เปิดตำนานความเชื่อต้นไม้ค้ำคูณ...ใช้รากและลำต้นรักษาโบสถ์เก่าอายุกว่าร้อยปีไม่ให้ ผุพังแถมสร้างศรัทธารักษาไว้ ชีวิตไม่ตกอับทว่า... ใครตัดทำลายต้องตายสถานเดียว

คนโบราณจะเตือนกันอยู่เสมอๆว่า อย่าตัดต้นไม้ใหญ่ทิ้ง แม้นว่าถ้าจำเป็นจะต้องตัดจริงๆ จะต้องมีการทำพิธีขอขมาขออนุญาตเสียก่อน เพราะถือว่าต้นไม้ใหญ่จะมีเทพารักษ์สิงสถิตอยู่

...ไม่ใช่นึกจะตัดก็ตัดได้เลย เช่นเดียวกับ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ที่วัดไทร อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ที่ทำหน้าที่ปกป้องให้โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา

“วัดไทร” ตั้งอยู่ในหมู่ 5 ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “วัดทะยาน” มีข้อมูลในอดีตที่ชาวบ้านเล่าขานมาว่า เคยมีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาพบวัดร้างและเห็นว่าบริเวณโดยรอบมีต้นไทรขึ้นอยู่หนาแน่น จึงบอกชาวบ้านให้เปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดไทรเหมือนในปัจจุบัน พร้อมทั้งมีการคาดการณ์ว่าวัดนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

...

สำหรับลักษณะพิเศษของโบสถ์วัดโทร คือเป็นวัดที่มีรากต้นไทรโอบยึดกำแพงโบสถ์ไว้ไม่ให้พังทลายลงมา ซึ่งส่วนของศาลาวัดได้พังลงน้ำไปแล้ว ภายในเป็นสถานที่ประดิษฐานองค์พระประธาน

โดยแต่เดิมชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อขาว” หรือ “หลวงพ่อทะยาน” แต่ในปัจจุบันเรียกว่า “หลวงพ่อวัดไทร” ตามชื่อของวัดไทร ตำนานเล่าขานต่อๆกันมาอีกว่า แรกเริ่มเดิมที “องค์พระประธาน” เป็นหุ่นปูนหุ้มแผง ต่อมาถูกทหารพม่าสุมไฟหลอมลอกเอาทองไปหมดเหลือแต่หุ่นปูนข้างในรวมไปถึงองค์พระพุทธรูปยังถูกตัดเศียรไปอีกด้วย

ภายหลังต่อมาชาวบ้านจึงได้เรี่ยไรกันเพื่อนำเงินมาบูรณะต่อเศียรพระพุทธรูปที่ประดิษฐานองค์พระ ส่วนเป็นโบสถ์เก่าชาวบ้านเรียกว่าโบสถ์มหาอุด คือเป็นโบสถ์ที่มีประตูเข้า-ออกทางเดียว

และในระหว่างที่เข้ามาบูรณะทำหลังคาโบสถ์แห่งนี้กลับมีฟ้าผ่า และมีชาวบ้านฝันว่าองค์พระประธานที่ประดิษฐานในโบสถ์นั้นไม่ต้องการให้สร้างหรือดัดแปลงใดๆ หลังจากนั้นมาก็ไม่มีใครทำหลังคาให้อีก นับตั้งแต่ได้มีการบูรณะเศียรองค์พระประธานแล้ว...สิ่งแรกที่สะดุดตาและสร้างความประหลาดใจจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็คือบริเวณโดยรอบของกำแพงโบสถ์ที่ถูกโอบยึดไว้ด้วยรากต้นไทรและต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ที่เจริญเติบโตปกคลุมพื้นที่ภายในโบสถ์ และด้วยรากของต้นโพธิ์ที่มีความแข็งแรงและยึดตัวกำลังได้ดีกว่า ทำให้ในปัจจุบันยังคงเหลือเพียงรากของต้นโพธิ์ที่กลายเป็นสถาปัตยกรรมทางธรรมชาติที่สวยงาม

