กัลลิเวอร์ผจญภัย ที่สร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งล่าสุด.
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน แม้จะเลยวันมหาสงกรานต์มา 3-4 วันแล้ว แต่วันนี้ก็น่าจะยังถือได้ว่า อยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยนะคะหลายๆท่านอาจจะได้ไปเที่ยวหรือกลับบ้านในขณะที่ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ก็ได้สนุกสนานกับการละ เล่นในเทศกาลสำคัญของเรากันอย่างชื่นมื่น
เห็น“ชาวเรา” เล่นสนุกกันอย่างนี้แล้ว ทำให้ นึกถึง“ชาวเขา”ค่ะ ชาวเขาที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงชาวเขาแบบที่อยู่พื้นที่สูงทางเหนือนะคะ แต่หมายถึงประชากรที่เป็นแบบอื่น รูปลักษณ์ที่ต่างไปจากเรา สิ่งมีชีวิตที่มีวัฒนธรรม อารยธรรมเป็นของตัวเอง ซึ่งเผลอๆจะเหนือกว่ามนุษย์อย่างเราๆด้วย ที่สำคัญพวกเขาไม่ได้ออกมาให้เราเห็นกันได้บ่อยๆถ้าไม่โชคดี จริงๆก็ยากจะเจอ เพราะพวกเขาค่อนข้างจะเก็บเนื้อเก็บตัวมากทั้งๆที่เป็นกลุ่มคน ที่รักสนุกมากกว่าชาวเราเยอะเลยทีเดียว
...
รูปจำลองมนุษย์ฮอบบิตแห่งอินโดนีเซีย.
นั่นแน่...ชักสงสัย กันแล้วใช่ไหมคะว่าหมายถึงใครไทยรัฐ ซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูน กำลังจะพาท่านผู้อ่านไปพบกับประชากรที่เชื่อกันว่า มีอยู่จำนวนมากในโลกเรา แต่พวกเขาขี้อายเกินกว่าจะออกมาใช้ชีวิตร่วม หรือให้พวกเราได้เห็นกันง่ายๆ นั่นคือเหล่าคนร่างเล็ก
มีความเชื่อมากมายอยู่ทั่วโลกทีเดียวค่ะว่า มีคนร่างเล็กจิ๋วแอบอาศัยอยู่ ความเชื่อที่ว่านี้ มีอยู่ในเรื่องเล่าตำนานและนิทานพื้นบ้านของหลายวัฒนธรรม เช่น ไอร์แลนด์ กรีซ ฟิลิปปินส์ หมู่เกาะฮาวาย อินโดนีเซีย ชนพื้นเมืองอเมริกา ฯลฯ เรียกว่า มีมากมายจนยากจะเชื่อว่าเป็นเพียงความเพ้อฝัน แต่น่าจะมีอยู่จริงและหลายๆคนก็บอกว่าเคยเห็นมากับตาตัวเอง
ใน ความเชื่อที่มีกระจายอยู่ทั่วโลกนี้ เล่าสืบต่อกันมาว่า นานมาแล้ว พร้อมๆกับการเริ่มต้นของมนุษย์ ยังมีคนตัวเล็กจิ๋ว ขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือของมนุษย์เราอาศัยอ ยู่ชนพื้นเมืองในอเมริกามีตำนานที่เล่าต่อกันมาว่า มีชนเผ่า Little People หรือคนตัวเล็กอาศัยอยู่ในป่า ใกล้กับภูเขาทราย หรือแถวแนวโขดหินที่อยู่ใกล้กับแหล่งน้ำใหญ่ๆ เช่น บริเวณทะเลสาบ
คนตัวเล็กเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีลักษณะเหมือนมนุษย์เราแต่เพียงย่อส่วนลงไปเท่านั้น แต่ก็มีคนที่เคยพบเห็นบางคนบอกว่า พวกเขาแตกต่างออกไป เช่น มีขนที่หน้า หรือมีเขาบนหัว แต่ที่แน่ๆพวกเขาไม่ค่อยจะยอม โผล่ออกมาให้เจอกันจังๆและหากจะไปไหนมาไหน ก็มักจะเดินทางเป็นกลุ่มๆ หลายๆคน และมีเรือแคนูขนาดเล็กเป็นพาหนะไปตามลำน้ำ
วิลเลียม เบลค กวีและจิตรกรชาวอังกฤษ.
