ผสานกำลังกันอย่างเต็มที่ ภายใต้โครงการ อาชีวะเพชรน้ำหนึ่ง ขับเคลื่อนโดย 3 หญิงเหล็กของเมืองไทย "นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์" รมช.กระทรวงศึกษาธิการ, "ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์" เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา และ "คุณหรีด-รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์" เพื่อเจียระไนให้ชาวอาชีวะส่องประกายอวดความเป็นเลิศในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำอาหาร, จัดดอกไม้, สร้างสรรค์เครื่องประดับ และอัญมณี ตลอดจนการออกแบบเสื้อผ้า และการถ่ายภาพ เพื่อลบล้างภาพเก่าๆที่ว่า เด็กอาชีวะชอบตีกัน!! เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่กลายเป็นความหวังของประเทศชาติ ที่จะช่วยกอบกู้ อุตสาหกรรมการผลิตของเมืองไทย และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้สินค้า เมดอินไทยแลนด์ ไปโลดในตลาดโลก
นับเป็นโอกาสทองของชาวอาชีวะผู้ผ่านการคัดเลือกจากหลักสูตรอบรมเชิงวิชาการและภาคปฏิบัติทั้ง 5 สาขา ที่ได้เดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้เทคนิค และเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างใกล้ชิด จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในแต่ละสาขา ภายใต้ การนำของ "คุณหรีด-รพีพรรณ" และทีมผู้บริหารอาชีวศึกษา
...
เมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทีมชนะเลิศในสาขาการจัดดอกไม้ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศเบลเยียม เป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม โดยมีโอกาสกระทบไหล่นักจัดดอกไม้มือหนึ่งของโลก "มร.แดเนียล ออสท์" ที่เมืองเซนต์นิคลาส ห่างจากกรุงบรัสเซลส์ ประมาณ 2 ชั่วโมง พร้อมเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาใหญ่ที่สุดของ "SOLVAY" กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมพลาสติกยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลก
งานนี้ ชาวคณะอาชีวะเพชรน้ำหนึ่งได้ชื่นชมการสาธิตจัดดอกไม้ ของ "มร.แดเนียล" อย่างเต็มอิ่ม โดยได้นำดอกไม้ไทย เช่น ดอกบัว, กล้วยไม้ และดอกพุด มาประยุกต์ใช้ในรูปแบบทันสมัย ขณะเดียวกัน นักจัดดอกไม้ชื่อดังระดับโลกยังเปิดใจว่า รู้สึกยินดีมาก ที่จะถ่ายทอดความรู้และเทคนิคให้บุคลากรด้านอาชีวศึกษาของไทย ที่จริงแล้วประเทศไทยมีดอกไม้สวยงามเยอะแยะ แต่น่าเสียดายที่คนไทยไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการถนอมดอกไม้ เขาจึงอยากแบ่งปันเทคนิคเรื่องการถนอมดอกไม้และดูแลวัตถุดิบ เพื่อนำไปพัฒนาวงการจัดดอกไม้เมืองไทย ตามทัศนะของเขาเชื่อว่า ฝีมือการจัดดอกไม้ของคนไทยไม่เป็นรองใครเลย โดยเฉพาะเทคนิคการประดิษฐ์ดอกไม้สด ก็อยากให้เน้นการพัฒนาเรื่องนี้ เพราะเป็นจุดขายสำคัญของคนไทย
...
ในฐานะหัวหน้าทีมสายใยรัก ซึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศจากสาขาการจัดดอกไม้ "อ.กันยา เจริญพงศ์เวช" จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตรัง เปิดใจว่า การมาดูงานครั้งนี้ได้รับความรู้มากมาย ด้านการจัดดอกไม้ ทำให้กล้าคิดนอกกรอบมากขึ้น และได้เห็นว่า "มร.แดเนียล" เน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากการจัดดอกไม้แบบไทยๆ ทำให้สามารถนำไปต่อยอดได้มากมาย และจะนำความรู้ กลับไปสอนนักเรียนอาชีวะอย่างเต็มที่
...
