เมื่อเดือนก่อน พี่ป๋อ-คมกริช ด้วงเงิน ผอ.กองส่งเสริมการบริการท่องเที่ยว ททท. เอ่ยปากชวนร่วมทริปกิจกรรมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวแอ่งทะเลตะวันออก ตามรอยรายการ “เนวิเกเตอร์” ของพี่ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ที่เคยถ่ายทำไว้ เป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในเมืองรอง
ตัดสินใจเก็บกระเป๋าแบบไม่รั้งรอร่วมทริปสีสันตะวันออก เส้นทางจันทบุรี โดยเริ่มต้นก็เป็นเรื่องเป็นราวกันเลย เป็นเรื่องของเพชรพลอย ที่ “ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี”
...
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าจะไปซื้อพลอย เพราะที่นี่นอกจากจำหน่ายแล้ว เขายังมี พิพิธภัณฑ์อัญมณี ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยนำเสนอในแบบ Live Museum มีการจัดแสดงแร่ต่างๆที่มีการนำมาทำเป็นอัญมณีจากหลายๆประเทศไว้ให้ชม รวมถึงมีพื้นที่จำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้ง พลอยสำเร็จรูป แหวน สร้อย กำไลข้อมือ
วิทยากรของพิพิธภัณฑ์ เล่าว่า แม้ปัจจุบันพลอยจากเมืองจันทบุรีจะเหลือน้อยลง ทำให้ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากทั่วทุกมุมโลก แต่สิ่งที่ไม่เคยลดน้อยถอยลงไปเลย ก็คือ ภูมิปัญญาการเผาพลอย ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของช่างทำพลอยเมืองจันทบุรีที่ไม่สามารถเผยให้คนนอกพื้นที่รู้ได้ ที่กลายมาเป็นความพิเศษของที่นี่ และเป็นสิ่งที่ทำให้จันทบุรีมีพลอยสีสันสวยงาม ที่บรรดาสาวกอัญมณีต้องมาเสาะหาเพื่อนำไปเก็บไว้
จากพิพิธภัณฑ์อัญมณี เรามุ่งหน้าสู่ วัดเขาบรรจบ อ.มะขาม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว วัดนี้เป็นวัดป่า และเป็นธรรมยุต ห้อมล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ความร่มรื่นของวัดให้ความรู้สึกสงบ เย็น สบาย เหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม
จุดเด่นของวัดนอกจากการปฏิบัติที่เคร่งครัดแล้ว พระอุโบสถของวัดนี้ยังมีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายใน แต่ที่สะดุดตาวัยรุ่นเห็นจะเป็นจุดเช็กอิน ถ่ายรูป บริเวณด้านข้างของอุโบสถที่สมมติขึ้นเป็น “ประตูสวรรค์” ลักษณะเป็นช่องกว้างที่คนสามารถเดินผ่านได้ แต่ที่เป็นไฮไลต์ คือ ประตูที่ว่านี้อยู่บนต้นสมพงขนาดใหญ่ สูงถึง 10 เมตร ขนาด 10 คนโอบ อายุกว่า 100 ปี อีกด้านหนึ่งเป็นสะพานแขวนพาดผ่านลำธารน้ำตก ที่เมื่อข้ามไปจะเข้าเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ซึ่งทุกปีจะมีคนไปต่อคิวขึ้นสักการะกันเป็นจำนวนมาก
หลับสบายแบบพักผ่อนเต็มที่ ก่อนจะตื่นเช้ารับอากาศดี เพื่อเตรียมพร้อมเดินทางไปยัง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อ.สอยดาว ซึ่งมีเนื้อที่มากถึง 465,602 ไร่ มียอดเขาสอยดาวใต้ระดับความสูง 1,675 เมตร จากระดับน้ำทะเล ความโดดเด่นทางชีวภาพของป่าเขาสอยดาวน่าจะเป็นลักษณะโดยทั่วไป ที่เป็นพื้นที่ป่าดิบชื้นมากกว่า 85% ความเป็นป่าดิบชื้นนี่เองที่ทำให้ที่นี่ยังคงมีความสมบูรณ์ของสัตว์ป่า พรรณไม้ พันธุ์พืช และต้นไม้สูงใหญ่ขนาดหลายคนโอบจำนวนหลายสิบต้น มีเส้นทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ร่มรื่น ไม่ว่าจะเป็น ผาหินกูบ น้ำตกเขาสอยดาว ซึ่งถ้าบางกะเจ้าเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ ที่นี่...ก็น่าจะเป็นปอดของภาคตะวันออก และบนความดิบชื้นในระดับ 800 เมตร ขึ้นไปจากระดับน้ำทะเล ยังพบ กระวาน ไทย ซึ่งถือเป็นสมุนไพรชั้นเลิศที่นำมาปรุงเป็นยาสูตรแผนไทยได้หลายสูตร
...
