กรุงเทพมหานคร เส้นทางสายมูเตลูอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่ผู้คนมีความเชื่อว่าหากเดินทางไปสักการะแล้ว จะได้พบเจอแต่สิ่งสิริมงคลเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การเงิน การงาน การเรียน และความรัก แต่ละสถานที่บอกเลยว่าไม่ควรพลาด
หนึ่งในเทรนด์ท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงในช่วงปี 2566 นี้ อย่าง Faith Based Tourism การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ที่เชื่อมโยงศรัทธา ความเชื่อ ศาสนา และวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน โดยจะมุ่งเน้นเป็นเส้นทางใหม่ที่สร้างประสบการณ์ให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับเมืองไทยมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวมูเตลู ในชื่อ “เสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ” เป็นโครงการของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ได้รวบรวมเส้นทางท่องเที่ยวเชิงศรัทธาทั้ง 5 ภูมิภาคทั่วไทย ทั้งหมด 12 เส้นทาง
ปิยะรัตน์ สุริยะฉาย ผู้อำนวยการกองวางแผนสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสายมูเตลูนี้ว่า จุดประสงค์หลักของแคมเปญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อย่าง “เสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ” จะสามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่มเจเนอเรชันอย่างแน่นอน เพราะคนเรามีจุดประสงค์ที่ต้องการ และอยากหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแตกต่างกันอยู่แล้ว เช่น การเงิน การงาน การเรียน หรือแม้แต่ความรัก
จุดประสงค์เหล่านี้เป็นสิ่งที่คนในทุกเจเนอเรชันต้องการตามหา เป็นจุดเริ่มต้นของการนำมาซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแนวศรัทธา ความเชื่อ ซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศไทย โดยนำสถานที่เหล่านี้มาปรับและประยุกต์ใช้ตามแผนงานของ ททท. ให้มีความเชื่อมโยงไปในทุกภาคส่วนของสถานที่นั้นๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านของการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ โดยข้อมูลอ้างอิงจากสภาพัฒน์ เชื่อว่าอีก 10 ปี การท่องเที่ยวแบบมูเตลูจะนิยมขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศ และขยายตัวได้หลายสิบเท่า ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ในประเทศไทยและโลกในปัจจุบัน
...
นอกจากคนไทยที่สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศกันเองแล้ว นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็สามารถเข้าถึงได้เช่นกัน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกันกับบ้านเรา ส่วนนักท่องเที่ยวจากโซนยุโรปก็เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สนใจประวัติศาสตร์ กิจกรรม และสถาปัตยกรรมโบราณ โดยประเทศไทยเรานั้นก็มีจุดเด่นในส่วนนี้ในศาสนสถานเป็นส่วนใหญ่
เรื่องของผู้สูงวัย สำหรับการเดินทางจะยากลำบากหรือไม่ ทาง ผอ. ของหน่วยงาน ททท. ให้ความเห็นว่า เส้นทางของเราได้จัดสรรสถานที่โดยคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เป็นหลัก ถ้าเข้าไปดูใน 12 เส้นทาง ทางเราจะคัดเลือกสถานที่สายมูเตลูให้เข้าถึงได้ง่ายและสะดวก โดยรถยนต์จะเข้าได้ ไม่ต้องเดิน หรือบุกป่าฝ่าดงเข้าไป ทำให้เส้นทางการท่องเที่ยวนี้น่าสนใจ และเข้าถึงกลุ่มผู้สูงวัยได้ดียิ่งขึ้น เพราะเรามองถึงความสำคัญของคนกลุ่มเหล่านี้ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหัวใจสำคัญของเส้นทาง “เสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ”
ไทยรัฐออนไลน์ แนะนำการเดินทางท่องเที่ยวสายมูเตลูในเส้นทางกรุงเทพฯ และปริมณฑลภายใน 1 วัน ที่สามารถส่งเสริมดวงของผู้เดินทางในทุกๆ เรื่องของชีวิต ที่จะเพิ่มพลังโชคลาภและสิริมงคลตามความเชื่อได้อย่างครอบคลุม
เส้นทางท่องเที่ยวมูเตลูในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
เริ่มต้นทริปกรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยการเดินทางไปบนถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง กับการเอาฤกษ์เอาชัยที่ ‘ศาลหลักเมือง’ เปรียบเสมือนเสาหลักของชาวไทยมาตลอด 241 ปี ที่ขึ้นชื่อเรื่องความมั่นคงในชีวิต หน้าที่ การเงิน และการงาน คนส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาสักการะในช่วงขึ้นปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่ ซึ่งมีความเชื่อว่าจะเป็นการเริ่มทุกสิ่งที่คิดไว้ได้อย่างราบรื่น โดยสิ่งของสักการะจะเป็น ธูปเทียนบูชา, ทองคำเปลว, ผ้าแพร 7 สี, ดอกดาวเรือง และผลไม้ โดยลำดับการไหว้จะเป็น หอพระพุทธรูป, องค์พระหลักเมืองจำลอง, องค์พระหลักเมืององค์จริง, หอเทพารักษ์ทั้ง 5 และเติมน้ำมันพระประจำวันเกิด
...