ตำนานพื้น เมืองเล่าขานกันว่า แม้คนตัวเล็กพวกนี้จะขี้อาย แต่หากมีโอกาส ก็มักจะล้อเล่นกับมนุษย์ด้วยการร้องเพลงด้วยเสียงสดใส แต่ซ่อน ตัวจากสายตาของคนที่อยากรู้อยากเห็น เรียกว่า แกล้งร้องเพลงเพราะๆแล้วให้มนุษย์หลงเดินตามเสียงจนงงเต็ก... หรือบางคนก็อาจจะคิดว่าเจอะผีหลอกเข้าซะอย่างนั้น แต่หากเป็นคนที่เชื่อตามตำนานเก่าแก่ ก็ค่อยยังชั่ว เพราะไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นผีสางนางไม้ที่ไหน แต่เป็นเหล่าคนตัวจิ๋วที่แอบแกล้งเล่นๆเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังว่ากันว่า คนตัวจิ๋วพวกนี้เป็นเหมือนนางงามไทย คือรักเด็ก ทำให้บางครั้ง เมื่อเจอเด็กน้อยหน้าตาน่ารักก็อาจจะแอบมาขโมยไปจากพ่อแม่ ซะหน้าตาเฉย โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นพ่อแม่ที่ไม่เอาไหน ไม่ดูแลลูก หรือ ทำร้ายลูก พวกคนตัวจิ๋วก็จะมาช่วยไป เลี้ยงดูอุ้มชูแทน และด้วยความรักเด็กนี่เอง ที่ทำให้เด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้พบเจอคนตัวจิ๋วมากกว่า ผู้ใหญ่ แต่พอมาเล่าให้ผู้ใหญ่ฟัง ก็โดนหาว่าตาฝาดเพ้อเจ้อจินตนาการไปเอง ทำให้เมื่อโตขึ้น เด็กจำนวนมากก็หลงลืมเพื่อนที่เคยเจอเมื่อเยาว์วัยไป
แต่ ผู้ใหญ่บางคนที่โชคดี ก็อาจจะได้เจอคนตัวจิ๋วด้วย มีตำนานในยุโรปเล่าว่า หากคนตัว จิ๋วถูกพบเจอโดยมนุษย์ผู้ใหญ่ พวกเขาจะอ้อนวอนขอให้คนที่พบเห็นเก็บเรื่องราวของการเจอกัน ไว้เป็นความลับแลกกับสัญญาที่ว่า เมื่อไหร่ที่ต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาจะมาโดยไม่รอช้า และนี่ก็กลายเป็นเทพนิยาย หรือนิทานพื้นบ้านในหลายๆประเทศ ที่มักจะเล่ากันว่า ในยามคับขัน หรือมีปัญหา ก็จะมีคนตัวเล็กออกมาช่วยคนที่เดือดร้อน โดยเฉพาะผู้ที่เก็บเรื่องราวของพวกเขาไว้เป็นความลับ
...
กัลลิเวอร์ผจญภัย ผลงานอันโด่งดังของโจนาธาน สวิฟท์.
