แม้ว่าพระองค์จะทรงจากเราไปจนครบ 100 วัน เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าคนไทยทุกคนยังคงคิดถึงพระองค์ท่าน และระลึกถึงพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระองค์ท่านอยู่ไม่เสื่อมคลาย หนึ่งในพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน ที่มีความสำคัญต่อชาวเราไม่น้อย นั่นคือ การรักษาและการฟื้นฟูป่า เพื่อให้เป็นแหล่งน้ำและแหล่งทำกินของประชาชน
เมื่อมีป่าก็มีอาหาร มีอาชีพ มีรายได้ นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ว่าแต่...เราจะนำหลักคำสอนของท่านมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร? ถ้ายังนึกไม่ออก ก็ต้องเดินทางไปหาแรงบันดาลใจสักหน่อยแล้ว
วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ เลยขออาสาพาคุณไป 'เที่ยวและเรียนรู้' ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ซึ่งพระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะให้เป็นศูนย์กลางในการศึกษา ทดลอง วิจัย เพื่อหารูปแบบการพัฒนาพื้นที่ต้นน้ำที่เหมาะสม และเผยแพร่ให้ราษฎรนำไปปฏิบัติต่อไป
ที่นี่เป็นศูนย์ศึกษาฯ ลำดับที่ 5 (จากทั้งหมด 6 แห่ง) ที่พระองค์ทรงใช้เวลาถึง 30 ปี ในการฟื้นฟูที่ดินอันแห้งแล้งแห่งนี้ให้กลับมามีแหล่งน้ำอันอุดมสมบูรณ์และผืนป่าอันเขียวขจี จนวันนี้ ศูนย์ศึกษาฯ ห้วยฮ่องไคร้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
...
ส่วนจะมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง มาดูกันเลย
1. ทำความรู้จัก ‘ห้วยฮ่องไคร้’
เริ่มต้นที่อาคารสำนักงานภายในศูนย์ฯ เพื่อมาหาความรู้กันก่อน “คำว่า ฮ่อง เป็นภาษาเหนือ แปลได้ว่า ร่อง (ร่องน้ำ) ส่วนคำว่า ไคร้ ก็คือต้นไคร้ เป็นพืชน้ำที่เกิดตามร่องน้ำ บ่งชี้ได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่นั้นๆ” อดุลย์ มีสุข นักวิชาการเกษตรประจำศูนย์ศึกษาห้วยฮ่องไคร้ เล่าที่มาของชื่อนี้ให้ฟัง
อดุลย์เล่าต่อว่า สมัยก่อนในหลวง ร.9 มาพบพื้นที่ตรงนี้ซึ่งเป็นป่าเสื่อมโทรม แห้งแล้ง มีแต่หินกรวด ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรได้ แต่ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล ทรงเห็นว่าพื้นที่นี้น่าจะฟื้นฟูได้ พระองค์ท่านจึงทรงมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่มาดูพื้นที่ นำดินไปทดสอบ พบว่าดินเมื่อโดนน้ำแล้วละลายน้ำได้ดี (แปลว่าดินแบบนี้ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ได้)
พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า ให้ต่อท่อน้ำมาจากที่อื่น ให้มีน้ำชุ่มในร่องห้วยเก่า จากนั้นให้ทำฝายเล็กๆ ไว้ตามร่องห้วย ฝายช่วยชะลอการไหลของน้ำ พอลำห้วยมีน้ำ ป่าก็ฟื้นตัว ซึ่งวิธีฟื้นป่าดังกล่าว เกิดที่นี่แห่งแรกของประเทศไทย โดยเกิดจากหลักการของพระองค์ท่าน
จากนั้นเมื่อป่าเริ่มฟื้น พระองค์ก็ทรงส่งเสริมให้ปลูกป่าเพิ่ม ตามหลักการป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง หลังจากป่าแห่งนี้ฟื้นฟูแล้ว พบว่าจากเมื่อก่อนที่เคยน้ำท่วม แต่ตอนนี้น้ำไม่ท่วม และเกิดประโยชน์ขึ้นมามากมาย เกิดตาน้ำใต้ดิน มีพรรณไม้เพิ่มขึ้นมากถึง 300-400 ชนิด พบว่ามีสัตว์คืนถิ่น โดยเฉพาะ ‘นกยูง’ พบประมาณ 300 ตัว
ผลจากการดำเนินงานเรื่องฟื้นฟูป่าตามแนวพระราชดำริ พระองค์ทรงให้เจ้าหน้าที่หลากหลายหน่วยงาน มาทำงานร่วมกันเชิงบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็น กรมชลประทาน กรมป่าไม้ กรมพัฒนาที่ดิน กรมประมง ปศุสัตว์ องค์กรการเกษตร ฯลฯ ทำงานร่วมกันมานานถึง 30 ปี
...
