ยุคสมัยนี้เป็นยุคแห่งสังคมปรองดองกัน ใครเคยเกลียดเคยแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ก็ต้องหันมาจูบปาก รักใคร่กันใหม่ เพื่อให้อินเทรนด์...ปี 2010 แม้จะมีเหตุวิกฤติม็อบเสื้อแดงขับไล่รัฐบาล จนบานปลาย กลายเป็นจลาจลเผาบ้านเผาเมือง มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เกิดความสูญเสียใหญ่จนยากประเมิน อันเนื่องมาจากการแบ่งขั้ว แบ่งสี แบ่งฝ่ายกัน แต่เมื่อเหตุการณ์ วิปโยคผ่านพ้นไป คนไทยทั้งประเทศก็พร้อมใจกันสมานฉันท์ นำความสงบสุขกลับคืนสู่สังคมอีกครั้ง และเพื่อขานรับนโยบายปรองดองแห่งชาติ ยุติความขัดแย้งในสังคม ซึ่งประกาศไว้โดยนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชาวไฮโซไฮซ้ออย่างพวกเรา จึงขอหย่าศึกชั่วคราว หันมาเกี่ยวก้อยคืนดีกัน เพราะเห็นแก่ชาติบ้านเมือง!!

ความปรองดองในครอบครัว ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสังคมคุณภาพ ปีเสือดุ ที่ผ่านมา ถือเป็นปีปราบกิ๊ก สยบเมีย น้อย  เพราะบรรดาเมีย หลวงในแวดวงไฮโซ ต่างสวมวิญญาณนิ่งสยบความเคลื่อนไหว จนสามารถเอาชนะใจพ่อสามีตัวดี เปลี่ยนบรรยากาศร้าวฉานในครัวเรือน ให้เป็นความสมานฉันท์ได้อานที่ปรองดองกันอย่างเห็นได้ชัด ต้องยกให้ครอบครัวของ "บุญชัย เบญจรงคกุล" เจ้าสัวใหญ่ค่ายดีแทค ที่ตอนแรกถึงกับลงทุนหลอกเมียหลวง "วรรณา เบญจรงคกุล" ให้เซ็นใบหย่า โดยอ้างว่าอยากใช้ชีวิตอิสระแบบหนุ่มโสดตามอย่างพี่ชาย พร้อมกับรับปากดิบดีว่า ถึงจะหย่ากันแล้ว แต่ยังให้เกียรติแม่ของลูกทุกอย่าง โดยอนุญาตให้ใช้นามสกุลเบญจรงคกุลเหมือนเดิม ฝ่ายเมียหลวงแพ้ลูกอ้อนของสามี ยอมใจอ่อนเซ็นใบหย่าให้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ที่ไหนได้ พอหย่าให้ปั๊บ  สามีตัวดีก็วิ่งแร่ไปขอกิ๊กสาววัยคราวลูกแต่งงานทันที แถมยังวางแผนจัดงานวิวาห์ใหญ่ระดับทอล์กออฟเดอะทาวน์ซะด้วย จองห้อง

จัดเลี้ยงไว้แล้วที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ทันใดที่ความลับแตกโพละ ภรรยาเบอร์หนึ่งก็ถึงกับล้มป่วยต้องหามส่งโรงพยาบาล เพราะตรอมใจที่ถูกสามีทรยศ ฝ่ายเจ้าสัวดีแทคตัดเยื่อยังเหลือใยอยู่ ยังไงๆก็คนเคยรักกัน คงทำร้ายกันไม่ลงหรอก เห็นอาการของเมียเก่าแล้วเก๊กซิม จึงใส่เกียร์ถอยหลังยกเลิกโอเรียนเต็ล และเปลี่ยนมาจัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่ายที่บ้านกิ๊กสาวแทน โดยมีสักขีพยานเป็นญาติสนิทของฝ่ายหญิง ส่วนญาติๆฝ่ายชายพร้อมใจกันเบี้ยว ด้วยข้ออ้างคำเดียวว่า ไม่สะดวก และเพื่อปลอบใจเมียเก่าให้หายเศร้าเร็วๆ เจ้าสัวดีแทคยังสัญญิงสัญญาว่า นอกจากจะอนุญาตให้ใช้นามสกุลเบญจรงคกุลเหมือนเดิม ยังไฟเขียวให้กินนอนอยู่ในคฤหาสน์หลังเดิม ทำหน้าที่คุณแม่ที่แสนดีเลี้ยงดูลูกๆเหมือนเดิม และมีสิทธิ์เข้าออกบริษัทได้ เหมือนเดิม...ส่วนมรดกจะยกให้เหมือนเดิมหรือเปล่า อันนี้ต้องไปถามกันเอาเอง!!

