเดินทางถึงคลาเรนส์ เฮาส์ ตอน 6 โมง 45 นาที ขณะนั้น “เลดี้ไดอานา” ติดโรลม้วนผมเต็มศีรษะ และกำลังแต่งหน้าอยู่ พระราชพิธีอภิเษกสมรสจะมีขึ้นเวลา 11 โมงเช้า เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าชายวิลเลียม และเคท มิดเดิลตัน จะเสกสมรสในวันที่ 29 เม.ย.นี้ ซึ่งก็หมายความว่าเจ้าสาวของเราจะต้องแต่งตัวเสร็จ และพร้อมขึ้นรถม้าภายในเวลา 10 โมง 35 นาที เพื่อเดินทางจากคลาเรนส์ เฮาส์ ไปยังมหาวิหารเซนต์ปอล ผมจำได้ติดตาว่า “เลดี้ไดอานา” ทรงมีพระพักตร์ซีดเซียวมาก เพราะทรงนอนไม่หลับทั้งคืน ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจเกี่ยวกับอาการป่วยของบิดา “เอิร์ลสเปนเซอร์” ซึ่งเพิ่งล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน เกรงว่าจะทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาวไม่ไหว แต่ถึงแม้เจ้าสาวของ “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” จะออกตัวว่าเป็นวันที่สับสนวุ่นวายใจที่สุดในชีวิต แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญจริงๆ “เลดี้ไดอานา” ก็ทรงดูงดงามชวนตะลึงไม่ต่างจาก เจ้าหญิงในเทพนิยาย.