2. ทุ่งดอกคอสมอส
หลังจากฟังความรู้คร่าวๆ แล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปเที่ยวชมภายในศูนย์ฯ ห้วยฮ่องไคร้ จุดแรกที่โดดเด่นสะดุดตาเลยก็คือ ทุ่งดอกคอสมอส คละสีกระจายตัวอยู่เต็มทุ่ง แถมยังมีดอกไม้ป่าอีกหลากหลายชนิดที่นำมาปลูกประดับไล่ระดับสีอย่างสวยงาม ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาแวะถ่ายรูปมุมนี้อยู่ไม่ขาดสาย
3. แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่
...
ส่วนบริเวณรอบนอก เป็นที่ตั้งของแปลงสาธิตการปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดต่างๆ มีทั้งแปลงข้าว หญ้าแฝก สวนต้นฟักข้าว แปลงพืชสมุนไพร ผักสวนครัว โรงเรือนจัดแสดงผีเสื้อพันธุ์ต่างๆ บ่อเลี้ยงปลาทับทิม บ่อเพาะพันธุ์กบ เป็นต้น
...
4. ฟาร์มแพะ ช็อปชิมชิล
จากนั้นเราเดินทางต่อไปยังฟาร์มแพะและฟาร์มวัวนม ที่ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของศูนย์ฯ ห้วยฮ่องไคร้ ที่นี่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองรีดนมวัว ให้อาหารแพะ และยังมีจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น่าสนใจ เช่น นมวัวสด นมแพะสด ไอศกรีมนมแพะ ไอศกรีมนมวัว ชีสนมแพะ โยเกิร์ตนมแพะ สบู่นมแพะ เป็นต้น
5. หอเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ส่วนจุดนี้กำลังจะเปิดให้บริการในอนาคตอันใกล้ นั่นคือ หอเฉลิมพระเกียรติฯ ในหลวง ร.9 ซึ่งที่นี่เป็นอาคารสำหรับจัดแสดงองค์ความรู้ต่างๆ จากหลักการของพระองค์ ในรูปแบบที่ทันสมัย เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่ จัดสร้างขึ้นโดยโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ไทยเบฟฯ ที่ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาคนและพัฒนาสิ่งแวดล้อม
โครงการจัดสร้างหอเฉลิมพระเกียรติฯ จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครองราชย์ครบ 70 ปี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทั้งหลาย จากโครงการพระราชดำริจำนวนมากมาย ที่ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน จึงเป็นที่มาของโครงการนี้ โดยภายในโครงการได้มีการอนุรักษ์อาคารศาลาทรงงานหลังเก่าของพระองค์ท่านเอาไว้ พร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่โดยรอบให้สวยงาม
ใครที่เดินทางมาเที่ยวที่เชียงใหม่ อย่าลืมแวะไปชม ชิม ชิล และสัมผัสธรรมชาติที่ศูนย์ฯ ห้วยฮ่องไคร้ นอกจากจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์แล้ว ยังได้เห็นสิ่งที่พระองค์ทรงลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมอยู่ตรงหน้า จนเหมือนได้ใกล้ชิดอยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาท ทำให้รู้สึกอิ่มใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านอย่างหาที่สุดมิได้.