ถือเป็นเทศกาลที่คนรักดอกไม้ตั้งตารอชมกันอย่างใจจดใจจ่อทุกปี สำหรับงาน “Nai Lert Flower & Garden Art Fair 2020” โดยปีนี้มาพร้อมกับคอนเซปต์ “The World” เนรมิตอาณาจักรปาร์คนายเลิศให้งดงามไปด้วยความอลังการของประติมากรรมดอกไม้ โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ “Flower Carpet” พรมกลีบดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประชันกับศิลปะโคมไฟจีนสุดตระการตา

งานนี้ “น้องเล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” ผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงแห่งนายเลิศ กรุ๊ป บอกเล่าถึงความตั้งใจเกินร้อย ในฐานะประธานจัดงานดอกไม้ปาร์คนายเลิศว่า งานเทศกาลดอกไม้ Nai Lert Flower & Garden Art Fair จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 34 แล้ว เพื่อมุ่งเน้นการสืบทอดงานศิลปวัฒนธรรมไทย และงานหัตถศิลป์จากชุมชนสู่สาธารณชนในวงกว้าง ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจ, ให้ความสำคัญ และชื่นชมกับธรรมชาติรอบตัวยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมาได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมชมงานปีละหลายหมื่นคน ในปีนี้ได้สานต่อความยิ่งใหญ่และความประทับใจอีกครั้ง เพื่อคนรักดอกไม้, ต้นไม้ และธรรมชาติ โดยกำหนดจัดขึ้นจนถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563

...

งานนี้ พรมกลีบดอกไม้ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขนาด 575 ตารางเมตร ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากแผนที่โลกโบราณ โดยใช้ทีมงานมากกว่า 1,000 ชีวิต เนรมิตให้เสร็จภายในเวลา 24 ชั่วโมง และเพื่อให้สมกับคอนเซปต์ “The World” จึงมีการสอดแทรกลวดลายสัญลักษณ์ประจำประเทศต่างๆสะพรั่งไปทั่วผืนพรมธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นรูปนางรำแทนประเทศไทย, เมอร์ไลออนแทนสิงคโปร์, นางฟ้าจีนและมังกรจีนแทนประเทศจีน, ทหารอังกฤษแทนเมืองผู้ดี และจิงโจ้แทนประเทศออสเตรเลีย

เสริมทัพด้วยประติมากรรมดอกไม้จากองค์กรชั้นนำของเมืองไทย และศิลปินชื่อดัง ที่พาเหรดมาสร้างสีสันเติมความสดชื่นให้สวนปาร์คนายเลิศ นำโดยกรุงเทพมหานคร, ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ห้างฯเซ็นทรัล และอาร์เอส มอลล์ นอกจากนี้ ทั่วทั้งสวนปาร์คนายเลิศยังสว่างไสวไปด้วยโคมไฟอันสวยงามจากประเทศจีน ที่ฝ่ายวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ตั้งใจรังสรรค์ให้เฉพาะ ภายใต้แนวคิด “Chinese Lantern Extravaganza”

อีกหนึ่งไฮไลต์ไม่น่าพลาดคือ การเปิดบ้านปาร์คนายเลิศให้ชม “นิทรรศการบุปผาภูษิตาภรณ์” เป็นการจัดแสดงศิราภรณ์และเครื่องประดับดอกไม้ของนางในวรรณคดีตามจินตนาการ มาครบทั้งนางสีดา, นางมณีเมขลา, นางรจนา, นางพันธุรัตน์, นางเบญจกาย, นางกากี และนางบุษบา สร้างสรรค์โดยนักศึกษาจากคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ศูนย์โชติเวช) นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการประดิษฐ์ใบตอง ด้วยแรงบันดาลใจจากภาพประติมากรรมนูนต่ำของวัดไพบูลย์ จังหวัดอุบลราชธานี ผลงานมาสเตอร์พีซของ “ศักดิ์ชัย กาย” ร่วมกับเหล่าครูช่างผู้เชี่ยวชาญงานใบตองจากทั่วภาคอีสานมาร่วมรังสรรค์ผลงาน “บุษบกใบตอง” และ “สัตว์หิมพานต์”

...

...

ภายในเทศกาลยังคึกคักไปด้วยกิจกรรมมากมายเพื่อคนรักดอกไม้และต้นไม้ โดยมีการจัดแข่งขันประกวดโคมระย้าดอกไม้ (Flower Chandelier Competition) ที่เดอะ กลาสเฮ้าส์ และการประกวดสวนพฤกษาแห่งความยั่งยืน (Garden Competition) ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งผู้ชนะเลิศแต่ละประเภทจะได้เหินฟ้าไปชมเทศกาลดอกไม้ “เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2020” ถึงถิ่นกำเนิดประเทศอังกฤษ

สายแอ็กทีฟที่ชอบทำกิจกรรมก็มีเวิร์กช็อปสนุกๆให้ทดลอง ไม่ว่าจะเป็นการเพนต์ตุ๊กตา, การทำศิลปะตัดกระดาษ, การจัดช่อดอกไม้, การทำขนมผกากรอง และเวิร์กช็อปที่ส่งตรงจากประเทศจีน อาทิ การเพนต์หน้ากากงิ้วจีน, ทำโคมจีนกระดาษ, งานประดิษฐ์เชือกมงคล และสาธิตการเขียนพู่กันจีน

...


บัตรเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 150 บาท ส่วนเด็กและนักเรียน ราคา 80 บาท รายได้จากการจัดงานหลังหักค่าใช้จ่ายนำไปมอบให้โรงพยาบาลอุ้มผาง จังหวัดตาก เพื่อช่วยเหลือด้านอุปกรณ์การแพทย์ คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ nailertflowershow.com

ทีมข่าวหน้าสตรี