เจ้าพ่อคิงเพาเวอร์ "วิชัย รักศรีอักษร" ถือเป็นต้นแบบของสามีนักบริหารหมื่นล้านตัวจริง เพราะสามารถปกครองบรรดากิ๊กในอุปถัมภ์มิให้แตกแถวมาละลานบ้านใหญ่ได้ แม้จะเกือบเพลี่ยงพล้ำ พลาดท่าเสียที ตอนต้องมนต์เสน่ห์สาวใหญ่ไฟแรงสูงชนิดโงหัวไม่ขึ้น ก่อให้เกิดความแตกแยกในครัวเรือน จนถึงขั้นมีข่าวกระเส็นกระสายว่า ภรรยาหลวง "เอมอร รักศรีอักษร" ชักจะอดรนทนไม่ไหว คิดประชดชีวิตด้วยการเซ็นใบหย่าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป จะได้ไม่ต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจ   แต่เพราะธรรมะช่วยข่มใจให้สงบ และตาสว่าง ประกอบกับความแมนเต็มร้อยของสามี ที่ไม่เคยทอดทิ้งครอบครัว ทำให้ในที่สุด ฝ่ายคนที่มาทีหลัง ต้องอยู่ข้างหลังเป็นเงาต่อไป ส่วนเมียหลวงก็ทำหน้าที่เดอะเมียออกหน้าไป  โดยถือคติสั้นๆว่า  อะไรที่เป็นความสุขของ "คุณวิชัย"  ก็ยินดีทำให้ด้วยความเต็มใจ

ชีวิตคนเราเน่าซะยิ่งกว่าละคร เพราะหลังจากถูกตราหน้าว่าเป็นผัวใจดำ เร่งรัดให้เมียสาวพีอาร์ชื่อดัง "เชอร์รี่-พรรษชล ถาวรวงศ์" เซ็นใบหย่าทุกวี่ทุกวัน หนุ่มใหญ่หน้าห้องรัฐมนตรีคลังคนปัจจุบัน "เปิ้ล-ศิโรตม์ เสตะพันธุ์" ก็ทนปิดปากเงียบไม่ไหว ต้องออกมาระบายความในใจกับเพื่อนฝูงว่า ไม่เคยจัดงานแต่งกับแม่ค้าร้านเพชรอย่างที่มีข่าวลือสักหน่อย และเรื่องแหวนหมั้น 8 กะรัต หล่อนก็ซื้อเอง หมั้นตัวเอง และปล่อยข่าวเองทั้งนั้น ไอ้เราทำเขาท้องโย้แล้ว เลยต้องรับผิดชอบทุกอย่าง เพราะกลัวเสียฟอร์ม ลูกผู้ชาย!! หลังจากยื้อมานานเกือบปี และต้องไปเขตตั้ง 3 รอบ จู่ๆวันหนึ่ง พีอาร์สาวผู้น่าสงสาร ก็ตัดสินใจยุติเรื่องราวทุกอย่าง โดยตัดสินใจหย่าขาดให้สามีสุดเลิฟ แทนที่จะดี๊ด๊าดีใจอย่างที่คิดไว้ ผลกลับตรงกันข้าม เพราะฝ่ายชายเกิดซึ้งในน้ำใจของเมียเก่า และนึกถึงความหลังเก่าๆที่เคยมีร่วมกันมา จากที่เคยมึนตึงเย็นชาใส่เมียหลวง คราวนี้เลยกลายเป็นว่าเห็นใจเมียหลวงขึ้นกว่าเดิม และหมั่นโทร.หาเมียหลวงปรึกษาเรื่องครอบครัวใหม่วันละหลายรอบ กลายเป็นศิราณีให้ปรับทุกข์ ซะงั้น เฮ้อ!! สงสัยจะเพิ่งรู้ซึ้งว่า นรกกับสวรรค์ แตกต่างกันยังไง

