หากพูดถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี คนส่วนใหญ่คงจะนึกถึงแค่ เกาะสมุย เกาะพะงัน เมืองหอยใหญ่ ไข่แดง แต่เชื่อเราเถอว่าเมืองสุราษฯ ไม่ได้มีดีแค่นั้น เพราะเราจะพาคุณไปสัมผัสกับธรรมชาติ วิถีชาวบ้าน และแหล่งท่องเที่ยวที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน...

หลายคนคงรู้กันดีว่า สุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในภาคใต้ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ สัตว์ป่า และเกาะที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย แต่ค่ะแต่!!...แต่ครั้งนี้เราจะไม่พาคุณเที่ยวซ้ำแบบคนอื่น เราจึงขอเรียกทริปนี้ว่า...เที่ยวฮิปๆ แบบสโลว์ไฟล์ ซึ่งจะสโลว์ไลฟ์ และดื่มด่ำกับธรรมชาติแค่ไหน ตามไปดูกัน

1. พิพิธภัณฑ์ปลาหิน

ขึ้นชื่อว่า "หิน" แน่นอนว่าบางคนอาจมองว่าเป็นสิ่งไร้ค่า ไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่เรารับรองว่าไม่ใช่กับที่นี่ "พิพิธภัณฑ์ปลาหิน" ของคุณลุงกิตติ สินอุดม ที่บรรจงแกะสลักด้วยตัวเองทีละขั้นตอน เพื่อสร้างสรรค์หินก้อนจากธรรมชาติ สู่มรดกอันล้ำค่า

พิพิธภัณฑ์ปลาหิน แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งลุงกิตติตั้งใจจะให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ทางทะเล ด้วยความที่คุณลุงมาจากครอบครัวชาวประมง จึงรู้จักพันธุ์ปลาทะเลเป็นอย่างดี แต่การเริ่มแกะสลักปลาตัวแรกเมื่อประมาณเกือบ 30 ปีที่แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวนั้นเป็นพันธุ์อะไร รู้เพียงแต่ว่าอยากแกะสลักหินให้เป็นรูปปลา และปลาตัวแรกก็ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือนกว่าจะแกะสลักเสร็จ

...

นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มแกะสลักหินเป็นรูปปลาในปี 2533 มาจนถึงวันนี้คุณลุงได้แกะสลักปลามาแล้วทั้งสิ้นกว่า 3,000 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นปลากะพง ปลาโอ ปลากระเบน ปลาฉลาม รวมถึงกุ้ง หอย ม้าน้ำ หรือปูต่างๆ ก็มีครบ 

ปลาหินสวยๆ
ปลาหินสวยๆ

ทายซิว่าตัวนี้ปลาอะไร
ทายซิว่าตัวนี้ปลาอะไร

ปลาหลากหลายสายพันธุ์
ปลาหลากหลายสายพันธุ์

ลุงกิตติ สินอุดม ผู้แกะสลักปลาหินด้วยใจ
ลุงกิตติ สินอุดม ผู้แกะสลักปลาหินด้วยใจ

...

นับว่าเป็นศิลปะที่ใช้ทั้งใจ ความสัมพันธ์ของมือ และสมอง เนื่องจากเมื่อคุณลุงได้หินมาก้อนหนึ่ง ก็จะพิจารณาจากลักษณะและสีของหินก้อนนั้นๆ ว่าเหมาะจะนำมาแกะสลักเป็นปลาอะไร แล้วจึงค่อยลงมือทำด้วยความประณีต 

แต่สิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่งนั่นก็คือ ปัจจุบันนี้ คุณลุงไม่มีแรงพอจะลงมือแกะปลาตัวเล็กๆได้อีกแล้ว ได้แต่อนุรักษณ์ ปลาหิน เหล่านี้เอาให้ลูกหลานได้ชม เป็นแหล่งเรียนรู้ให้คนในสังคมได้ตระหนักถึงคุณค่าของท้องทะเล ที่สำคัญคือคุณลุงเปิดให้เข้าชมฟรี มีเพียงกล่องรับบริจาคเล็กๆ ตั้งเอาไว้ หากใครได้ผ่านไปแถวนั้น ไทยรัฐออนไลน์ อยากให้คุณแวะเข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ปลาหินของคุณลุงสักครั้ง รับรองว่าคุณจะประทับใจกับเรื่องราวดีๆ ที่คุณลุงตั้งใจมอบให้กับสังคม

2. แวะถ่ายรูปกับ "ปูม้ายักษ์"

ปูม้ายักษ์
ปูม้ายักษ์

ด้านหลังของปูม้ายักษ์ หากเดินไปรอบๆ จะพบกับมุมดีๆ ให้ถ่ายภาพสวยๆได้มากมาย
ด้านหลังของปูม้ายักษ์ หากเดินไปรอบๆ จะพบกับมุมดีๆ ให้ถ่ายภาพสวยๆได้มากมาย

...

อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของสวนสาธารณะหาดแหลมโพธิ์ "ปูม้ายักษ์" ที่ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะหาดแหลมโพธิ์ ม.5 ต.พุมเรียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี แนะนำว่านักท่องเที่ยวทุกคนควรแวะมาแชะรูปที่นี่สักครั้ง เพราะนอกจากปูม้าแล้ว สวนสาธารณะหาดแหลมโพธิ์แห่งนี้ยังมีทิวทัศน์อันสวยงาม วิวติดทะเล ถ่ายรูปออกมารับประกันว่าสวยทุกมุม

หากมีคำถามว่า ทำไมถึงต้องเป็นรูปปั้นปูม้ายักษ์? ...นั่นเป็นเพราะชาวบ้านละแวกนั้นประกอบอาชีพชาวประมงเสียส่วนใหญ่ โดยการวางอวนปูม้า ซึ่งถือว่าเป็นรายได้หลักครอบครัวชาวประมงแถบนั้น นอกจากนี้...ปูม้าที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องความสด หวาน เนื้อแน่นตึง จึงเป็นจุดเด่นของชุมชน

3. หลงรัก "เกาะเสร็จ" 

ทุ่งดอกผักบุ้งสวยๆ มีให้ถ่ายรูปตลอดทั้งปี
ทุ่งดอกผักบุ้งสวยๆ มีให้ถ่ายรูปตลอดทั้งปี

อย่าลืมว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ได้มีเพียงเกาะพะงัน หรือเกาะสมุย เพราะสถานที่แห่งนี้ได้รับสมญานามว่า เมืองร้อยเกาะ เพราะมีเกาะเป็นร้อยๆ แห่ง ถ้าจะเที่ยวก็คงเที่ยวไม่หมด แต่ถ้าจะให้แนะนำ ต้องที่นี่เลย เกาะเสร็จ เกาะเล็กที่มีเนื้อที่ไม่มาก ชายหาดด้านหนึ่งเป็นทราย ส่วนอีกด้านเป็นหาดดิเลนที่ถูกทับถมจากตะกอนทรายและตะกอนดินเลนปากแม่น้ำตาปี ตั้งอยู่ ณ ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี นั่งเรือหางยาวออกมาจากชายฝั่งแหลมโพธิ์ประมาณ 25 นาทีเท่านั้น

...

ตามตำนานของที่นี่ เล่าขานกันต่อๆ มาว่า หากใครได้มาที่เกาะแห่งนี้ และไปขอพรจาก "ศาลพ่อตาเกาะเสร็จ" สิ่งที่ขอจะสำเร็จลุล่วงตามชื่อเกาะ นอกจากนี้...เกาะแห่งนี้ยังมีความงดงามด้วยสันทรายดูแปลกตา

ทุ่งดอกผักบุ้งทะเล
ทุ่งดอกผักบุ้งทะเล

ปลูกมะพร้าวที่เกาะเสร็จ
ปลูกมะพร้าวที่เกาะเสร็จ

นอกจากความเชื่อที่เล่าต่อกันมากแล้ว เกาะเสร็จแห่งนี้ ยังสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ไม้ มีจุดถ่ายภาพสวยๆ อย่างทุ่งดอกผักบุ้งทะเล ที่มีให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพได้ตลอดทั้งปี ซึ่งพูดได้เต็มปากว่าเรายังไม่เคยเห็นทุ่งดอกผักบุ้งทะเลที่ไหนสวยงามและอุดมสมบูรณ์เท่าที่นี่มาก่อน และกิจกรรมอีกอย่างที่ขาดไม่ได้หากมาเกาะเสร็จ นั่นคือการปลูกต้นมะพร้าว เพราะการปลูกต้นมะพร้าว จะเป็นการเพิ่มไม้ยืนต้นเพื่อยึดเกาะแผ่นดินบนเกาะแห่งนี้

อีกทั้งบริเวณนี้ยังสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด โดยเฉพาะ หอย หลากหลายสายพันธุ์ ไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสได้ลงมือหาหอยด้วยวิธีแบบชาวบ้านที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นหอยขาว หอยตลับ หอยราก และที่พิเศษที่สุดคือหอยสับเค็ดที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

พี่จรินทร์ เฉยเชยชม กำลังสอนพวกเราถึงวิธีการจับหอย
พี่จรินทร์ เฉยเชยชม กำลังสอนพวกเราถึงวิธีการจับหอย

ถ้าเราลากคราดถูกวิธี จะกระทบตัวหอยเสียงดัง แก๊ก แล้วก็หยิบขึ้นมาได้เลย
ถ้าเราลากคราดถูกวิธี จะกระทบตัวหอยเสียงดัง แก๊ก แล้วก็หยิบขึ้นมาได้เลย

พี่จรินทร์ เฉยเชยชม ประธานกลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษณ์บ้านพุมเรียง ผู้ที่พาเรามาที่เกาะแห่งนี้ สอนวิธีการหาหอยแบบชาวบ้านที่ต้องให้ทั้งทักษะ ความชำนาญ และการสังเกตเพื่อหาหอยแต่ละชนิดด้วยอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งการหาหอยขาว หอยตลับทั่วไปนั้นไม่ยากเท่าไร เพียงแค่ลากคราดไปเรื่อยๆ ก็จะได้ยินเสียงคราดกระทบกับตัวหอย ก็ถือว่าสำเร็จ

แต่กับหอยรากและหอยสับเค็ดนี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลย เนื่องจากชาวประมงที่นี่ต้องใช้ความชำนาญมองหารูหอยสับเค็ด (ที่ดูเผินๆ แทบไม่ต่างจากรูปูที่มีอยู่เต็มหาด) เมื่อเห็นรูก็ต้องรีบให้เสียมขุดลงไปในทรายลึกประมาณ 1 ข้อศอก จากนั้นก็ต้องใช้ความรวดเร็วในการล้วงมือลงไปดึงหอยขึ้นมา ถ้าชักช้า...หอยจะมุดรูหนีนะจ๊ะ (กระซิบว่าครั้งแรกที่ลองจับด้วยความกล้าๆ กลัวๆ สรุปว่าหอยหนีไปได้ ครั้งที่สองไม่รีรอ รีบล้วงมือลงไป สรุปว่าได้หอยตัวโตขึ้นมา เสียงเสียงเฮจากกองเชียร์ที่มาด้วยกันได้ดีทีเดียว)

4. ลิงจั๊กๆ...เค้าบอกว่ารักจริงๆ

เมื่อพูดถึงสุราษฎร์ธานี หลายคนมักจะนึกถึงต้นมะพร้าว เมื่อคิดถึงมะพร้าวก็ต้องคิดถึงลิงสิ แต่รู้ไหมว่า...กว่าจะมาเป็นลิงเก็บมะพร้าวได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเจ้าลิงเก็บมะพร้าวต้องเข้าโรงเรียนสอนเก็บมะพร้าวด้วยนะ