ต้องบอกว่าพวกเราโชคดีที่วันนี้อากาศดี เหมาะแก่การเดินป่าหน้าฝน แต่ฝนไม่ตก ทำให้มีเวลาได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ตลอดเส้นทางสู่ น้ำตกเขาสอยดาว ที่มี ความสูงทั้งหมด 16 ชั้น เดินไป คุยไป ชมธรรมชาติไป เผลอไผลลื่น บ้างบนทางที่ย่ำเท้า แต่ก็ไม่ได้มากมายจนเป็นอุปสรรคอะไรนัก ที่ต้องระวังหน่อย ก็คือ ทาก เพื่อนรักจากธรรมชาติ ที่พิสมัยเลือดสดๆจากผู้มาเยือนในทันทีที่เราเผลอ
ระหว่างทางไปน้ำตก มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ ต้นตะเคียนทอง ซึ่งจะมีเจ้าแม่หรือไม่ ไม่รู้ แต่คนที่ผ่านไปผ่านมาก็มักจะแวะสักการะตามความเชื่อ กับอีกต้นคือ ต้นพระเจ้าห้าพระองค์ ที่ว่ากันว่ามีอายุกว่า 500 ปี เป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่มาก วัดขนาดได้ 8 คนโอบ สูงจากพื้นดินกว่า 40 เมตร และได้รับเลือกเป็นต้นไม้ “รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” จากกระทรวงวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นไม้มงคลที่มีความสำคัญ เพราะผลของต้นถูกนำมาใช้ประกอบพิธีทำเครื่องรางของขลังด้วย
...
ออกจากป่าสู่ตัวเมือง เลาะไล่ไปตามถนนที่สวยที่สุดของภาคตะวันออก ของ เนินนางพญา ที่ต้องบอกว่าสวยงามจริงๆ มุ่งหน้าสู่ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก อายุ 110 ปี สร้างแบบสถาปัตยกรรมกอทิก เพียงแค่มองจากภายนอกก็รู้สึกได้ถึงความงดงามอลังการ ยิ่งใหญ่สมกับความเป็นศาสนสถานอันเก่าแก่โบราณ
หันหลังกลับจากอาสนวิหาร เดินข้ามสะพานแม่น้ำจันทบุรี มีที่เที่ยวอีกที่ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน ที่นี่เขาเรียกว่า ชุมชนเมืองเก่าริมน้ำจันทบูร เป็น ชุมชน เก่าแก่ดั้งเดิมของจันทบุรี มีเส้นทางให้เดินเที่ยวบนถนนสายเล็กๆ ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร มีขนมโบราณ บ้านโบราณ ร้านยาโบราณ ที่ทั้งดูทั้งถ่ายรูปกันเพลินไป แต่ถ้าอยากทราบประวัติความเป็นมาต้องไปที่ บ้านเรียนรู้ขุนอนุสรสมบัติ เลขที่ 69 ที่เขาทำเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลประจำชุมชนหรือจะแวะไป บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี ก็มีพิพิธภัณฑ์รวบรวมเอกสารราชการและเครื่องใช้เก่าๆในสมัยก่อนมาจัดแสดง พร้อมกับมีห้องพักรองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
...
ก่อนกลับ แวะกันอีกนิดกับ ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว ย่านการค้าเก่าแก่อีกแห่งในจันทบุรี ที่คงเอกลักษณ์มายาวนานกว่า 100 ปี จุดเด่นคือ ขนมชื่อแปลกๆ เช่น ขนมควยลิง ขนมติดคอ กล้วยน้ำแตก ที่ชื่อแปลกแต่กินแล้วก็อร่อยดี ชุมชนนี้เขาเปิดให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวได้เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. ซึ่งคราวนี้เราไปชุมชนขนมแปลก แต่กลับได้ ไม้กวาดดอกอ้อ ติดมือกลับมา เพราะเขาบอกว่าไม้กวาดที่นี่กวาดดี ไม่ร่วงหลุดง่าย พ่อบ้านอย่างเรามีหรือจะไม่ซื้อมาฝากคนที่บ้าน เพราะไม่ได้กวาดเองแน่นอน
ทริปนี้บอกเลยว่า เป็นการเปิด New Shade ของจันทบุรีแบบที่ไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ ใครจะคิดว่า แผ่นดินตะวันออกที่มีแต่ทะเล...ทะเล และทะเล จะมีสีสันครบทุกรส...ขนาดนี้
ไม่เชื่อลองไปเที่ยวจันทบุรี ดูสิ...แล้วจะติดใจ!!