ใครว่า "ท้องผูก" เรื่องเล็ก คิดเสียใหม่เลยนะสาวๆ อย่ามองข้าม...จนกลายเป็นพฤติกรรมเคยชิน มันไม่ดีต่อสุขภาพคุณแน่ๆ วันนี้ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ มีข้อมูลเกี่ยวกับ อาการท้องผูกมาฝาก
โดยโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ แนะนำไว้ว่า...ผู้ที่มีอาการท้องผูกควรฝึกให้มีนิสัยการขับถ่ายที่ดี ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และรับประทานอาหาร ดื่มน้ำมากๆ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่ออนามัยที่ดี ลดเสี่ยงปัญหาสุขภาพ
ทีนี้เราไปรู้จัก อาการท้องผูกพร้อมๆ กัน
อาการท้องผูก คือ??
ท้องผูกเป็นอาการที่พบได้บ่อย เมื่อลำไส้มีการบีบตัวหรือเคลื่อนตัวช้าในระหว่างการย่อยอาหาร ทำให้ไม่สามารถขับถ่ายอุจจาระออกจากระบบทางเดินอาหารได้ตามปกติ
สัญญานเตือนท้องผูก
1. การถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือน้อยกว่าปกติที่เคยเป็น
2. อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง เป็นเม็ดเล็กๆ
3. รู้สึกถ่ายอุจจาระไม่ออก หรือถ่ายได้ไม่สุด
4. ถ่ายอุจจาระออกได้ยาก ต้องใช้แรงเบ่งมาก
5. มีอาการเจ็บขณะถ่ายอุจจาระ
6. อาจมีอาการท้องอืด ปวดท้อง หรือปวดเกร็งบริเวณหน้าท้องร่วมด้วย
...
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอาการด้านบนเป็นระยะเวลาติดต่อกัน 3 เดือน อาการท้องผูกธรรมดา อาจพัฒนากลายเป็นท้องผูกเรื้อรังที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนบางอย่างได้ ได้แก่ โรคริดสีดวงทวาร การเกิดแผลแตกรอบๆ ทวารหนัก และอาจก่อให้เกิดอาการลำไส้อุดตันได้
สาเหตุของอาการท้องผูก
1. การอั้นอุจจาระ
2. การรับประทานอาหารที่มีปริมาณเส้นใยไม่เพียงพอ
3. ขาดการออกกำลังกาย (โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ)
4. การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาระงับปวด ยาลดกรด ยารักษาความดันโลหิตสูงบางชนิด ยาบำรุงที่มีธาตุเหล็ก ยาขับปัสสาวะ
5. ดื่มน้ำน้อย
6. มีน้ำหนักตัวมากหรือน้อยเกินไป
7. ปัญหาความเครียด ปัญหาทางด้านจิตใจ
วิธีแก้ท้องผูก
1. เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง โดยเฉพาะผัก ผลไม้และธัญพืช
2. ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8–10 แก้วต่อวัน
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
4. ขับถ่ายให้เป็นเวลาในแต่ละวัน
5. ไม่ควรใช้ยาระบายติดต่อกันเป็นเวลานาน หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
รักษาท้องผูกด้วยยา
1. รักษาด้วยเส้นใยหรือไฟเบอร์ มีสารที่มีคุณสมบัติในการดูดน้ำได้ดี อุจจาระจึงนิ่ม และถ่ายออกได้ง่าย
2. ยาระบายกลุ่มกระตุ้น ช่วยกระตุ้นจังหวะการบีบตัวของลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น
3. ยาระบายกลุ่มออสโมซิส ช่วยออกฤทธิ์ดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่ลำไส้ใหญ่มากขึ้น ทำให้อุจจาระไม่แห้งและแข็งจนถ่ายออกลำบาก
4. ยาช่วยหล่อลื่นอุจจาระ ยาเหน็บ และการสวนอุจจาระ
ทั้งนี้ หากพบความผิดปกติในการถ่ายอุจจาระเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยหาสาเหตุไม่ได้ อีกทั้งมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย น้ำหนักลดลงผิดปกติ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด แม้พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรับประทานอาหารแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่อาจซ่อนความผิดปกติไว้ และควรดูแลรักษาสุขภาพ และรับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และมีอนามัยที่ดีอยู่เสมอ.
...