โรงเรียนฝึกลิง
โรงเรียนฝึกลิง

อย่างเช่นที่นี่ โรงเรียนฝึกลิงเพื่อการเกษตรคลองน้อย ตั้งอยู่ใน ชุมชนคลองน้อย ต.คลองน้อย เดินทางเพียงไม่นานจากตัวเมืองสุราษฎร์ฯก็ถึงแล้ว ไทยรัฐออนไลน์ อยากแนะนำให้ทุกท่านมาสัมผัสกับวิถีชุมชนที่นี่ แล้วคุณจะเห็นถึงเสน่ห์ในภูมิปัญญาของชาวบ้านในพื้นที่ริมน้ำแห่งนี้

นับตั้งแต่โบราณ ชาวบ้านมักจะใช้ลิงในการเก็บมาพร้าว ซึ่งคนในชุมชนคลองน้อยจะถือว่า ลิง เหล่านี้เป็นสมาชิกในครอบครัว กินข้าว 3 มื้อเหมือนคน จึงนับได้ว่ามีความผูกพันกันมายาวนาน

น้องลิงตัวนี้ชื่อไข่ปลิ้น :)
น้องลิงตัวนี้ชื่อไข่ปลิ้น :)

ลูกลิงที่นี่ค่อยข้างคุ้นเคยกับคน
ลูกลิงที่นี่ค่อยข้างคุ้นเคยกับคน

เราแนะนำว่าคุณควรเก็บของชิ้นเล็กๆให้ดี ไม่งั้นจะโดนน้องลิงเอาไปแทะนะจ๊ะ
เราแนะนำว่าคุณควรเก็บของชิ้นเล็กๆให้ดี ไม่งั้นจะโดนน้องลิงเอาไปแทะนะจ๊ะ

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฝึกเจ้าลิงแสนซนให้ปีขึ้นไปเก็บมะพร้าวบนต้นสูงได้ ดังนั้น ลิงเด็กจึงได้รับการฝึกฝนเสียก่อน โดยเริ่มจากการฝึกใช้มือหมุนบนราวเหล็ก จากนั้นก้จะให้ลิงเริ่มหมุนมะพร้าว และให้ฝึกจนคล่องแคล่วจนกว่าจะมั่นใจให้ขึ้นต้นมะพร้าวจริง (อ่อ...ก่อนหน้านั้นต้องมีฝึกคลายเชือกด้วยตัวลิงเองด้วยนะ เผื่อน้องลิงไปเชือกพันกันบนต้นไม้ จะได้หลุดออกมาได้จ้า) ส่วนระยะเวลาในการฝึกลิงแต่ละตัวนั้นจะใช้เวลาประมาณ 40-45 วัน

ได้ชมวิธีการฝึกลิง พร้อมกับถ่ายรูปกับเจ้าลิงน้อยจนหนำใจแล้ว ที่นี่ยังมีน้ำมะพร้าวสดๆ หวาน หอม ชื่นใจไว้ให้แก้กระหายคลายร้อนด้วยนะ ฟินจริงๆ

กระท้อนขาวฟู
กระท้อนขาวฟู

ลูกจากสดๆจากต้น
ลูกจากสดๆจากต้น

ได้สนุกกับเจ้าลิงน้อย ในโรงเรียนฝึกลิง
ได้สนุกกับเจ้าลิงน้อย ในโรงเรียนฝึกลิง

หากหน้าหนาวนี้ ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ...ลองลงใต้ไปสุราษฎร์ธานี แล้วคุณจะได้พบกับวิถีชีวิตที่ไม่ได้ปรุงแต่งจากชาวบ้านที่นี่ ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันงดงามที่ผสมผสานกับอย่างลงตัว เชื่อเราเถอะ...ว่าคุณจะหลงรักจังหวัดนี้ สุราษฎร์ธานี