ถ้าพูดถึงเรือสำราญลำประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลก ทุกคนคงจะต้องนึกถึง "ควีนเอลิซาเบธ 2" หรือ QE2 ซึ่งเป็นเรือตระกูลคูนาร์ด ที่ให้บริการแก่พระราชวงศ์ และมหาเศรษฐีทั่วโลกมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ ตั้งแต่ปี 1969 ด้วยเส้นทางทรานส์แอตแลนติกแบบเดียวกับเรือไททานิค จากท่าเรือเซาแธมป์ตัน เกาะอังกฤษ ไปยังนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นสุดยอดการเดินทางหรูหราไฮโซแห่งยุคสมัย
น่าเสียดายที่ความเก่าแก่และล้าสมัย ทำให้เรือสำราญระดับโลกลำนี้ ต้องปลดระวางไปเมื่อปี 2008 และถูกขายให้กับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของดูไบ เจ้าของอาณาจักรดูไบ เวิลด์ เพื่อดัดแปลงเป็นโรงแรมลอยน้ำสุดหรูระดับ 6 ดาว อย่างไรก็ดี เพื่อสานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ ของ "ควีนเอลิซาเบธ 2" ทางต้นสังกัด คูนาร์ด ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนาน 170 ปี ได้ลงทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างเรือลำใหม่ขึ้นมาทดแทน "ควีนเอลิซาเบธ 2" โดยได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่สอง แห่งอังกฤษ ว่า ควีนเอลิซาเบธ และทรงตัดริบบิ้นเปิดเรืออย่างเป็นทางการ ณ ท่าเรือ เซาแธมป์ตัน เมื่อเดือน ต.ค.2010
นับเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งของเมืองไทย ที่ได้มีโอกาสต้อนรับ "ควีนเอลิซาเบธ" เรือสำราญหรูหราที่สุดและใหม่ที่สุดของโลก เมื่อกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โดยแวะจอด ที่ท่าเรือแหลมฉบังเป็นครั้งแรก อันเป็น ส่วนหนึ่งของเส้นทางปฐมฤกษ์เวิลด์ครุยส์ พา ผู้โดยสารกว่า 2,000 คน เดินทางรอบโลก จากท่าเรือเซาแธมป์ตัน ต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 103 วัน
ในฐานะผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเรือสำราญโลก "จุมพล ชฎาวัฒน์" เอ็มดีใหญ่แห่งรีเกล อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวิล บริษัททัวร์ ระดับท็อปของเมืองไทย ซึ่งเป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียว ที่ดูแลผู้โดยสาร บนเรือสำราญ 4 ตระกูลใหญ่ของโลก คือ คูนาร์ด, พรินเซส, พีแอนด์โอ ครุยส์ และคอสต้า ครุยส์ ได้บอกเล่าประวัติความเป็นมาของเรือเดินสมุทรลำที่หรูหราและใหม่ที่สุดของโลก ซึ่งกำลังจะกลายเป็นตำนาน ตลอดจน ถ่ายทอดถึงเสน่ห์ความน่าสนใจของการท่องเรือสำราญ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ ยากจะมีโอกาสได้สัมผัส
ช่วยเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของเรือควีนเอลิซาเบธหน่อยสิคะ