เส้นทางที่ 2 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักสำคัญของประเทศไทย ไม่ว่าชาวไทย หรือชาวต่างชาติ ต่างนิยมเดินทางมา นั่นก็คือ ‘วัดพระแก้ว’ นอกจากสถาปัตยกรรมภายในที่สวยงาม รวมทั้งประวัติศาสตร์อันยาวนานแล้ว องค์พระประธานอย่างพระแก้วมรกต (พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร) ที่จะช่วยเรื่องของการค้าขาย การงานอันรุ่งเรือง คิดหรือจะทำอะไรก็สมหวังได้ดั่งใจ รวมถึงการสวดคาถาบูชาพระแก้วมรกต ที่สามารถช่วยคุ้มครอง และป้องกันตนจากภัยร้ายและอันตรายในชีวิตได้
เส้นทางที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเส้นทางพระบรมมหาราชวัง และเป็นศาสนสถานสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทยก็คือ ‘วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร’ หรือที่ผู้คนนิยมเรียกกันว่า ‘วัดระฆัง’ ขึ้นชื่อเรื่องการเสริมพลังดวง พลังชีวิต และการสร้างชื่อเสียงของตนเองในหน้าที่ โดยเปรียบเสมือนการก้องกังวานอย่างเสียงระฆัง นอกจากนี้ ภายในวัดนั้นยังมีรูปปั้นองค์หลวงพ่อโต สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) องค์ใหญ่ที่ประดิษฐานเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้บูชา โดยองค์ท่านขึ้นชื่อเรื่องสุขภาพร่างกาย การเจ็บไข้ได้ป่วยจะถูกปัดป้อง ให้หายได้เร็ววันเร็วคืน และแคล้วคลาดจากภยันตรายร้ายทั้งปวงที่จะเข้ามาในชีวิตอีกด้วย
...
วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม (วัดบางชัน) บนถนนพระยาสุเรนทร์ ซอย 1 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร ที่ขึ้นชื่อเรื่องของ “องค์ท้าวเวสสุวรรณ” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ประเทศไทย และเป็นที่นิยมสักการะของคนสายมูเตลูในช่วงนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งท้าวเวสสุวรรณได้รับอิทธิพลมาจากหลากหลายศาสนา วัฒนธรรม และความเชื่อ ถือเป็นเจ้าแห่งอสูรทั้งปวง บางตำราเป็นผู้ดูแลประตูสวรรค์ ขึ้นชื่อเรื่องของการเงิน ความโชคดี ร่ำรวย และความเจริญในหน้าที่การงานอย่างมั่นคงและมั่งคั่ง อีกทั้งการขอพรท้าวเวสสุวรรณ ช่วยคุ้มครองเรื่องสุขภาพ แคล้วคลาด และปลอดภัยจากอันตราย
...
ไฮไลต์ของที่วัดบางชันนี้ จะสามารถกราบไหว้ ท้าวเวสสุวรรณ ได้รอบทุกทิศทาง มีทั้งองค์ใหญ่ องค์เล็ก ซึ่งในวัดบางชันนี้มีชื่อเสียงมาจากผู้ที่มีแรงศรัทธา เคยมากราบไหว้ ขอโชค ขอลาภ แล้วประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้ปีนี้ที่วัดบางชันมีผู้คนชาวไทยและนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะอย่างคับคั่ง
ปิดทริปด้วยการเติมพลังบุญอันยิ่งใหญ่ ที่ ‘วัดป่าคำชะโนด’ คลอง 11 ซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากเท่าไร โดยวัดนี้เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ที่จำลองให้เหมือนวัดป่าคำชะโนด ที่จังหวัดอุดรธานี ทำให้ชาวเมืองกรุงสามารถเดินทางไปศึกษาธรรม ขอพร กราบไหว้องค์พญานาคได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล
คนพื้นที่มีความเชื่อว่าพื้นที่ตรงวัดป่าคำชะโนด คลอง 11 เป็นจุดเชื่อมต่อของโลกมนุษย์และวังพญานาค โดยปีนี้เป็นปีทองขององค์พญานาคที่ขึ้นชื่อเรื่องของความร่มเย็น เป็นสุข ที่จะสามารถปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากภัยอันตรายสารพัดที่จะเข้ามาในชีวิตได้ตลอดปี ทำอะไรก็ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น แถมยังเป็นเส้นทางใหม่ที่น่าสนใจ และถูกใจนักท่องเที่ยวสายมูเตลูโซนกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน
เส้นทาง “เสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ” ในกรุงเทพมหานครข้างต้นนั้น ทาง ททท. เป็นผู้คัดสรรเส้นทางไว้เพื่อให้เดินทางสะดวกสบาย โดยพื้นที่ในแต่ละเขตที่กล่าวมาข้างต้นยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ ร้านกาแฟ ร้านอาหารชื่อดังแฝงอยู่มากมาย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงที่คัดกรองมาแล้วว่า สามารถท่องเที่ยวร่วมกันได้ทุกเจเนอเรชัน นอกจากจะได้บุญกุศล ความสบายใจกลับบ้านแล้ว เส้นทางท่องเที่ยวนี้ยังส่งเสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยในภาคชุมชนให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย