ลายเส้นคดเคี้ยว เลี้ยวลวดลายอันอ่อนช้อย คือเอกลักษณ์ของเลขไทย ที่สมัยนี้น้อยเต็มที ที่จะมีคนใช้กัน..

ผ่านไปหลายปี จำได้ว่าล่าสุดที่เขียนเลขไทยคือตอนไหนก็ลืมไปแล้ว ทั้งที่ตัวเอง เคยเรียน เขียนอยู่ตอนเรียน ที่ผ่านมาการสอนเขียนเลขไทย เหมือนเพียงเพื่อให้รู้จัก และอนุรักษ์ไม่ให้สูญหาย แต่กลับไม่ได้เอามาใช้ในชีวิตประจำวันมากนัก ส่วนใหญ่พอเรียนในชั้นที่ระดับสูงขึ้นจนจบก็คงไม่มีใครใช้เลขไทยมาเขียนกันแล้ว


เสน่ห์ที่ไม่เคยหายไป แต่คนไทยก็ไม่นึกถึง 'เลขไทย' จึงเป็นมรดกอักษรที่ถูกลืมทีละนิดๆ จนมีน้องๆ เยาวชนทีมเลขเด็ดจากโครงการ  Young Muse Project  ที่คิดผลงานสุดสร้างสรรค์ออกมาจัดเป็นนิทรรศการ "เลขไทย:รู้จัก-เขียนไม่ได้-นึกไม่ถึง?" เพื่อเป็นการกระตุ้นให้วัยรุ่นหันมาสนใจมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยวันนี้ยังได้ร่วมพูดคุยกับตัวแทนของกลุ่มที่ทำผลงานชิ้นนี้อีกด้วย

...

น้องวสวัตติ์ สันตินิภานนท์ และน้องนิรุทธ์ ธรรมธิ ตัวแทนจากทีม "เลขเด็ด" ที่มาช่วยอธิบายถึงนิทรรศการ "เลขไทย"

"งานนิทรรศการครั้งนี้เราเริ่มทำกันตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วครับ ต่างคนต่างมาเข้าค่ายในโครงการ Young Muse Project แล้วก็จับฉลากเข้ากลุ่มกัน ซึ่งตอนนั้นก็คิดว่าอยากนำเสนอเรื่องเลขไทยกัน เพราะคิดว่าเดี๋ยวนี้เลขไทยเริ่มไม่ใช่กันแล้วครับ อย่างตามป้ายบ้านเลขที่ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ จะใช้เลขอารบิกมากกว่า  ตอนแรกที่เริ่มคิดทำโปรเจ็คนี้พวกเราก็จะแบ่งงานกันชัดเจนเลยครับ ว่าใครถนัดเรื่องไหน ก็มีบ้างเหมือนกันที่ตามกันไม่ทัน ซึ่งก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน



ผมว่าอย่างน้อยที่สุดการได้มาทำโปรเจ็คนี้นอกจากจะได้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยหลายเรื่อง ได้มิตรภาพแล้ว ก็ทำให้เราฝึกประสบการณ์จากพี่ๆที่เป็นมืออาชีพด้วย ซึ่งจริงๆ ลึกๆ ก็อยากให้มีผลถึงคนที่เข้ามาชมนิทรรศการด้วย ไม่อยากให้ลืมสิ่งที่มีค่าทางวัฒนธรรมของไทยไป เพราะหลายเรื่องมันก็เริ่มหายไปบ้างแล้ว"

การผสมผสานงานจิวเวลรี่ด้วยแรงบันดาลใจจากเลขไทย

...


นอกจากเลขไทยจะมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้ว ลีลาของเลขไทยแต่ละเลข ยังเปรียบกับอักษรภาพที่สื่อความหมายในทางโหราศาสตร์ได้ด้วย  ซึ่งอ. ปางช้าง ทยาหทัย กรรมการของสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่มาร่วมไขปริศนาเลขไทย กับการทำนายชะตาชีวิต



"สำหรับเลขไทย คงยังต้องใช้อยู่นะในทางโหราศาสตร์ เพราะศาสตร์ด้านนี้เป็นศาสตร์ที่มีครู ทุกอย่างมันมีขนบธรรมเนียม จารีตที่เขาทำสืบทอดต่อกันมา  และเลขไทยก็มีความหมายในทางโหราศาสตร์เป็นเหมือนอักษรรูปภาพ มีความหมายถึงดวงดาวตามคำทำนาย ซึ่งเรื่องเลขกับดวงดาวที่มันสัมพันธ์กันแบบนี้ ก็ใช้กันทั่วโลก อย่างเช่น

...


เลข ๐ เปรียบกับดาวมฤตยู ซึ่งในความหมายของโหราศาสตร์ไทยก็จะหมายถึงช่องว่าง ความว่างเปล่า และการวกไปวนมา

เลข ๑ เปรียบกับดวงอาทิตย์ สื่อถึงภาพวังน้ำวน เป็นศูนย์รวมของทุกสิ่ง บุคคลสำคัญ หรือผู้นำ


เลข ๒ คือดวงจันทร์ คล้ายกับสายน้ำ สื่อถึงจินตนาการ นักคิด นักเขียน ผู้หญิง ความนุ่มนวล อ่อนหวาน
เลข ๓ ดาวอังคาร ตามตำนานเป็นเทพเจ้าซึ่งใช้กระบือเป็นพาหนะ เลขนี้จึงคล้ายกับรูปเขา หมายถึงนักรบที่มีความอดทน

...


เลข ๔ ดาวพุธ เี่ยวข้องกับเรื่องการสื่อสาร การพูด การค้าขาย สังเกตจากภาพเป็นรูปปากกำลังพูดมีลิ้นกระดก
เลข ๕ ดาวพฤหัสบดี คล้ายกับเลข ๔ คือมีปากหมายถึงการพูด แตกต่างที่บนศีรษะมีรอยขดหมายถึงสมอง จึงหมายถึงคนที่ความรู้ ครูอาจารย์ หรือพระสงฆ์ ซึ่งใช้สติปัญญาคิดก่อนพูดนั่นเอง


เลข๖  คือดาวศุกร์ภาพเหมือนหัวใจครึ่งดวง หมายถึงความรัก ที่ต้องการเติมเต็มอีกครึ่งจากคนรัก ความสุข และเซ็กซ์
เลข ๗  เป็นดาวเสาร์  หมายถึงความอดทน และเป็นนักวางแผน ทำงานหนัก บางครั้งเก็บกด เพราะตามตำนานเทพดาวเสาร์มาจากเสือ ซึ่งเสือเวลาหาเหยื่อจะเป็นนักวางแผน และจะปลดปล่อยอารมณ์เกรี้ยวกราดเมื่อจับเหยื่อได้สำเร็จ


เลข๘ เปรียบกับราหู มีแต่ศีรษะ หางสั้น มีความหมายเชิงลึกลับ ความมืด การค้นหา
เลข๙ เปรียบกับสายฟ้า สื่อถึงเรื่องเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ เรื่องเร้นลับ


ความลึกซึ้งของเลขไทย นอกจากสามารถบ่งบอกถึงดวงดาว และทายชะตาชีวิตได้แล้ว เลขไทยก็ยังมีเสน่ห์อยู่ในตัวทั้งในเรื่องการเขียนที่ดูอ่อนช้อย  นุ่มนวล ไม่เหมือนกับเลขอารบิกที่จะตรงๆ ทื่อๆ จะว่าไปแล้วถ้าเราหันมาเขียนเลขไทยกันให้มากขึ้น ก็คงจะดี เพราะนอกจากจะเป็นการฟื้นฟูสมบัติของชาติให้กลับมาอยู่ในกระแสนิยมได้แล้ว ยังดูสวยงาม มีเอกลักษณ์ในการเขียน ที่สำคัญมันก็สอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบไทยๆ ดีด้วย.