ผมดีใจที่เมืองไทยได้มีโอกาสต้อนรับเรือเดินสมุทรลำใหม่ล่าสุดของโลก "ควีนเอลิซาเบธ" ซึ่งสร้างขึ้นทดแทนเรือ "ควีนเอลิซาเบธ 2" โดยจำลองแบบมาจากเรือ "ควีนวิคตอเรีย" ทุกอย่าง มีระวางขับน้ำ 90,900 ตัน รองรับผู้โดยสารได้ 2,068 คน พร้อมลูกเรือ 996 คน สร้างโดยช่างที่ดังที่สุดของอิตาลี
อะไรคือจุดเด่นที่ทำให้ "ควีนเอลิซาเบธ" แตกต่างจากเรือสำราญรุ่นเก่าๆ
ภายในเรือยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของตำนาน และความหรูหราอลังการตามสไตล์เรือคูนาร์ดแท้ๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวใฝ่ฝันถึง แม้แต่ผังบนเรือและ ชื่อห้องต่างๆก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์เดิม เพียงแต่จุดที่แตกต่าง และพัฒนาให้ทันสมัยขึ้นคือ มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยแต่ละห้องพักจะมีระบบคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตคอยบริการ จากเดิมที่แจ้งข่าวสารผ่านแผ่นพับ
ธุรกิจเรือสำราญมีประวัติศาสตร์ยาวนานแค่ไหน
ธุรกิจเรือสำราญเติบโตมาจากประเทศที่เป็นเกาะ เช่น อังกฤษ, นอร์เวย์ และญี่ปุ่น จะมีบริษัทเดินเรือเยอะแยะไปหมด ให้บริการทุกอย่าง และค่อยๆพัฒนาจนเป็นการท่องเที่ยวทางเรือ โดยอังกฤษและอิตาลีเป็นผู้บุกเบิกเรื่องการสร้างเรือสำราญ เพื่อให้เป็นทางเลือกใหม่ของการท่องเที่ยวสำหรับผู้มีฐานะดี สมัยก่อนอาจจะใช้เดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง แต่ปัจจุบันมีการแบ่งประเภทของเรือสำราญว่า ตระกูลไหนเป็นประเภทราคาถูก ปานกลาง และแพง สำหรับตระกูลคูนาร์ดเป็นสไตล์อังกฤษแท้ๆ มีประวัติความเป็นมา กว่า 170 ปี มีจุดเริ่มต้นจากตลาดทั่วไป และปรับโครงสร้างจนเป็นเรือสำราญหรูระดับโลก ขณะนี้มีเรืออยู่ 3 ลำ คือ ควีนวิคตอเรีย, ควีนแมรี่ 2 และควีนเอลิซาเบธ อยู่ภายใต้การบริหารของคาร์นิวัล ครุยส์ กลุ่มธุรกิจเดินเรือ ใหญ่ที่สุดของโลก สัญชาติอเมริกัน
การทำธุรกิจเรือสำราญยากกว่าธุรกิจท่องเที่ยวอื่นไหม
การทำเรือสำราญได้กำไรดีมาก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะ และเป็นประสบการณ์ใหม่ ที่ใครได้ลองแล้วก็อยากกลับมาอีก ทำให้ 80% เป็นลูกค้าเก่าที่กลับมาใช้ บริการซ้ำอีก และไปชักชวนเพื่อนๆด้วย เพียงแต่ธุรกิจเรือสำราญต้องมีระบบการควบคุมที่เนี้ยบมากๆ ต้องใช้เงินทุนระยะยาว ตั้งแต่สุขอนามัยบนเรือ, ระบบการสั่งวัตถุดิบต่างๆ, ระบบภาษี ตลอดจนระบบการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด โดยก่อนขึ้นเรือต้องผ่านเครื่องเอกซเรย์ ตรวจพาสปอร์ตและวีซ่า ไม่ว่าผ่านประเทศไหนก็ต้องมีวีซ่าของประเทศนั้นๆ
ธุรกิจเรือสำราญในเอเชียมีโอกาสโตไหมคะ
