รศ.ดร.ภญ.พิมลพรรณ พิทยานุกุล
ผิวหน้าและผิวหนังคนเรา มีสิ่งสกปรกสะสม ทั้งหลั่งจากภายในร่างกายเราเอง เช่น น้ำเหงื่อ ขี้ไคล น้ำมันจากต่อมไขมัน และจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น ฝุ่นละอองในบรรยากาศ เขม่าไอเสียรถยนต์ ฯลฯ การสะสมของสิ่งสกปรกเหล่านี้ หากขจัดออกไม่ดีพอ จะไปอุดตันรูขุมขน ก่อให้เกิดสิวเสี้ยน สิวหัวดำ สิวหัวอักเสบ และทำให้ผิวหน้าแลดูหมองคล้ำ
สิ่งสกปรกที่กล่าวไปนั้น มีทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้ง่าย เช่น คราบเหงื่อ น้ำเหงื่อ รวมทั้งฝุ่นละอองที่ละลายน้ำได้ง่าย ส่วนสิ่งสกปรกที่ไม่ละลายน้ำ เช่น น้ำมัน ไขมัน เขม่าไอเสียรถยนต์ และอื่นๆ การล้างหน้าให้สะอาดหมดจดจึงจำเป็นต้องขจัดออกทั้งชนิดละลายน้ำและละลายในไขมัน ผู้ที่ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ
ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ว่าด้วยเรื่อง "กฎแห่งการละลาย” (Like Dissolve Like) กล่าวถึงสิ่งที่เหมือนกันจะละลายในสิ่งที่เหมือนกัน เช่น น้ำเหงื่อ จะชะล้างออกได้ด้วยสะอาด ส่วนคราบไขมันจะชะล้างออกได้ด้วยตัวทำละลายที่เป็นน้ำมัน เช่น คลีนซิ่งออล (Cleansing oil) แต่เนื่องจากชีวิตจริง ผิวหนังเราสะสมคราบละลายน้ำและคราบไขมัน ดังนั้นจึงเกิดผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคได้ใช้ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวหนังได้เพียงขั้นตอนเดียว
สารทำความสะอาด หรือทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางเรียกว่า สารลดแรงตึงผิว (Surfactants) มีคุณสมบัติพิเศษที่ในโมเลกุลประกอบไปด้วยส่วนหัวที่ชอบจับกับโมเลกุลของน้ำหรือสารที่ละลายน้ำดี และโมเลกุลส่วนหาง ที่ชอบจับกับสารที่ละลายในน้ำมันได้ดี ดังนั้นเมื่อเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารลดแรงตึงผิวล้างหน้า สิ่งสกปรกทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ จะสามารถถูกขจัดออกได้หมดพร้อมกัน
สารลดแรงตึงผิวที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หลักๆ แบ่งออกเป็น 4 ประเภทตามคุณสมบัติของประจุไฟฟ้าในโมเลกุลของสารเหล่านี้ คือ
1. สารลดแรงตึงผิวชนิดประจุไฟฟ้าลบ แอนไอโอนิค (Anionic surfactant) ตัวอย่างเช่น SLS (Sodium Lauryl Sulfate) ชนิดนี้มีคุณสมบัติให้ฟองมาก นอกจากมีใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังแล้วยังใช้ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการชะล้างพื้นผิวตามอาคารบ้านเรือน รวมทั้งน้ำยาล้างจานและล้างรถยนต์อีกด้วย
2. สารลดแรงตึงผิวชนิดประจุไฟฟ้าบวก แคทไอโอนิก (Cationic surfactant) กลุ่มนี้ให้ฟองน้อย และเนื่องจากประจุไฟฟ้าบวก ที่มักจะไปยึดจับกับผิวหนังหรือเสื้อผ้า จึงไม่นิยมนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เพราะล้างออกยาก แต่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์เคลือบเส้นผมหลังสระผม เช่น hair conditioner เพื่อให้เส้นผมลื่นไม่ฟู ลดประจุไฟฟ้า สถิตบนเส้นผม
