ยิ่งเดินทางมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องหาเวลาให้มากขึ้นเท่านั้น และตั้งคำถามกับตนเองว่า เราได้เรียนรู้อะไรจากการเดินทางบ้าง สำหรับ "ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์" รองคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย และศาสตราจารย์ ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ การเดินทางไม่เพียงเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ที่จะอยู่บนโลกกว้าง แต่ยังช่วยให้ได้ค้นลึกเข้าไปในจิตใจตนเอง

นอกจากงานสอนหนังสือที่รักแล้ว "ด็อกเตอร์โฉ" ยังรักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยทุกครั้งที่เดินทางไกล ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนของโลก ของที่ระลึกเพียงอย่างเดียวที่ "ด็อกเตอร์โฉ" จะหอบหิ้วกลับบ้าน ก็คือ "ตุ๊กตาประจำชาติ" ซึ่งแสดงถึงศิลปวัฒนธรรมของประเทศต่างๆที่มีโอกาสไปเยือน เพื่อใช้เป็นเครื่องบันทึกความทรงจำอันเปี่ยมประสิทธิภาพ ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงชีวิต จนถึงขณะนี้ มีตั้งเรียงรายอยู่ในตู้โชว์มากกว่า 700 ตัวแล้ว เป็นผลพวงจากการเดินทางเยือนทั่วทุกมุมโลก

...

"เป็นเด็กที่โตมากับตุ๊กตาค่ะ ตั้งแต่เล็กๆคุณแม่ชอบจับลูกสาวแต่งตัวเหมือนตุ๊กตา "โฉ" จำได้ว่า พอช่วงที่เริ่มหัดเดิน คุณแม่ซื้อตุ๊กตาเด็กผู้หญิงให้ตัวหนึ่ง  ทำจากพลาสติก "โฉ" ตั้งชื่อว่า "ฟ้า" เพราะ ใส่เสื้อสีฟ้า ได้มาตอนอายุขวบหนึ่ง คุณแม่เล่าว่า อยากให้ลูกมีแรงบันดาลใจลุกขึ้นเดินเหมือนตุ๊กตา "โฉ" รักตุ๊กตาตัวนี้มาก จะจับเขาแต่งตัวทำผม และเพนต์เล็บ นอกจากนี้ ก็มีพวกตุ๊กตานิ่มๆอีกหลายตัว โดยคุณแม่จะสอนเสมอว่าตุ๊กตาทุกตัวที่ได้มาต้องรักษาไว้อย่างดีที่สุด ถือเป็นของมีค่าห้ามทิ้งขว้าง คุณแม่จะเก็บตุ๊กตาของลูกๆไว้ให้ทั้งหมด อย่างตุ๊กตาตัวนี้ชื่อ "แก้ว" เป็นของน้องสาว คุณแม่ซื้อให้เหมือนกันกับของ "โฉ" ทุกวันนี้ก็ยังเก็บไว้คู่กัน เพื่อเตือนสติว่า ไม่ว่าน้องจะอยู่ที่ไหน เราก็ยังไม่ลืมความรักความผูกพันที่มีต่อกัน"

เริ่มสะสมตุ๊กตาประจำชาติตั้งแต่เมื่อไหร่

จุดเริ่มต้นมาจากคุณแม่ค่ะ เวลาคุณพ่อไปทำวิจัยที่ต่างประเทศ คุณแม่จะเดินทางตามไปด้วยเสมอ และทุกครั้งที่เดินทางไปประเทศแปลกๆ คุณแม่มักจะซื้อตุ๊กตาประจำชาติกลับมาด้วย เพื่อเป็นของที่ระลึก คุณแม่สะสมไว้ประมาณ 100 ตัว แต่ละตัวก็มีเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังให้จดจำแตกต่างกันไป อย่างเช่น ตุ๊กตาเรดการ์ด ยุคประธานเหมาเจ๋อตุง คุณแม่ได้มาตอนตามคุณพ่อไปประเทศจีนได้รับเชิญพร้อมนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งให้ไปเรียนฟรี เพื่อศึกษาความเป็นไปของประเทศสังคมนิยม ยุคนั้นเป็นยุคที่จีนยังปิดประเทศ และมีความตึงเครียดจากสงครามเย็น เป็นยุคที่เมืองไทยกำลังหวาดกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์ คุณแม่ไปเจอตุ๊กตาคู่นี้รู้สึกประทับใจมาก  ตัวหนึ่งถือหนังสือสีแดง  บ่งบอกถึงความเป็นประชาชนของจีน ส่วนอีกตัวถือเพลา เตรียมทำสวนทำนา เป็นตัวแทนของเกษตรกรที่ดี พอตกดึกหยิบขึ้นมาอวดคุณพ่อ ท่านเห็นก็ตกใจบอกว่าเอากลับไปไม่ได้ เพราะคณะเดินทางชุดนี้กำลังถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาล กลัวจะถูกพวกคอมมิวนิสต์ล้างสมอง คุณแม่เล่าให้ฟังว่าต้องแอบเอากางเกงพันเพื่อซุกกลับมา  กลัวก็กลัว  แต่ก็รอดมาได้  ตอนหลังมีโอกาสเดินทางกลับไปเยือนจีนอีกครั้ง ก็ไม่เห็นตุ๊กตาสไตล์นี้อีกเลย จะมีแต่พวกตุ๊กตาชนเผ่าต่างๆ ซึ่งทางการจีนทำขึ้นเพื่อส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนในประเทศ

...

