เป็นความทรมานท่ียาวนานนับชั่วโมงกับการนั่งรถเมล์ ไหนจะเจอโชเฟอร์ตีนผี เจอกระเป๋ารถเมล์ขาวีน ที่ทำให้บรรยากาศในการเดินทางกร่อยอยู่แล้ว ยังต้องมาปวดระบมกับเก้าอี้โดยสารที่ทำลายสุขภาพซ้ำอีก...
เกิดเป็นคนชนชั้นกลาง อยากจะนั่งรถส่วนตัวสบายๆ ก็ยากอยู่แล้ว เวลาเดินทางไปไหนแต่ละที จึงหวังพึ่งพารถเมล์ที่มีอยู่ทั่วกรุงเป็นพาหนะคู่ใจเวลาเดินทาง แต่ความเบียดเสียดของผู้คน ปะปนกับสภาพท้องถนนที่ติดนับชั่วโมง ซึ่งนอกจากจะอารมณ์เสียกับบรรยากาศบนรถแล้ว ยังต้องมาเจอกับปัญหาสุขภาพจากการนั่งรถเมล์ ที่คุณเองก็อาจจะเกิดคำถามคาใจว่า ทำไมนะทำไม เก้าอี้ที่นั่งอยู่ มันทรมานและปวดเมื่อยเสียจริงๆ
รถร่วมบริการขนาดเล็กแบบใหม่แต่นิสัยยังเหมือนเดิม
บางคันก็นั่งสบาย บางคันนั่งแล้วตัวแทบกระดิกไปไหนไม่ได้ เรียกว่ารถเมล์บ้านเราเขามีความหลากหลายในเรื่องมาตราฐานให้ได้ลองเลือกใช้บริการกัน ดีไม่ดีแถมโชเฟอร์ตีนผีมาให้หวาดเสียวระหว่างการเดินทางเพิ่มอีกต่างหาก ทั้งรถเมล์ของขสมก. และรถร่วมของเอกชนบางคัน หลายๆ คนต่างบ่นอุบว่า ที่นั่งก็แคบ ติดหัวเข่า บางคันก็เบาะแข็ง บางคันพิงหลังทีก็เกร็งไปทั้งตัว ซึ่งแค่ช่วงระยะทางสั้นๆ ที่นั่งก็ไม่เท่าไหร่ แต่วันไหนที่ต้องเจอกับรถติดเป็นชั่วโมง ก็ต้องรับสภาพกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ซึ่งนานไปอาจมีผลในเรื่องของกระดูกสันหลัง ทางเดินอาหาร รวมถึงสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายอีกด้วย
...
ภายในรถเมล์สีแดง-ครีม
รถเมล์ที่วิ่งอยู่ในปัจจุบันนี้มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถร้อน และปรับอากาศ มาจากของขสมก. และรถร่วมของเอกชน ซึ่งของขสมก.ที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะผลิตในประเทศไทย โดยจ้างให้บริษัทรถของญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิต ในส่วนของรถร่วมเอกชนนั้นมาจากหลากหลายบริษัท อย่างล่าสุดกับรถเมล์ปรับอากาศสีเหลืองนั้น ก็นำเข้ามาจากประเทศจีน แต่ทั้งนี้แต่ละประเภทมาตรฐานในการผลิตก็ไม่ค่อยจะเท่ากัน เพราะอย่างที่ผู้โดยสารหลายคนได้เล่าว่า บางคันก็ดี บางคันก็ห่วย ก็แล้วแต่ว่าดวงจะดันไปเจอแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นรถปรับอากาศแอร์เย็นฉ่ำ หรือรถร้อน สรุปแล้วพอกันอยู่ดี
ผู้โดยสารคนแรก คุณสุภาวดี ซึ่งเดินทางด้วยรถเมล์ทุกวัน ไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง เล่าว่าส่วนใหญ่จะนั่งรถร่วมสีน้ำเงิน-ขาวจากท่าช้างทุกๆ วัน
"ปกติรถเมล์ที่ขึ้นบ่อยๆ ก็รถเอกชนสีขาว-น้ำเงิน ค่ะ เป็นรถร้อน เบาะนั่งก็ไม่แข็งมาก แต่ที่พิงมันไม่ค่อยรับกับกระดูกสันหลังเท่าไหร่ ยิ่งเวลารถติดนั่งบิดแล้วบิดอีก เราก็อายุไม่น้อยแล้ว มันเลยยิ่งมีผลมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงเราก็ต้องอาศัยรถเมล์"
ต่อมาที่คู่แม่ลูก ซึ่งนั่งรถร่วมปรับอากาศสีน้ำเงิน และรถพ่วงปรับอากาศ NGV สีขาว-เขียว เป็นประจำ บอกว่า ใช้บริการรถสาธารณะทุกวัน ทั้งที่เป็นรถเอกชน และของขสมก.
...