3. สารลดแรงตึงผิวชนิดประจุไฟฟ้าบวกและลบในโมเลกุลเดียวกัน (Amphoteric surfactant) สารกลุ่มนี้นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เนื่องจากสามารถเข้ากับองค์ประกอบอื่นในสูตรตำรับได้ง่าย หากใส่ในผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นด่าง จะให้ฟองมากเช่นเดียวกับสารลดแรงตึงผิวชนิดประจุไฟฟ้าลบ หรือ anionic surfactant
4. สารลดแรงตึงผิวชนิดไม่มีประจุ (nonionic surfactant) สารกลุ่มนี้จะไม่มีฟองหรือให้ฟองน้อยมาก มีความอ่อนละมุนที่สุดต่อผิวหนังเนื่องจากล้างออกได้หมด ไม่มีประจุที่จะไปเกาะติดกับผิวหนัง ธรรมชาติร่างกายและผิวหนังคนเราจะมีน้ำเป็นองค์ประกอบมากถึง 70% จึงมีประจุไฟฟ้าในตัวเรา เมื่อเราล้างหน้าด้วยสารทำความสะอาดที่ไม่มีประจุ หลังล้างหน้าสารทำความสะอาดจะถูกชะออกหมดพร้อมกับสิ่งสกปรกทั้งหลายที่สะสมบนผิวหน้า ด้วยความอ่อนละมุนของสารกลุ่มนี้จึงทำให้มีการนำสาร nonionic ไปเป็นองค์ประกอบในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อลดความระคายเคืองของผิวหนังได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังพบว่าสารกลุ่มนันไอโอนิกมีประสิทธิภาพเป็นสารหล่อลื่นผิวหนัง ทำให้ผิวหน้านุ่ม สดชื่น ลดอาการระคายเคืองผิวจากความแห้งกร้านได้ดี (Nonionic surfactants can also be used in formulations to reduce irritants, due to their gentle cleansing ability. They also have the capability to be used as an emollient, softening or soothing skin).
หลักในการล้างหน้า
1. การล้างหน้า แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ก้อน แม้จะเป็นชนิดที่มีความเป็นกรดด่างที่เป็นกลาง เมื่อใช้ไปนานๆ โอกาสที่ก้อนสบู่จะปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์จากมือเราเอง แบคทีเรีย และ/หรือ เชื้อราบนก้อนสบู่มีสูงมาก อาจก่อให้เกิดสิวบนใบหน้าได้
2. น้ำสะอาด จะเป็นน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นก็ได้ทั้งนั้น เพราะผลิตภัณฑ์ล้างหน้ามักจะมีสารลดแรงตึงผิวช่วยชะล้างสิ่งสกปรกอยู่แล้ว หากผิวแห้งก็ควรใช้น้ำเย็นเพื่อช่วยถนอมผิวหน้าได้
3. คนที่ไม่แต่งหน้า ก่อนนอนและตื่นเช้า ควรล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนละมุนที่สุด เพราะผิวหน้าไม่ได้เคลือบด้วยเมคอัพ การทำความสะอาดจึงง่าย เช่น เจลล้างหน้าชนิดอ่อนละมุนต่อผิว เนื่องจากผลิตภัณฑ์ประเภทเจล โดยทั่วไปมักมีองค์ประกอบบนี้อยู่ เช่น สารลดแรงตึงผิว สารก่อเจล สารให้ความชุ่มชื้นผิว เป็นต้น
4. คนที่แต่งหน้าเป็นประจำ เมคอัพมักจะละลายน้ำได้ยาก จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีองค์ประกอบของน้ำมัน หรือไขมันรวมอยู่ด้วย เช่น ครีมโฟมล้างหน้า เนื้อครีมโฟม นอกจากมีองค์ประกอบของสารลดแรงตึงผิวเพื่อทำหน้าที่ชะล้างสิ่งสกปรกทั้งชนิดละลายน้ำและชนิดละลายไขมันได้ ยังมีองค์ประกอบของน้ำมันและไขมันเพื่อช่วยให้ผิวหน้านุ่มนวล และเพิ่มประสิทธิภาพในการชะล้างสิ่งสกปรกประเภทน้ำมันหรือไขมันจากเมคอัพที่ล้างออกยากได้ดีอีกด้วย ยังมีประโยชน์ช่วยลดความระคายเคือง ช่วยบำรุงผิวหน้าไปในตัว
Reference
https://www.naturesgardencandles.com/candlemaking-soap-supplies/item/surfact/-surfactants-in-cosmetics.html