คุณค่าของการสะสมตุ๊กตาอยู่ตรงไหน

คุณแม่เป็นคนชอบเสาะแสวงหา และพิถีพิถันกับการเลือกตุ๊กตามาก คุณแม่สอนเสมอว่า เวลาซื้อของต้องรู้คุณค่า ไม่ใช่อยากจะเอาเงินฟาดแล้วกวาดซื้อ ต้องรู้ว่าตุ๊กตาแต่ละตัวมีความสำคัญอย่างไรก่อนจะตัดสินใจซื้อ ก็เลยกลายเป็นธรรมเนียมของครอบครัว ใครเดินทางไปไหนก็จะซื้อตุ๊กตามาฝากคุณแม่ เพราะรู้ว่าท่านชอบ เราเห็นตุ๊กตาของคุณแม่มาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ใฝ่ฝันว่าโตขึ้นต้องขยันทำงาน เพื่อจะได้รับเชิญไปเยือนประเทศเหล่านั้น หลายๆประเทศเป็นประเทศที่ไปเองไม่ได้ ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจมาตลอด

...

แนะนำหน่อยสิคะ เล่นตุ๊กตายังไงให้ชีวิตมีสาระ

งานวิจัยบอกว่า ตุ๊กตาสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนได้ และเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางว่าอยากให้เด็กโตขึ้นแบบไหน เป็นคนยังไง ถ้าเด็กเล็กเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ สิ่งที่ได้คือเด็กจะเป็นสาวแก่แดดก่อนวัย คุณพ่อคุณแม่เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการเลือกตุ๊กตาให้เหมาะกับวัยของลูก ถ้าอยากให้ลูกมีจิตใจอ่อนโยน ก็ควรเลือกตุ๊กตาประเภทตัวนิ่มๆให้ลูกเล่นตั้งแต่เล็กๆ หรืออย่างตุ๊กตาเด็กอ่อน ก็จะเหมาะกับคุณแม่ที่กำลังมีน้องอีกคน เพื่อเตรียมตัวให้ลูกคนโตรู้ว่ากำลังจะมีน้องแล้วนะ แต่ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาแบบไหนก็ตาม สิ่งที่ต้องสื่อสารกับเด็กให้ได้คือ ได้ตุ๊กตามาแล้วต้องไม่ทิ้งขว้าง ต้องรู้จักดูแลรักษา และถือว่าเป็นของรักของหวง ไม่ใช่ร่ำร้องอยากได้ตุ๊กตาใหม่ตลอดเวลา พอซื้อใหม่ ก็ทิ้งของเก่า

"ด็อกเตอร์โฉ" เป็นนักสะสมสไตล์ไหน

"โฉ" ถือหลักเดียวกับคุณแม่ คือ จะไม่ซื้อซ้ำกับที่มีอยู่แล้วที่บ้าน และไม่เคยกวาดซื้อเพื่อทำลายสถิติ!! ยุคแรกอาจซื้อเพราะความสวยงาม แต่ยุคหลังๆแค่นั้นยังไม่พอ ต้องสะท้อนรากเหง้าเชิงวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีด้วย "โฉ" จะจัดเรียงตุ๊กตาโดยแบ่งตามประวัติศาสตร์การเมือง และศิลปวัฒนธรรม เช่น กลุ่มประเทศอเมริกา ก็จะมีตุ๊กตาตั้งแต่ยุคก่อตั้งประเทศ ยุคอพยพเข้ามาตั้งรกราก ยุคขุดทอง ไล่มาจนถึงยุคจอร์จ วอชิงตัน หรืออย่างประเทศจีนก็มีถึง 50 กว่าเผ่า คงกว้านซื้อทุกตัวไม่ไหว จะพยายามถามไกด์แบบเจาะจงว่าอยากได้เฉพาะตุ๊กตาประจำชาติของเผ่าที่เราไปเยือนจริงๆ แต่เผ่าอื่นไม่เอานะ หรืออย่างรัสเซียก็เป็นประเทศใหญ่ มีตุ๊กตาเยอะไปหมด  ต้องถามแบบละเอียดว่าตุ๊กตาตัวไหนเป็นตัวแทนของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กจริงๆไม่ใช่นักกวาด เพราะถ้าเป็นนักกวาดคงสะสมได้หลายพันตัว!!

...