พูดถึงเมียหลวงที่ใจกว้างเป็นแม่น้ำ จนสามีเกรงอกเกรงใจไม่กล้าแหยม คงไม่มีใครเกิน "มาดามตู่นันทิดา อัศวเหม" ซุปเปอร์สตาร์ชื่อก้องของเมืองไทย แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าคุณสามี "เอ๋-ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม" มีกิ๊กซุกไว้ทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ "มาดามตู่" ก็หลับหูหลับตาแอ๊บแบ๊วใส่ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรเหรอๆๆ ใครจะมาเม้าท์ก็ปิดหูไม่สนใจฟัง ถึงควงกันให้เห็นๆก็ปิดตาแล้วเดินหนีไปทางอื่น ท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า กอดทะเบียนไว้ให้แน่นๆ เรื่องอื่นไม่สนใจ เพราะกิ๊กจะมีกี่คนก็ได้ แต่แม่ของลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายมีได้แค่คนเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ

เขียนเรื่องความปรองดองสมานฉันท์ทั้งที ถ้าไม่พูดถึงแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงที่เป็นคู่กัดตลอดกาล ก็คงจะเชยแย่!! จากเดิมที่เคยขู่ฟอดๆไม่ขอญาติดีกัน จู่ๆดีเจจอมแฉ "มดดำ-คชาภา ตันเจริญ" ก็รำพึงรำพันกับคนใกล้ชิดว่า ที่จริง "พี่กุ้ง" ก็จิ๊จ๊ะๆไปอย่างนั้นเอง แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรหรอก พี่เขาเป็นคนดีเหมือนกันนะ!! แหล่งข่าววงในแอบกระซิบว่า สาเหตุที่พลิกลิ้นกลับคำพูดได้ขนาดนี้ เพราะลูกเลี้ยงแพ้ในความดีและจริงใจของแม่เลี้ยงสาวคนสวย "กุ้ง-นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์" รัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาธิการ ที่ขยันชมลูกเลี้ยงให้ใครต่อใครฟังว่า "มดดำ" เก่งมาก เป็นเด็กดี และขยันทำมาหากิน ไม่เคยจะจิกด่า หรือนินทาลับหลังแม้แต่ครั้งเดียว ที่สำคัญ "พี่กุ้ง" ยังทุ่มเกินร้อย รับเลี้ยงและดูแล ลูกชายกับลูกสาวของ "มดแดง" น้องชายแท้ๆของ "มดดำ" ซึ่งไปอยู่เมืองนอก ราวกับเป็นลูกในไส้ของตัวเอง ทั้งป้อนข้าวป้อนน้ำ ขับรถรับส่งโรงเรียน แถมยังเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนทุกคืน เล่นเอาใจแข็งๆของดีเจปากร้ายอ่อนระทวยไปเลย จากที่ตั้งป้อมเป็นศัตรูกัน คราวนี้ไม่ว่าไปออกงานที่ไหน ก็ต้องโทร.นัดแม่เลี้ยงไปเจอกันหน้างาน แถมลูกเลี้ยงยังเอาใจแม่เลี้ยงคนสวยสุดฤทธิ์สุดเดช ชวนคุยกะหนุงกะหนิง ประมาณว่าพี่กุ้งคะพี่กุ้งขาตลอดเวลา ฝ่ายคนกลางคือ คุณพ่อสุชาติ ตันเจริญ ก็อารมณ์ดีสุดๆ สบายใจที่เห็นเมียกับลูก ปรองดองกันได้ คราวนี้จากที่ขู่ว่าจะตัด "มดดำ" ออกจากกองมรดก เพราะขัดใจเตี่ย เลยเปลี่ยนมาเป็นถามลูกชายว่า อยากได้ที่ดินแปลงไหนชี้มาเลย

ยิ้มวันละนิดจิตแจ่มใส อย่าทะเลาะกันเลย สมานฉันท์ เข้าไว้...ชาติเจริญนะคะ!!

...

ทีมข่าวหน้าสตรี