เรื่อง ทำนองนี้สอด คล้องกับความเชื่อเก่าแก่ของชาวไอริชที่ว่า เหล่าคนตัวเล็ก หรือภูติจิ๋วจะแอบแฝงอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ และจะคอยอวยชัยให้พรมนุษย์ที่ทำดี และให้ความเคารพแก่พวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ ให้ความเคารพต่อธรรม-ชาติอันเป็นที่อาศัยของคนร่างจ้อย
นักศึกษา เรื่องตำนานบางคนเชื่อว่า ความคิดเรื่องคนตัวจิ๋ว ที่กลายมาเป็นเรื่องภูติจิ๋ว เป็นเรื่องที่สืบทอดความเชื่อเก่าแก่มาจากพวกเซลติค ชนเผ่าโบราณในยุโรป ที่เล่ากันแบบปากต่อปากกันมาว่า เดิมทีคนตัวเล็กเป็นชาวเผ่าอีกเผ่าหนึ่งของโลกเรา แต่ด้วยความที่มีร่างกระจ้อยร่อย ก็เลยถูกพวกมนุษย์ตัวใหญ่อย่างเราๆ รุกไล่พื้นที่อยู่อาศัยของพวกเขา จนต้องหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก กลายเป็นชนเผ่าที่กลายเป็นปริศนา และบางทีก็เล่ากันว่า พวกเขากลายเป็นภูติ หรือวิญญาณแห่งโลก ที่อาจจะอยู่ลึกลงไปใต้พื้นพสุธา รอคอยเวลาที่จะออกมา “กวนใจ” คนเล่นเป็นพักๆ
...
ฮอบบิตกับมนุษย์.
โลกของคน เหล่านี้ กลายเป็นโลกต้องห้าม โลกที่มองไม่เห็น ใครก็เข้าไปไม่ได้ หากไม่ได้รับอนุญาต และเมื่อความเชื่อนี้ถูกถ่ายทอดมาถึงชาวอังกฤษโบราณ มันก็กลายเป็นดินแดนที่เป็นที่รู้จักกันในนาม อวาลอน...ชื่อนี้ท่านที่ติดตามนิตยสารต่วย’ตูน พิเศษบ่อยๆ อาจจะคุ้นเคยดีนะคะ เพราะเป็นสถานที่ที่เชื่อกันว่า กษัตริย์อาเธอร์เจ้าของตำนานอัศวินโต๊ะกลม ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอังกฤษ ได้ไปรักษาพระองค์อยู่ที่นั่น หลังเจ็บหนักจากการรบ และรอคอย วันที่จะกลับมาอีกครั้งเมื่ออังกฤษต้องการ
ในขณะที่บาง ตำนานไปไกลกว่านั้น ด้วยการบอกว่า พวกคนตัวเล็กไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกลุ่มคนที่ฝรั่งคุ้นเคยกันดี พวกเขาเป็นผู้ทำของขวัญ คริสต์มาสให้ซานตาคลอส นั่นคือพวกเอลฟ์ ซึ่งเป็นคนร่างเล็กเหมือน เด็กที่ยังไม่โตอยู่ตลอดเวลา และร่าเริงแจ่มใสอยู่เป็นนิจ
...
เผ่าพันธุ์คนแคระ.
แต่โดยรวมๆแล้ว เมื่อนึกถึงคนตัวเล็กๆ คนส่วนใหญ่ในฝั่งยุโรปจะนึกไปถึงเทวดาตัวน้อย หรือที่มักจะเรียกขานกันว่าแฟรี่ ซึ่งวิลเลียมเบลค กวีและจิตรกรชาวอังกฤษมีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ.1757-1827 บันทึกไว้ว่า เคยได้บังเอิญเห็นพิธีศพของเหล่าภูติจิ๋วนี้ในสวน เป็นขบวนของคนตัวเล็กที่มีขนาดและสีเหมือนกับตั๊กแตนสีเขียว แบกร่างที่วางวายมาบนใบกุหลาบ และทำพิธีฝังพร้อมกับขับขานเสียงเพลงอันไพเราะ และเมื่อจบพิธี พวกเขาก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หัน มาดูทางเอเชียกันบ้าง มีเรื่องเล่าในอินโด-นีเซียว่า ในเกาะที่ห่างไกล มีสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีรูปร่างเตี้ย เล็ก สูงสุดๆก็แค่ประมาณ 1.5 เมตร คนพื้นเมืองเรียกขานชนกลุ่มนี้ว่า อีบู โกโก ซึ่งเป็นชนเผ่าที่มีภาษาพูดมีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง บางคนก็เชื่อว่า พวกเขามีอยู่จริง แต่บางคนก็บอกว่า อาจจะเป็นเพียงลิงชนิดหนึ่ง
แต่ความคิดนี้ก็ถูกลบล้างไป (บ้าง) เพราะในปลายปี ค.ศ. 2004 นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ ออสเตรเลีย ได้ประกาศการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ คือการขุดพบกระดูกมนุษย์วัยผู้ใหญ่ ที่มีอายุย้อนหลังไปถึง 18,000 ปี ในถํ้าหินปูน ในเขตเลียงเบา เกาะฟลอเรส ประเทศอินโดนีเซีย
ถ้ำที่พบโครงกระดูกฮอบบิต ในอินโดนีเซีย.