ตั้งแต่สะสมตุ๊กตามา ตัวไหนได้มายากที่สุด

จากประสบการณ์ส่วนตัว ตุ๊กตาประจำชาติ ไม่ใช่ว่าไปทุกประเทศแล้วจะมีขายเสมอไป อย่างที่ประเทศออสเตรเลียจะทำของที่ระลึกเป็นพวกสิงสาราสัตว์ ไปกี่ครั้งกี่หนก็หาตุ๊กตาประจำชาติไม่ได้ หรืออย่างประเทศมัลดีฟส์ หาตุ๊กตาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เพราะว่ามีแต่พวกของที่ระลึกจากริมทะเลทั้งหมด ส่วนที่บาฮามาสมีตุ๊กตาประจำชาติวางขายอยู่ แต่หาที่สวยถูกใจไม่ได้ ต้องเดินทางกลับไปใหม่ จนได้เจอตุ๊กตาพื้นเมืองแท้ๆ

ตัวไหนเป็นตุ๊กตาตัวโปรดที่ประทับใจมิรู้ลืม

ก็รักหมดทุกตัวนะคะ เพราะมีเรื่องราวความทรงจำอยู่เบื้องหลัง อย่างเช่น "ตุ๊กตาตายาย" ซื้อให้คุณแม่ตอนได้เงินก้อนแรกในชีวิต ส่วนตุ๊กตาตัวนี้ ชื่อว่า "Piti" ได้มาจากแอฟริกาใต้ อ่านชื่อเป็นไทยๆแล้ว ความหมายดี เลยเลือกซื้อมา หรือบางตัวเป็นตุ๊กตาที่ทำขึ้นเพื่อส่งเสริมอาชีพของคนท้องถิ่น "โฉ" เห็นปั๊บก็จะซื้อเลย เพราะอยากอุดหนุนชาวบ้านให้มีงานทำ สำหรับ "โฉ" แล้ว ตุ๊กตาแต่ละตัวก็มีเสน่ห์ของตัวเอง เป็นตัวแทนที่บ่งบอกชีวิตของผู้คนในประเทศต่างๆ ทำให้เรารู้จักว่ายังมีประเทศนี้อยู่บนแผนที่โลก ได้รู้ถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่, การแต่งเนื้อแต่งตัว, การประกอบอาชีพ, รูปแบบการเมืองการปกครอง รวมไปถึงความเชื่อทางศาสนา อย่างเช่น ตุ๊กตาในกลุ่มประเทศแอฟริกาใต้ วัฒนธรรมหลักของเขาคือลูกปัด ก็จะปรากฏให้เห็นจากตุ๊กตา ส่วนกลุ่มประเทศเกิดใหม่ทั้งหลายในยุโรปตะวันออก ก็มีความน่าสนใจมาก ถ้าสังเกตเห็น "โฉ" ตั้งใจจับตุ๊กตาเซอร์เบีย กับตุ๊กตามอนเตเนโกร มาวางคู่กัน เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่า ถ้าเราไม่รักไม่สามัคคีกัน วันหนึ่งประเทศชาติอาจล่มสลายเหมือน ยูโกสลาเวีย สำหรับกลุ่มประเทศอาหรับ ได้จัดเรียงในตู้โชว์เดียวกัน เพื่อให้เห็นความแตกต่างของวัฒนธรรม ไล่ตั้งแต่ดูไบ, ยูเออี, กาตาร์ ไปจนถึงตุ๊กตาของซินเจียง เขตปกครองพิเศษของจีน ซึ่งครึ่งหนึ่งของประชากรเป็นชนเผ่าอุยกูร์พูดภาษาตุรกี พวกเขาถือว่าตนเองเป็นแขกมากกว่าจีน ยังมีกลุ่มตุ๊กตาไทยสะสมไว้เช่นกัน จัดวางอยู่กับกลุ่มประเทศแถบเอเชีย มีทั้งพม่า, ลาว, เขมร, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เกาหลี และญี่ปุ่น กลุ่มนี้จะมีเยอะหน่อย เพราะเดินทางไปเยือนบ่อย

เดินทางมารอบโลกขนาดนี้ ยังใฝ่ฝันอยากไปเยือนที่ไหนอีก

(หัวเราะ) ยังเหลือขั้วโลกใต้ค่ะที่อยากไป แต่ยังไปไม่ถึง เคยไปไกลสุดก็คือชิลีและอาร์เจนตินา ลงไปถึงเมืองสุดท้ายที่ติดกับขั้วโลกใต้แล้ว ส่วนขั้วโลกเหนือมีโอกาสบินผ่านเส้นที่ 66 และได้รับใบประกาศนียบัตรว่าพิชิตขั้วโลกเหนือแล้ว

ในอนาคตมีโอกาสทำเป็นพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตานานาชาติไหมคะ

ตอนนี้ยังไม่ได้จัดเรียงตุ๊กตาอย่างเป็นระเบียบเท่าไหร่ อยากทำให้เป็นระบบเป็นเรื่องเป็นราวก่อน แล้วค่อยคิดกันต่อไป ที่จริงตั้งใจทำเป็นพิพิธภัณฑ์ในบ้าน แต่กลัวว่ามันจะหลอนเกินไป.

ทีมข่าวหน้าสตรี