การทำโปรแกรมเรือสำราญ ต้องดูจากดีมานด์และซัพพลาย มีการทำ เซอร์เวย์พบว่า ถ้าจะเอาเรือมาลงแถวเอเชีย ก็ต้องทำโปรแกรมระหว่าง 3-7 วัน ถ้าอยู่มากกว่านั้นคงไม่ไหว เพราะวิถีชีวิตของคนเอเชีย มีเรื่องครอบครัว และภาระหน้าที่การงานเกี่ยวข้อง ทำให้ไปไหนนานๆไม่ได้ อย่างสตาร์ครุยส์ ของสิงคโปร์ ก็เคยพยายามบุกเบิกธุรกิจเรือสำราญในเอเชีย โดยจัดโปรแกรม 3-7 วัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะภูมิภาคของเราติดปัญหาเรื่องฤดูกาล ด้วยเหตุนี้ การนำธุรกิจเรือสำราญมาสู่เอเชียแต่เนิ่นๆจึงขาดทุนหมด ไม่เหมือนกับอังกฤษ เขาผ่านขั้นตอนด้านสังคมมาจนมีระบบสวัสดิการที่ดีมาก คนของเขาอายุเฉลี่ย 80 กว่าปี เขาทำงานถึงอายุ 60 ปี ยังเหลืออีก 20 ปี จึงให้ความสำคัญกับการวางแผนเที่ยวหลังเกษียณมาก
ถ้าฝันอยากเที่ยวรอบโลกกับเรือควีนเอลิซาเบธ ต้องมีเงินเท่าไหร่
ถ้าเที่ยวแบบครบโปรแกรมเลยคือ 103 วัน ก็มีให้เลือกเป็นแพ็กเกจรวมห้องพักและอาหารทุกอย่างบนเรือ ตั้งแต่ 19,995 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ ห้องที่ไม่มีหน้าต่าง ไปจนถึงห้องแพงสุดอยู่ที่ 69,995 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ ต้องตีตั๋วเครื่องบินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือเซาแธมป์ตัน เกาะอังกฤษ เวลาขายทัวร์ แบบเวิลด์ครุยส์จะมีเส้นทางให้เลือกเป็นเซ็กเตอร์แฟร์ อาจจะร่นระยะทางให้สั้นลงเป็น 95 วัน หรือ 86 วัน ถ้ายังมีห้องว่างก็สามารถขึ้นลงเรือได้ตามเส้นทาง ธุรกิจเรือสำราญไม่ได้เน้นราคาครุยส์แฟร์เป็นหลัก แต่จะเน้นการใช้จ่ายนอกเหนือจากค่าห้องพักและอาหาร เช่น โปรแกรมทัวร์พิเศษ คิดหัวละ 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ
"คุณจุมพล" มาจับงานด้านนี้ได้อย่างไร
ผมทำเพราะใจรัก เริ่มจากการเป็นไกด์ เพราะใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก หลังเรียนจบบัญชีจากกิตติพาณิชย์ ก็ไปเรียนต่อมัคคุเทศก์ที่จุฬาฯทันที จนสอบได้ใบอนุญาต ผมไม่เคยไปเรียนเมืองนอก แต่อาศัยฝึกภาษาเอง คนทำอาชีพนี้ต้องใฝ่รู้ตลอด ไม่มีวันหยุดนิ่ง ผมมาเริ่มทำงานแรกที่บริษัทบอร์เนียว ทราเวิล เซ็นเตอร์ ซึ่งยุคนั้นดังมาก จับแต่ตลาดสูง ผมทำแล้วรู้สึกว่าใช่เลย ได้ อัพเกรดตัวเรา ได้เรียนรู้ตลอดเวลา ลูกค้าจะเป็นคนกำหนดอนาคตของเรา ถ้าลูกค้าระดับสูงอาจดีมานด์ เยอะหน่อย แต่ถ้าทำได้เราก็พัฒนาเร็ว ผมต้องค้นคว้าเยอะ เพื่อจะตอบคำถามลูกทัวร์ให้ได้
จากไกด์ธรรมดาๆ มีลู่ทางอะไรดี ถึงมาเปิดบริษัททัวร์