ขณะที่ผู้ชนะเลิศด้านเครื่อง ประดับและอัญมณีทั้ง 5 คน นำโดย "อ.บุญยืน ปินตาคำ" อาจารย์ประจำ แผนกช่างทองหลวง จากกาญจนาภิเษก วิทยาลัยช่างทองหลวง วิทยาเขตศาลายา และ "อ.บดินทร์ ร่มไทร" จากวิทยาลัยเทคนิคกาญจนบุรี ได้ โอกาสงามเดินทางไปศึกษาดูงานด้านอัญมณี ที่ประเทศอิตาลี เป็นเวลา 1 สัปดาห์เช่นกัน โดยได้รับความกรุณาจาก "มร.ฟูลวิโอ สกาเวีย" นักออกแบบอัญมณี ชาว อิตาเลียนชื่อก้องโลก เปิดโรงงานผลิตเครื่องประดับสุดพรีเมียม SCAVIA ย่านชานเมืองมิลาน ให้ได้เข้าชม อย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก พร้อมพาเยี่ยมชมการเรียนการสอนของวิทยาลัยเบนเวนูโต เซลลินี ในย่านวาเลนซ่า เขตอเลซซานเดรีย ซึ่งถือเป็นโรงเรียนสอนการออกแบบเครื่องประดับจิวเวลรี่ และศิลปะโด่งดังที่สุดของอิตาลี มีอายุเก่าแก่กว่า 6 ทศวรรษ
...
แม้ "มร.สกาเวีย" จะติดพันภารกิจสำคัญในต่างประเทศ แต่ก็อุตส่าห์เคลียร์ คิวว่างบินมาเซย์ฮัลโหลกับ ชาวคณะอาชีวะเพชรน้ำหนึ่งด้วย พร้อมฝากข้อคิดน่าสนใจไว้ว่า คนไทยอาจเป็นรองฝรั่งในเรื่องความคิด สร้างสรรค์, เทคนิค และความไฮเทคของอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ แต่ขอให้เชื่อมั่นว่า ช่างไทยชนะเลิศในเรื่องความละเอียดอ่อนและคุณภาพของงานฝีมือ ซึ่งใครก็สู้ไม่ได้ อยากให้เน้นการพัฒนาในเรื่องนี้ รับรองว่าอุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณีไทยไปได้ไกลแน่นอน สิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากบอกไว้คือ การจะเป็นนักออกแบบจิวเวลรี่ที่ดี ต้องเปิดหูเปิดตาให้กว้างที่สุด พยายามศึกษาผลงานของนักออกแบบระดับโลก ที่ประสบความสำเร็จ เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ แต่เวลาออกแบบห้ามก๊อบปี้เด็ดขาด ให้คิดนอกกรอบ และปลดปล่อยจินตนาการไปตามอิสระ แบบเดียวกับดวงตาใสบริสุทธิ์ของทารก หรือก้นเด็ก รับรองว่าผลงานที่สร้างสรรค์ออกมาจะโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ยากที่ใครจะเลียนแบบได้
และแล้วความฝันก็กลายเป็นจริง เมื่อทีมสายใยรัก ผู้ชนะเลิศจากการออกแบบตัดเย็บชุดแต่งงานคู่บ่าวสาว ในสาขาเสื้อผ้า และการแต่งกาย นำโดย "อ.ศิริลักษณ์ อภิชาติ" และ "อ.วันดี โพธิวัฒ" แห่งวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี ได้ เหินฟ้าไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตชุดวิวาห์ใหญ่ที่สุดของอิตาลี AIMEE อายุเก่าแก่กว่า 3 ทศวรรษ ตั้งอยู่ในเขตมันโตวา ใกล้ๆกับเมืองเวโรนา โดยโรงงานแห่งนี้มีบูติกอยู่ ตามเมืองใหญ่ๆทั่วทุกมุมโลก และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตั้งแต่ ระดับพระราชวงศ์ ไปจนถึงมหาเศรษฐี, ซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูด และเซเลบริตี้คนดัง แต่ละปีผลิตชุดเจ้าสาวส่งออกไปขายทั่วโลก ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นชุด สนนราคาตั้งแต่ชุดละ 3 พันยูโร ไล่ขึ้นไปถึง 2 หมื่นยูโร สร้างความตื่นตา ตื่นใจ ให้คณะดูงานเป็นอย่างมาก
การเดินทางศึกษาดูงานต่างประเทศในครั้งนี้ นอกจากจะจุดประกายความหวังให้กับวงการแฟชั่นเมืองไทย ยังถือเป็นการประกาศศักยภาพของชาวอาชีวะ "คนพันธุ์อึด" ให้เป็นที่ประจักษ์ด้วย สมกับสโลแกนของอาชีวศึกษายุคใหม่...เรียนอาชีวะดี เรียนฟรี 15 ปี จบแล้วได้งานทันที แถมเงินเดือนสูงไม่แพ้คนจบปริญญา!!
"ทีมข่าวหน้าสตรี"