กระดูก มนุษย์ที่พบนี้ มีความสูงเต็มที่เพียง 1 เมตร มีการตั้งชื่อเล่นกันอย่างไม่เป็นทางการว่า “ฮอบบิต” ตามชื่อตัวละครคนแคระในหนังสือเรื่องเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ และเมื่อพิจารณาจากยุคสมัยที่ “ฮอบบิต” เหล่านี้เคยเดินตัว ตรงอยู่บนโลกเราก็ทำให้เชื่อได้ว่า พวกเขา “เคย” อยู่ร่วมในห้วงเวลาเดียวกับบรรพบุรุษของเรามาก่อน
ด้วย หลากหลายเรื่องราว และหลักฐานเหล่านี้ ทำให้เราเห็นได้ชัดว่า คนตัวจิ๋วมีอยู่จริง อาจจะจิ๋วถึงขนาดไม่กี่นิ้วหรือสูงเป็นเมตร แต่พวกเขาก็มีอยู่แน่ๆ อาจจะเคยร่วมสังคมกับเรา หรือแตกแยกออกไป ในสังคมอีกโลกหนึ่งที่เรามองไม่เห็น และหลายคนทึกทักเอาว่า นิยายเรื่อง กัลลิเวอร์ผจญภัย ผลงานอัน โด่งดังของโจนาธาน สวิฟท์ ที่ตัวเอกของเรื่อง คือกัลลิเวอร์ได้เดินทางไปพบเหล่าคนตัวจิ๋วนั้น อาจจะมาจากแนวคิดและตำนานเหล่านี้นี่เอง แต่ หากมองลึกลงไปแล้วสวิฟท์เขียนเรื่องกัลลิเวอร์ออกมาในแนว เสียดสีสังคมมากกว่า แต่ไม่ว่าจุดประสงค์ดั้งเดิมจะเป็นอย่างไร คนที่อ่านหรือชมภาพยนตร์เรื่องกัลลิเวอร์ก็อาจจะหวนนึกถึง เรื่องราวของคนตัวจิ๋วในหลากหลายตำนาน
ภาพภูติจิ๋วแฟรี่เริงระบำ วาดโดยวิลเลียม เบลค.
นอกจากคนตัวเล็กแล้วยังมีความเชื่อว่า โลกเรานี้ยังมีโลกอื่นที่ซ้อนๆกันอยู่อีกในหลายมิติ และอาจจะมีมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่นๆ เช่น ยักษ์ ซึ่งก็น่าแปลกเหมือนกับกรณีของคนตัวจิ๋วว่า ทำไมแทบทุกประเทศมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับยักษ์ คนในอดีตเคยเห็น และอยู่ร่วมกับยักษ์ ก่อนที่พวกเขาจะหลบไปอยู่ในอีกมิติหนึ่งหรือเปล่า??
และ กว่าจะตามหากันพบว่าพวกเขาเป็นใคร ตอนนี้ก็ขอกลับไปเปิดดูดีวีดีเรื่องกัลลิเวอร์ที่เพิ่งออก ใหม่ แล้วนอนฝันถึงเพื่อนตัวจิ๋วก่อนดีกว่าค่ะ.
"ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน"