วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ขาเที่ยวทั้งหลายแพลนไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนกันบ้าง? ถ้าใครอยากไปเที่ยวง่ายๆ ใกล้กรุงเทพฯ เราแนะนำให้ขับรถไปเที่ยว 'นครนายก' แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ร่มรื่น สดชื่น แถมมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ให้เลือกสนุกอีกเพียบ!
ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จะชวนคุณมาเช็กอิน 5 ที่เที่ยวสุดฮิตในจังหวัดนครนายก กันดีกว่า...
1. ล่องแก่ง แม่น้ำนครนายก
มาเที่ยวนครนายกทั้งที หลายคนบอกว่าห้ามพลาดเล่นกิจกรรมแอดเวนเจอร์อย่าง 'ล่องแก่ง' เราก็เลยจัดไป! ขอร่วมกิจกรรมล่องแก่งแม่น้ำนครนายกกันที่นี่ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด และสนุกมากทีเดียว
สำหรับกิจกรรม 'ล่องแก่งแม่น้ำนครนายก' มีจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งอยู่ที่บริเวณเชิงสะพานท่าด่าน หลังเขื่อนคลองท่าด่าน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และจะไปสิ้นสุดการล่องที่บริเวณบ้านวังยาว มีระดับความยากอยู่ที่ระดับ 2-3 เท่านั้น น้ำไม่แรงมาก สามารถพายเรือยางได้อย่างสบาย ชิลๆ
นักท่องเที่ยวสามารถมาล่องแก่งแม่น้ำนครนายกได้เกือบตลอดทั้งปี แต่ถ้าจะให้ดีควรมาในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ส่วนค่าใช้จ่ายในการล่องแก่งเรือยาง 6-8 ที่นั่ง ราคาประมาณ 1,200-1,500 บาทต่อลำ
...
พิกัด : บริเวณเชิงสะพานท่าด่าน หลังเขื่อนคลองท่าด่าน จ.นครนายก
การเดินทาง : ไปตามทางหลวงหมายเลข 305 เลียบคลองรังสิตผ่านอำเภอองครักษ์ หรือไปตามทางหลวงหมายเลข 1 เลี้ยวขวาที่แยกหินกอง ไปตามถนนสุวรรณศร ทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงนครนายก สอบถามเส้นทางเพิ่มเติม โทร.1543
2. ซาวน์น่าสปาเกลือ วังรี คีรียา
ส่วนใครที่ไม่ชอบแอดเวนเจอร์มากเกินไป แต่อยากมาผ่อนคลายให้สบายตัว แนะนำให้มาเที่ยวที่ วังรี รีสอร์ท แม้ที่นี่จะเป็นที่พัก แต่คนนอกก็เข้ามาทำกิจกรรมสนุกๆ ได้หลายอย่าง ที่นี่มี ถ้ำเกลือ สร้างจากเกลือบริสุทธิ์ที่ผ่านการเผาด้วยความร้อนสูงถึง 1,000 องศาเซลเซียส นานหลายชั่วโมง
ส่วนสรรพคุณและประโยชน์ของการอบซาวน์น่าเกลือ ว่ากันว่าจะช่วยขับสิ่งสกปรกและไขมันใต้ผิวหนังออกมา แล้วผิวจะซึมซับเอาเกลือบริสุทธิ์เข้าไป ทำให้ผิวพรรณสดใส
ห้องซาวน์น่าเกลือมีอุณหภูมิสูงประมาณ 45-50 องศาเซียลเซียส ก่อนเข้าไปอบซาวน์น่าควรอาบน้ำให้สะอาด จากนั้นดื่มน้ำเปล่า 1 แก้วก่อนเข้าไปอบ ที่สำคัญ! หลังการอบซาวน์น่าไม่ควรอาบน้ำทันที ให้รออีกประมาณ 1-2 ชม. เพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิ ขับเหงื่อและดีท็อกซ์ของเสียออกมาให้มากที่สุด (กิจกรรมนี้ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาความดันต่ำ) เปิดให้บริการทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.
...
อัตราค่าบริการ
- นวดแผนไทย 1 ชม. ราคา 300 บาท
- นวดฝ่าเท้า 1 ชม. ราคา 300 บาท
- นวดน้ำมันอโรมา 1 ชม. ราคา 500 บาท
- นวดสปาเท้า 1 ชม. ราคา 500 บาท
- อบซาวน์น่าเกลือ ไม่จำกัดเวลา จากราคา 1,200 บาท ลดเหลือท่านละ 500 บาท
- อบซาวน์น่าสวีดิช ไม่จำกัดเวลา ราคา 500 บาท
- พอกหน้า-นวดหน้า ราคา 500 บาท
...
พิกัด : วังรี รีสอร์ท หมู่ที่ 12 ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก
การเดินทาง : มุ่งหน้าไปในตัวอำเภอเมืองนครนายก
3. ภูกะเหรี่ยง ทุ่งข้าวเขียวขจี
ภูกะเหรี่ยง เป็นไร่นาสวนผสม เนื้อที่โครงการจำนวน 60 ไร่เศษ แบ่งเป็นที่นา 50 ไร่ สวน 10 ไร่ นอกจากเป็นไร่นาสวนผสมแล้ว ภูกะเหรี่ยงยังจัดให้มีพิพิธภัณฑ์ของใช้ ของโบราณพื้นบ้านของบรรพบุรุษหลายสกุลด้วยกัน คือ จันลา, รัตนสุวรรณ, ฉัตรสุวรรณ, ฉัตรปาโล ซึ่งท่านเหล่านั้นเป็นเกษตรกร ช่างไม้ และแพทย์แผนโบราณ
...
ไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ การเดินบนสะพานไม้ไผ่ชมทุ่งข้าวเขียวขจีในหน้าฝน และชมทุ่งข้าวออกรวงเหลืองอร่ามในหน้าหนาว บรรยากาศร่มรื่น สวยงามแบบเต็มสิบจริงๆ แต่ล่าสุด...เนื่องจากสะพานไม้ไผ่ชำรุดไปซะเยอะ คุณหมู เจ้าของภูกะเหรี่ยงเลยปรับปรุงให้เป็นพื้นทางเดินแข็งแรงทนทานมากขึ้น และทาสีฟ้าสดใส ในแนวคิดที่ว่า สายน้ำกลางทุ่งข้าว ไอเดียคูลสุดๆ
นอกจากจะได้ถ่ายภาพสวยสุดชิคแล้ว ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านขนาดเล็ก เก็บสะสมข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของบรรพบุรุษที่เดินทางอพยพมาจากลาวหลวงพระบาง มีทั้งเครื่องมือทำมาหากินของชาวนา ช่างไม้ และแพทย์แผนโบราณ จัดแสดงไว้ให้ชมบนบ้านเรือนไทย
อัพเดต ภูกะเหรี่ยง ปัจจุบันเปิดให้บริการเวลา 08.00-17.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดาปิด ยกเว้นนัดทำกิจกรรมและกรุ๊ปทัวร์ สามารถแจ้งล่วงหน้าเพื่อเข้าชมวันธรรมดาได้
บัตรค่าเข้า 49 บาท (เอาบัตรมาแลกเครื่องดื่มได้) ถ้าจองมาก่อนจะได้เล่นกิจกรรมครบ 4 กิจกรรม ได้แก่ สีข้าวซ้อมมือ ทำขนมข้าวยาคู ชมพิพิธภัณฑ์ กิจกรรมปลูกกล้าต้นข้าว ส่วนใครที่เข้ามาเที่ยวแบบ walk in ไม่ได้จองมา เข้าเที่ยวได้แค่เสาร์-อาทิตย์ และสามารถร่วมกิจกรรมได้ 1 กิจกรรม
พิกัด : บ้านเลขที่ 104 หมู่ 1 ตำบลศรีนาวา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก โทร.08-1868-9841
การเดินทาง : ใช้เส้นทางเดียวกับไปวัดหลวงพ่อปากแดง เมื่อถึงสามแยกพระพิฆเนศให้เลี้ยวขวาตรงสุดทาง ข้ามสะพาน จะเจอสามแยกตัวที ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอย จะเห็นป้ายบอกทางไปภูกะเหรี่ยง
4. สวนป้าอินทร์ คาเฟ่ในดงไม้
ร้านกาแฟสวนป้าอินทร์ เป็นร้านกาแฟบรรยากาศดี ในสไตล์สวนป่า มีการออกแบบจัดสวนได้สวยงามจนตะลึง เราไม่คิดว่าที่นครนายกจะมีคาเฟ่น่านั่งแบบนี้ซ่อนตัวอยู่ แถมหน้าร้านยังเป็นส่วนของการจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับต้นเล็กๆ น่ารัก เหมาะกับเอาไปตั้งไว้ที่โต๊ะทำงาน
ในร้านกาแฟมีที่นั่งแอร์เย็นๆ นะ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะเลือกนั่งข้างนอกที่เป็นสวนสวยๆ แถมยังมีที่นั่งบางมุมที่ติดริมน้ำด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีทางเดินข้ามสระขนาดเล็ก ในสระน้ำนั้นก็มีปลาคาร์ฟตัวใหญ่ยักษ์ว่ายไปมาให้ได้ชมเพลินๆ แถมภายในสวนบางจังหวะเขาจะเปิดฟ็อกกี้ Foggy เป็นละอองหมอกบางๆ โห...สวย ได้อารมณ์เหมือนเที่ยวในป่าหมอกเลยทีเดียวเชียว
พิกัด : รังสิตคลอง 15 ต.คลองใหญ่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปรังสิต เลี้ยวขวาเข้าถนนรังสิต-นครนายก วิ่งตรงยาวๆ จนถึงรังสิตคลอง 15
5. เขื่อนขุนด่านปราการชล
เขื่อนขุนด่านปราการชล ชื่อเดิมเรียกว่า เขื่อนคลองท่าด่าน เป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดยาวที่สุดในประเทศไทย และยาวที่สุดในโลก (ยาว 2,594 เมตร สูง 91 เมตร) เป็นเขื่อนที่กั้นลำน้ำนครนายก สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ร.9) เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงหน้าฝนไว้ในหน้าแล้ง และป้องกันน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร และไร่นาในหน้าฝน
ตัวเขื่อนประกอบด้วยเขื่อนหลักและเขื่อนรอง ด้านหน้าเขื่อนเป็นอ่างเก็บน้ำ ด้านหลังเป็นพื้นที่อยู่อาศัย ท้ายเขื่อนเป็นพื้นที่ปลูกพันธุ์ไม้ มีศูนย์การเรียนรู้ มีท่าเรือสำหรับกิจกรรมล่องแก่ง ส่วนพื้นที่สันเขื่อนเป็นจุดชมทิวทัศน์ ด้านบนสุดของภูเขาเป็นที่ตั้งของอาคารที่ประทับ มีบริการรถรางนำชมรอบเขื่อน คนละ 30 บาท
พิกัด : ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ต.หินตั้ง อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก
การเดินทาง : จากกรุงเทพมหานครใช้ทางหลวงหมายเลข 305 เลียบคลองรังสิต ผ่านอำเภอองครักษ์ มุ่งหน้าต่อไปยังเขื่อนฯ หรือจะนั่งรถตู้จากรังสิตไปลงที่หน้าเขื่อนขุนด่านปราการชลได้โดยตรงก็สะดวกดี
เป็นยังไงบ้างคะ? สำหรับที่เที่ยว 5 จุดแสนสนุกที่เรานำมาให้ดูรีวิวกัน คราวหน้าใครอยากไปสัมผัสบรรยากาศสนุกๆ แบบนี้ แนะนำให้แวะเที่ยวนครนายก ไปสนุกได้ทั้งครอบครัวเลยจ้า.