"เดินทางด้วยรถเมล์เป็นประจำเลยค่ะ กว่าจะถึงบ้านวันนึงไป-กลับก็เกือบ 4 ชั่วโมงแล้ว เป็นสิ่งที่น่าเบื่อมาก แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะเราก็ไม่ใช่คนมีฐานะอะไรมาก ก็ต้องยอมทนเมื่อยหน่อย บางทีก็ยืน บางทีก็ได้นั่ง แต่พอได้นั่งทีไรอยากยืนมากกว่าอีก เพราะเบาะมันนั่งไม่สบาย นั่งนานๆ ไปมันปวดร้าวไปหมด จริงๆ รถปรับอากาศน่าจะเป็นรถที่นั่งสบายกว่ารถร้อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่เลย มันกลับแย่พอๆ กัน ทั้งๆ ที่เราจ่ายเงินเพื่อให้ได้นั่งสบายกว่ารถธรรมดา แต่เท่าที่นั่งรถเมล์มาทุกประะเภทแล้ว คิดว่ารถเมล์แบบเก่าที่เป็นสีแดง-ครีม นั่งสบายสุดแล้วค่ะ เบาะนิ่มกำลังดี นั่งแล้วไม่ปวดหลัง"
ด้านพนักงานเอกชนอย่างคุณอภิวันทน์ นาคประดิษฐ์ ก็เช่นกัน ซึ่งต้องใช้บริการรถเมล์ไปทำงานทุกๆ วัน โดยรถที่นั่งบ่อยที่สุดคือรถเมล์ปรับอากาศสีเหลือง
...
" รถเมล์ที่นั่งบ่อยที่สุด ส่วนใหญ่ก็จะนั่งเป็นรถปรับอากาศสีเหลืองค่ะ เพราะมันกว้าง แล้วยืนสบาย แต่เบาะนั่งแข็งมากๆ เก้าอี้ก็เล็กไม่ค่อยสะดวก หัวเข่านี่ติดกับเก้าอี้ตัวหน้าเลยค่ะ บางคันก็ไม่ค่อยสะอาดด้วย บางทียังคิดเลยค่ะว่า อยากให้เอารถเมล์รุ่นเก่าๆ มาใช้ดีกว่าไหม เพราะนั่งสบายกว่าเยอะ รถสีเหลืองแบบนี้มันดูทันสมัยก็จริง แต่ถ้านั่งไปนานๆ มันจะทำให้เสียสุขภาพมากกว่า คิดว่าแบบนี้ไม่น่าจะคุ้มเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ก็ต้องนั่ง"
อีกหนึ่งเสียงจากคนกรุงที่ใช้รถเมล์เป็นประจำอย่างคุณหมู บอกว่า รถเมล์รุ่นเก่าๆ ที่ใช้กันยังถือว่าพอทนได้ เพราะบางคันก็นั่งสบาย โดยเฉพาะรถร้อนสีแดง-ครีม แต่ที่ไม่ไหวจริงๆ ก็รถเมล์ปรับอากาศสีเหลืองที่เพิ่งนำเข้ามาใช้ได้ไม่นาน
"รถเมล์ที่ผมนั่งแล้วรู้สึกว่าโอเคสุดแล้วก็ต้องสีแดง-ครีมที่เป็นรถร้อนครับ ถึงจะเก่าแล้ว แต่เก้าอี้มันยังนั่งสบาย ไม่ปวดเมื่อยมาก แต่พอไปนั่งพวกรถร่วมปรับอากาศที่เป็นสีน้ำเงินอ่ะครับ มันแคบมาก บางที่นั่งที่เป็นคู่ที่พิงก็ไม่เท่ากัน โชคร้ายกว่านั้นดันเจอคันที่แอร์ไม่เย็นอีก ผมเลยไม่รู้เหมือนกันว่าจะเสียเงินจ่ายค่ารถแพงกว่ารถร้อนทำไม เพราะมันไม่ได้ทำให้ผมสบายขึ้นกว่าเดิมเลยครับ ส่วนรถเมล์เหลืองปรับอากาศ ผมว่าดีนะ กว้างดี แอร์เย็น แต่ที่นั่งก็ไม่ไหว แข็งมาก และแคบเหมือนกัน นั่งแล้วปวดเมื่อยสุดๆ"
...
