พญ.ยุพิน
ใครเลยจะคิดว่าการใส่คอนแทกต์เลนส์แบบบิ๊กอาย หรือแว่นแฟชั่น รวมถึงการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาจเสี่ยงที่จะตาบอดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป โดย พญ.ยุพิน ลีละชัยกุล จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ปกติคนเราแม้จะสายตาปกติ ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคเกี่ยวกับตาหรือต้อหินได้ โดยเฉพาะในส่วนของโรคต้อหิน ที่เกิดจากความดันลูกตาสูง ความไม่สมดุลของการไหลเวียนน้ำภายในลูกตา รวมถึงปริมาณเลือดแดงที่เลี้ยงเซลล์ประสาทตาภายในลูกตาลดลง จนทำ ให้ลูกตาแข็งกว่าปกติเหมือนหิน ซึ่งต้อหินเป็นโรคตาชนิดหนึ่งค่อนข้างมีความ ยุ่งยากในการ รักษา หากรักษาไม่ทันท่วงที ตาจะบอดเกือบทุกราย ซ้ำร้ายต้อหินบางชนิด นอกจากทำให้ตาบอดแล้ว ยังทำให้เจ็บปวดอีกด้วย
ที่กล่าวมาทั้งหมด พญ.ยุพินกล่าวว่า เพื่อต้องการแนะนำคนรุ่นใหม่ให้ระมัดระวังเรื่องของแฟชั่นและความงาม ที่ทำให้หลายคนลืมนึกถึงสุขภาพดวงตา และโรคที่ตามมาเกี่ยวกับดวงตา เช่น ขณะทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ สวมใส่แว่นที่ไม่ใช่แว่นที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะกับการใช้งาน ไม่ตรงระดับสายตา หรือไม่มีเลนส์กรองแสงรังสีอัลตราไวโอเลต เหล่านี้ล้วนส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อโรคตาหลายๆชนิด รวมถึงต้อหินมีอันตรายถึงตาบอดในที่สุด ซึ่งต้อหินเป็นหนึ่งในโรคตาที่พบมากขึ้นในคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ยิ่งถ้ามีปัจจัยเสี่ยงอื่น เช่น เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือด หรือมีภาวะสายตาสั้นมาก และมีประวัติโรคต้อหินในครอบครัว ยิ่งต้องเฝ้าระวังด้วยการตรวจหาภาวะต้อหินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีของดวงตา
นอกจากนี้ พญ.ยุพินยังบอกถึงการสังเกตโรคต้อหินอย่างง่ายๆคือ ตาพร่ามัว เห็นภาพมัวเบลอ หรือมองเห็นแคบลงคล้ายมีอะไรบัง เห็นสีรุ้งรอบดวงไฟ ปวดเบ้าตาลึกๆ และปวดศีรษะข้างเดียวคล้ายไมเกรน ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม โรคต้อหินเมื่อเป็นแล้วใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ สมัยนี้วิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมาก นอกจากใช้ยาแล้ว เลเซอร์เอสแอลที (Selective Laser Trabeculoplasty) ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นิยมใช้ในการรักษา เป็นการใช้เลเซอร์ที่มีพลังงานต่ำๆ ไปทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อเฉพาะบริเวณ มีผลทำให้ของเหลวไหลออกจากดวงตาได้ดีขึ้น ความดันลูกตาจึงลดลง ไม่ก่อให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างเคียง จึงเป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมมากในขณะนี้.
...