มร.แฟรงค์
แม้จะต้องเข้าคิวจองกันเป็นปีเพื่อให้ได้กระเป๋า "แอร์เมส" ใบโปรด แต่เศรษฐีเมืองไทยก็ยินดีรอแบบไม่บ่นสักคำ และเพื่อให้สาวกแบรนด์หรูระดับซุปเปอร์ไฮเอ็นกระจ่างถึงความยากลำบากในการผลิตกระเป๋าแต่ละใบ นวลพรรณ ล่ำซำ เจ้าแม่ "แอร์เมส" เมืองไทย จึงคว้าตัวช่างเย็บกระเป๋า "แอร์เมส" จากโรงงานในปารีสมาสาธิตกรรมวิธีการเย็บกระเป๋าโคตรแพงให้เศรษฐีเมืองไทยได้เห็นกับตาว่า กว่าจะได้กระเป๋าแต่ละใบนั้นไม่ใช่เรื่องหมูๆ!!
มร.แฟรงค์ เลอ เคต์ ช่างเย็บกระเป๋าที่อยู่กับแบรนด์ "แอร์เมส" มายาวนานถึง 19 ปี ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการสาธิตวิธีการเย็บกระเป๋าแบรนด์หรูรุ่น "เบอร์กิ้น" เป็นครั้งแรกในเมืองไทย เผยถึงความพิเศษของเครื่องหนังแบรนด์ที่ทำว่า อยู่ที่ความละเอียดอ่อนในการทำ แฮนด์เมดตั้งแต่กรรมวิธีแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งกระเป๋าแต่ละใบใช้เวลาในการทำไม่ต่ำกว่า 16 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดและกรรมวิธีในการทำแต่ละรุ่นที่ไม่เหมือนกัน รุ่นที่ถือว่าหินสุดเจ้าตัวขอยกให้กับรุ่น "เคลลี่" เพราะหูหิ้วของกระเป๋ารุ่นนี้ทำยากมาก ส่วนในของหูหิ้วสอดด้วยเส้นหนังที่ต้องทำให้ได้รูปทรงก่อน แล้วค่อยหุ้มด้วยหนังที่เป็นสีตามต้องการ โดยเฉลี่ยแล้วช่าง 1 คน สามารถเย็บกระเป๋าได้อาทิตย์ละ 3 ใบ
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลูกค้า "แอร์เมส" ต้องเข้าคิวจองกันเป็นปีๆนั้น มร.แฟรงค์ เลอ เคต์ ยอมรับว่า เป็นเพราะช่างมีจำนวนจำกัด แถมออเดอร์ก็มาก ขณะเดียวกันหนังที่นำมาทำก็มีจำนวนจำกัด เนื่องจากต้องใช้เวลาในการย้อมสีหนัง แค่มีอะไรผิดพลาดเพียงนิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสีที่ไม่เท่ากัน หรือลายบนหนังที่ไม่เหมือนกัน ก็ต้องยกเลิกหนังลอตนั้นหมด เรียกว่าช่างทุกคนต้องมีความละเอียดมากในการทำกระเป๋าแต่ละใบ ใครทำกระเป๋าใบไหนก็จะมีการลงชื่อไว้ในกระเป๋าใบนั้น เผื่อกระเป๋ามีปัญหาจะได้ส่งให้ช่างคนนั้นเป็นคนแก้ไขและเพื่อเป็นการเอาใจลูกค้าเศรษฐีเมืองไทย งานนี้ มร.แฟรงค์ เลอ เคต์ ได้นำอุปกรณ์การปั๊มอักษรย่อบนเครื่องหนังมาให้บริการลูกค้าคนพิเศษที่อยากมีอักษรย่อชื่อของตัวเองบนกระเป๋าแอร์เมสใบหรู จะได้ไม่สับสนเวลาวางชนกับใคร เพราะหันไปทางไหนก็เห็นแต่ไฮโซเมืองไทยหิ้ว "แอร์เมส" กันเป็นแถว...จริงมั้ยค่ะ!
...