จากหลายปัจจัยที่ทำให้คนกรุงต้องเผชิญกับปัญหาอาการปวดเมื่อยในการนั่งรถเมล์ ทั้งรถติด เก้าอี้ไม่มีมาตรฐานนั้น ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆของโรคมากมาย วันนี้ 'ไทยรัฐออนไลน์' จึงให้คุณหมอ พญ.ธนพร ลาภรัตนากุล แพทย์สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายบำบัด มาบอกถึงโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการนั่งรถเมล์เป็นเวลานานๆ
เก้าอี้ในรถร่วมประเภทรถร้อนสีน้ำเงิน
"การนั่งรถเมล์เป็นเวลานานๆ เป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้หลายอย่างมากค่ะ นับตั้งแต่คนที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นคนวัยทำงานที่ต้องใช้บริการแน่นอน ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องกระดูกและกล้ามเนื้อ เพราะการที่เรานั่งในท่าเดิมนานๆ และนั่งในลักษณะที่ที่พิงเป็นมุมฉาก กระดูกสันหลังมันไม่พอดีกับที่พิงหรอกค่ะ ทำให้เราต้องนั่งเกร็งตลอดเวลา และปกติร่างกายของมนุษย์สามารถทนกับการนั่งแบบนั้นได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นจะเกิดการอักเสบ ซึ่งถ้าต้องนั่งแบบนี้เป็นอาทิตย์ กล้ามเนื้อจะตึงผิดปกติ มีผลให้ปวดเมื่อยง่าย ยิ่งถ้าอายุเข้าวัย 40 ขึ้นแล้ว อาจจะมีอาการกระดูกสันหลังเสื่อมด้วย แต่ถ้าเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง ก็อาจจะแค่มีอาการตึง แต่ในระยะยาว ถ้าเกิดการสะสมมาก ก็จะทำให้แนวกระดูกผิดปกติ และอาจคดหรือเคลื่อนได้
นอกจากโรคเกี่ยวกับกระดูกที่จะมีผลโดยตรงแล้ว คุณหมอยังบอกอีกว่า เรื่องของระบบทางเดินอาหาร รวมไปถึงสมรรถภาพทางเพศ ก็สามารถเกิดได้ขึ้นเช่นกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นได้
รถปรับอากาศยูโร
"การนั่งท่าเดิมนานๆ มากกว่า 1 สัปดาห์ในเวลา 2 ชั่วโมงขึ้นไป จะมีผลต่อกระเพาะอาหาร และลำไส้ค่ะ จะเกิดการบีบตัวน้อยกว่าปกติ ทำให้ท้องอืดท้องผูกได้ ส่วนอีกปัญหาที่เกิดขึ้นได้โดยเฉพาะผู้ชายก็คือ เรื่องสมรรถภาพทางเพศ เพราะบ้านเราอากาศร้อนด้วย ยิ่งถ้านั่งนานมากกว่า 2 ชั่วโมง อุณหภูมิบริเวณถุงอัณฑะ ซึ่งผลิตสเปิร์มไม่เหมาะสม ทำให้มีบุตรยาก จะเกิดขึ้นได้ถ้านั่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 1 เดือน เป็นไปได้เวลานั่งควรถ่ายน้ำหนักไปที่สะโพกด้านซ้ายและขวาอย่างละ 5 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื้อและกระดูกขยับบ้าง ซึ่งควรทำทุกๆ ชั่วโมง ครั้งละ 5-10 นาที แต่ถ้าบนรถคนไม่เยอะมาก ก็ลองยืนให้ตรง เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถให้ร่างกายได้ยืดเส้นยืดสายด้วย ที่สำคัญไม่ควรนั่งไขว่ห้าง เพราะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดอาการปวดเมื่อย และกระดูกคดได้ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยได้มากที่สุดค่ะ"
มาที่ดีไซเนอร์ออกแบบเฟอร์นิเจอร์คุณอนุรักษ์ สุชาติ ผู้ชนะจากการประกวด Design Excellence Award 2010 ได้แนะถึงการออกแบบเก้าอี้ที่มีคุณภาพไว้ว่า
เก้าอี้ในรถเมล์ปรับอากาศสีเหลือง
"ไม่ว่าจะเป็นไม้หรือเหล็ก มันสามารถออกแบบเก้าอี้ที่ดีต่อสุขภาพได้หมดครับ หลักสำคัญมันอยู่ที่องค์ประกอบและองศา ความสูงต่ำมากกว่า จะได้ช่วยพยุงหลัง และศีรษะให้เหมาะสม เบาะควรนุ่มพอดีๆ อย่างรถสาธารณะของทางยุโรป เขาจะออกแบบเก้าอี้ให้กระชับเหมาะสมกับหลัง อย่างของบ้านเรามันตั้งตรงเกินไป มันก็นั่งไม่สบายเลยครับ เหมือนจะล้มไปข้างหน้า ยิ่งถ้ารถเมล์เบรกผู้โดยสารอาจจะพุ่งไปเลยก็ได้ "
เก้าอี้ในรถร่วมแบบปรับอากาศสีน้ำเงิน
รถเมล์พาหนะคู่ใจชาวรากหญ้าในวันนี้ ถึงจะทำให้มีปัญหาสุขภาพกายและจิตไปบ้าง แต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้ ตราบใดที่ทางผู้นำเข้ามายังไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ และรถเมล์ 4,000 คันที่คาดว่าจะนำมาใช้อีก ก็ไม่รู้ว่าที่นั่งจะแข็งจนหลังร้าวก้นระบมอีกหรือเปล่า...