อุ้ม-สิริมา อรชร หมายเลข 12
เวทีประกวด "นางสาวไทย ประจำปี 2553" ลั่นกลองแล้ว หลังจากคัดเลือกสาวงามจากผู้สมัครเกือบ 300 คน เหลือ 18 คนเรียบร้อยแล้ว โดยในปีนี้สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เน้นคัดเลือกสาวงามให้เข้ากับคอนเซปต์ "งามอย่างยั่งยืน" เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี ของการก่อตั้งโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย โดย นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ดูแลโครงการประกวด กล่าวว่า การประกวดปีนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากสาวงามทั่วประเทศ ที่เพียบพร้อมด้วยรูปสมบัติคุณสมบัติ จากหลากหลายอาชีพ อาทิ ทันตแพทย์, พยาบาล, นักกีฬา, อาจารย์ และนักเรียนนอก ที่เน้นงามอย่างยั่งยืน เพราะอยากเน้นความสวยและจิตใจดี มีจิตเป็นสาธารณะ เพราะแม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่ความดีในจิตใจและแนวคิดชีวิตที่พอเพียงจะจีรังยั่งยืน
สำหรับสาวงามที่ผ่านเข้ารอบ 18 คนสุดท้าย ล้วนมีดีกรีจากสถาบันดัง อาทิ กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ หรือ กิ๊ฟ หมายเลข 17 นิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ครองตำแหน่งนางงามเชียงใหม่ ปี 2553 เผยว่า ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าอยากประกวดนางสาวไทย เพราะเป็นเวทีที่ทรงเกียรติ ทรงคุณค่าและเก่าแก่ ผู้ที่ได้เป็นนางสาวไทยมีโอกาสได้ทำงานหลายอย่างที่สำคัญ เป็นตัวแทนประเทศไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยทั้งในและต่างประเทศ การได้เข้ารอบสุดท้ายนี้ตนจึงดีใจมาก
ส่วน แป้ง-พิมพ์รติ สิริกรัณย์ หมายเลข 16 สำเร็จการศึกษาด้านการสื่อสาร จากมหาวิทยาลัยนอร์ธเทิร์น อิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยว่า ตนเคยเข้าประกวดในเวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สมาเมื่อปี 2009 ขณะนั้นยังเรียนไม่จบ จึงถือเป็นประสบการณ์ แต่ตอนนี้เรียนจบแล้ว พร้อมที่จะประกวดนางสาวไทย เพราะอยากเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเผยแพร่
...
การท่องเที่ยว ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของเราในสายตาต่างชาติอาจจะไม่ค่อยดีนัก จึงอยากมีโอกาสไปช่วยเสริมภาพลักษณ์ และช่วยสังคมให้ดีขึ้น
อีกหนึ่งสาวงาม สิริมา อรชร หรือ อุ้ม หมายเลข 12 จบการศึกษาด้านอินทีเรีย ดีไซน์ จาก Raffle College ประเทศสิงคโปร์ บอกว่า ตั้งใจมาสมัครประกวดเวทีนี้โดยเฉพาะ เพราะคุณแม่ก็สนับสนุน ก่อนประกวดได้เตรียมตัวอย่างเต็มที่ ทั้งการเดิน, การยืน รวมทั้งดูข่าวสารบ้านเมืองให้รอบรู้ครบถ้วน ที่ผ่านมาตนก็ทำอย่างเต็มที่และดีที่สุด....
จากนี้ไปสาวงามที่ผ่านเข้ารอบทั้ง 18 คน จะเริ่มทำกิจกรรมในการเก็บตัว โดยร่วมเดินทางตามรอยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ในจังหวัดนครปฐม, เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 11-14 ต.ค. ก่อนขึ้นเวทีประกวดในรอบตัดสินวันที่ 21 ต.ค. ที่โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ ซึ่งผู้คว้ามงกุฎนางสาวไทยปีนี้จะได้รับรางวัลเงินสด 1 ล้านบาท พร้อมรถยนต์และเครื่องเพชร มูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 3 ล้านบาท.