ผมทำงานแค่ 2-3 ปี มีบ้านมีรถฟู่ฟ่ามาก ทำอาชีพไกด์ ถ้าขยันซะอย่าง รับรองไม่อดตาย เมื่อบริษัท บอร์เนียวประสบปัญหาการเงิน ทำให้ ผมผันตัวไปทำทัวร์เอาต์บาวด์ พาคนไทยเที่ยวต่างประเทศ ปรากฏว่า ประสบความสำเร็จมาก ได้เงินทิปปีละไม่ต่ำกว่าล้านบาท ทำให้มีเงินทุนเปิดบริษัททัวร์เล็กๆ ชื่อ ว่า Regale เมื่อปี 1983 ผมทำบริษัททัวร์ ของตัวเองอยู่ 7 ปี จนโด่งดัง ขณะนั้นพีแอนด์โอ ครุยส์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจเดินเรือ ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ กำลังมองหาหุ้นส่วนในเมืองไทย เป็นตัวแทนดูแลผู้โดยสารบนเรือสำราญโลก เขามาคุยกับผม แต่ครั้งแรกผมเซย์โน กระทั่งกลับมาคุยอีกครั้ง คราวนี้ต้องโอเคแล้ว!! ผมขายบริษัทเก่าทิ้ง และร่วมหุ้นเปิดบริษัทใหม่ด้วยเงินทุน 2 ล้านบาท ในปี 1990 ใช้ชื่อว่า "พีแอนด์โอ รีเกล" จากที่เคยทำแต่ทัวร์เอาต์บาวด์ และขายตั๋ว ทางพีแอนด์โอก็เอาเรื่องทัวร์
อินบาวด์ คือจัดโปรแกรมทัวร์ประเทศไทยให้ผู้โดยสารเรือสำราญ กับเรื่องจีเอสเอ คือขายทัวร์เรือสำราญให้นักท่องเที่ยวไทยพ่วงมาด้วย ทำให้เราเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะมีความหลากหลายของสินค้า เรามีเรือสำราญเข้ามาอยู่ในมือแบบไม่ต้องแข่งกับใคร กระทั่งปี 2004 พีแอนด์โอประสบปัญหาการเงิน จึงขายธุรกิจเรือสำราญทั่วโลกให้คาร์นิวัล ครุยส์ ทางเราหาพาร์ตเนอร์ ใหม่เป็นคนไทย และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Regale International Travel
เท่าที่ได้สัมผัสมา คนไทยนิยมเที่ยวเรือสำราญมากน้อยแค่ไหน
คนไทยที่มีฐานะเที่ยวเรือสำราญมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่นิสัยการเที่ยวเรือสำราญไม่เหมือนฝรั่ง คนไทยจะคำนึงถึงเรื่องเวลาก่อน ข้อสองจะดูว่าไปกับใคร และดูเรื่องเส้นทางท่องเที่ยว แล้วค่อยคุยเรื่องเงิน!!
ช่วยแบ่งปันประสบการณ์หน่อยว่า เที่ยวเรือสำราญสนุกยังไง
การเที่ยวเรือสำราญมีเสน่ห์มาก มองไปทางไหนก็สวยงามหมด เหมือนอยู่ในเทพนิยาย ใครได้มาลงเรือสำราญสักครั้งก็จะติดใจ เพราะไม่ต้องแพ็กกระเป๋า นอนตื่นขึ้นมาก็ถึงจุดหมายปลายทาง เรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วง เพราะเราวิ่งบนน่านน้ำสากล ไม่ต้องกลัวโจรสลัด แถมอยากจะทำอะไรก็มีหมด ทั้งกาสิโน, โรงละคร, โรงหนัง, ห้องสมุด คนเที่ยวเรือสำราญส่วนใหญ่มากันเป็นคู่ ถ้าเป็นคนโสดอาจเที่ยวไม่สนุก
รัฐบาลให้การสนับสนุนธุรกิจนี้ไหมคะ
ไม่ค่อยสนับสนุน เพราะรัฐบาลไม่เข้าใจ จริงอยู่ว่าธุรกิจเรือสำราญเล็กมาก ถ้าเทียบกับธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหมด แต่เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูง สร้างรายได้ มหาศาล ที่สำคัญยังตอกย้ำศักยภาพของเมืองไทย ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวในฝันของนักท่องเที่ยวเกรดเอด้วย เพราะเมืองไทยมีครบทุกอย่างจริงๆ!!
...
ทีมหน้าข่าวสตรี