ส่วนพิธีสำคัญที่ชาวบ้านได้ร่วมมือปฏิบัติสืบทอดมาทุกปี คือการร่วมกันทำบุญในช่วงสงกรานต์ของทุกปี จนปัจจุบันได้กำหนดทำบุญและสรงน้ำองค์พระในวันที่ 16 เมษายนของทุกปี

O O O O

คนไทยแต่โบร่ำโบราณมีความเชื่อว่า...บ้านใดปลูกต้นไทรไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดความร่มเย็น เพราะคนโบราณได้กล่าวว่า ร่มโพธิ์ร่มไทรช่วยทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข นอกจากนี้ ยังช่วยคุ้มครองป้องกันภัยอันตราย ทั้งปวงเพราะบางคนเชื่อว่าต้นไทรเป็นต้นไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์

ซึ่งมี “เทพารักษ์” อาศัยอยู่คอยคุ้มครองพิทักษ์ปวงชนให้มีความอยู่เย็นเป็นสุข

เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัยควรปลูกต้นไทรไว้ทางทิศตะวันตก ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคารเพราะโบราณเชื่อว่า การปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทางใบให้ปลูกในวันอังคาร

นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อต่อๆกันว่า “ต้นไม้...เป็นสิ่งมีชีวิตและมีวิญญาณสิงอยู่ การตัดลำต้น หรือกิ่งก้านของต้นไม้แล้วมียางไหลออกมา นั่นคือเลือดของต้นไม้ การจะตัดต้นไม้แต่ละครั้งจึงควรจะขออนุญาตจากต้นไม้เสียก่อน กรณีการตัดเฉพาะกิ่งก้านของต้นไม้ ไม่ใช่ตัดทิ้งทั้งต้น ให้ใช้วิธีเอามือไปแตะกับลำต้น

...

แล้วนึกมโนภาพว่า เรากำลังตัดกิ่งไม้ในตำแหน่งที่เราคิดไว้ ถ้ามีความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นที่มือ ก็พยายามตัดบริเวณนั้นอย่างระมัดระวังที่สุด ข้อสังเกตเมื่อตัดแล้วยางไม้จะไม่ไหลออกมา”

ส่วนกรณีตัดต้นไม้ทั้งต้นก็ใช้วิธีเดียวกัน แต่บอกกล่าวกับต้นไม้นั้นว่า ให้ไปหาที่อยู่อาศัยใหม่ บางทีอาจจะปลูกต้นไม้ขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทน หรือตั้งศาลเจ้าที่ให้ ข้อสังเกตจะต้องขุดรากถอนโคนให้หมด อย่าเหลือตอไม้เอาไว้เด็ดขาดเพราะการสร้างบ้านคร่อมตอไม้ถือว่าอัปมงคลยิ่ง

ซึ่งปราชญ์ต้นไม้ก็ได้ให้คำสวดมนต์ทุกครั้งที่ต้องตัดต้นไม้ก็มีพระคาถาตัดต้นไม้ ดังนี้ “หิริโอตฺ ตปฺปสมฺปนฺนา สุกฺกธมฺมสมาหิตา สนฺโต สปฺปุริสา โลเก เทวธมฺมาติ วุจฺจเร”

O O O O

การปลูก “ต้นไม้” ให้ถูกกับ “โฉลก” นั้นก็มีคำแนะนำมาจากปราชญ์ต้นไม้ ระบุว่า ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ต้องปลูกต้นไม้ดอกไม้ที่ให้ดอกผลสีเหลือง หรือสีส้ม ได้แก่ โป๊ยเซียน เลือกปลูกสีเหลือง สีส้ม จะนำโชคลาภเข้ามาหา ไม้ใหญ่อย่างต้นราชพฤกษ์ พวงระย้า จะทำให้บ้านดูสดใส และเสริมให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และต้นจำปา ปลูกไว้จะช่วยนำโชค เหมาะกับคนที่เกิดวันอาทิตย์อย่างยิ่ง

ผู้ที่เกิดวันจันทร์ ได้รับคำแนะนำให้เป็นดอกไม้สีขาว ถูกโฉลกยิ่งนัก โดยเฉพาะมะลิ เสริมสิริมงคลให้คนในบ้าน มีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง มีความรักต่อบุคคลทั่วไป ต้นจำปี เสริมชีวิตรุ่งเรืองและหน้าที่การงานก้าวหน้า ไม้ใหญ่ต้องยกให้มะม่วง ช่วยเสริมให้ผู้ปลูกและผู้อยู่อาศัยมีเงินมีทองเหลือใช้ แต่ที่ขาดไม่ได้คือมะยม ช่วยในการปกป้องความชั่วร้าย และเรื่องไม่ดีไม่ให้มาย่างกราย และเสริมให้มีผู้นิยมชมชอบ

ผู้ที่เกิดวันอังคาร ควรปลูกต้นไม้สีแดง หรือสีชมพู ดอกเข็ม จึงเป็นดอกไม้ที่ผุดขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน จะช่วยเรื่องความคิดความอ่านที่ดี สมองปลอดโปร่ง เช่นเดียวกับชบา ปลูกไว้จะช่วยให้เจริญก้าวหน้า ไร้ปัญหาและอุปสรรค และต้นพญายอ ปลูกไว้จะช่วยให้การดำเนินชีวิตราบรื่นสมบูรณ์สุข

ผู้ที่เกิดวันพุธ ดอกไม้สีเหลืองถูกโฉลกที่สุด จะช่วยดึงสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต เริ่มต้นที่กล้วย ทำให้บ้านร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากความทุกข์ใจ ราชพฤกษ์ เสริมด้านชื่อเสียง เกียรติยศศักดิ์ศรี และไม้ใบอย่างพลูด่าง ก็จะส่งเสริมให้มีความเจริญงอกงามในชีวิตอีกเช่นกัน

...

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสฯ ต้นไม้สีขาวจัดว่าเป็น สิริมงคลในชีวิตที่สุด ต้นมะลิ เป็นสิริมงคลเสริมให้คนในบ้านมีจิตใจผ่องใส ในที่เป็นสุข จำปี ถ้ามีปลูกไว้จะเสริมหน้าที่การงานให้เจริญก้าวหน้า เช่นเดียวกับพุด ดอกไม้สีขาวที่จะส่งเสริมให้คนในบ้านมีความแข็งแรง เจริญมั่นคง ร่ำรวย

ผู้ที่เกิดวันศุกร์ ยังคงเป็นดอกไม้สีแดง และสีชมพูที่ถูกโฉลก เริ่มจากต้นเข็ม ทำให้ชีวิตก้าวหน้า และเดินไปในทางที่ดี ต้นโกศล ส่งเสริมให้คนในบ้านมีความร่มเย็นเป็นสุข มีบุญคุ้มภัย โป๊ยเซียน เน้นที่ดอกสีแดงและสีชมพู จะเพิ่มโชคลาภให้กับชีวิต มีข่าวดีเกี่ยวกับเรื่องเงินเรื่องทองเข้ามาตลอดเวลา และอัญชัน ถึงแม้จะไม่ใช่สีแดง แต่เป็นต้นไม้ที่ต้องมีเพราะจะเสริมให้ชีวิตประสบความสำเร็จดั่งตั้งใจ

และสุดท้ายต้นไม้ที่ถูกโฉลกกับ ผู้ที่เกิดวันเสาร์ ต้องปลูกต้นวาสนา ทำให้มีแรงบันดาลใจ เกิดความสุข สมหวังสมดังชื่อต้นไม้ที่เฝ้าดูแล ต้นกวนอิมก็เช่นกันจะช่วยส่งผลให้ผู้ปลูกฐานะดี มีเงินมีทองแบบไร้อุปสรรค และไม้ใหญ่ที่ต้องมี คือต้นมะม่วง นอกจากจะให้ผลไว้กินแล้ว ผู้ปลูกจะยิ่งร่ำรวยยิ่งขึ้นอีกด้วย

เรื่องราวของ “ต้นไม้ใหญ่” กับความเชื่อ ศรัทธาเป็นเช่นนี้

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.


รัก-ยม