ภายใต้ท้องฟ้าสดสวย แสงแดดทะลุเมฆลงมาเป็นหย่อมๆ เราขับเรือเข้าไปใกล้หน้าผาชันที่เต็มไปด้วยโขดหินตะปุ่มตะป่ำ เมื่อมองจากระยะไกลๆ ตรงตีนผาดูราวกับมีโขดหินสีน้ำตาลเรียงอยู่เป็นแนว

จนเมื่อเราเข้าไปใกล้ หินบางก้อนก็ขยับตัว บางก้อนถูกทะเลดึงลงไป เราจอดเรือเล็กห่างจากฝั่งหนึ่งร้อยเมตร สวมหน้ากากและท่อหายใจ แล้วหย่อนตัวลงน้ำอย่างเงียบๆ ทันใดนั้น ก้อนหินสีน้ำตาลเหล่านั้นก็มีชีวิตขึ้นมา พวกมันคือแมวน้ำขนปุยเกาะควนเฟร์นันเดซหลายร้อยตัวนอนเกลื่อนอยู่บนฝั่ง

แมวน้ำขนปุยเกาะควนเฟร์นันเดซ ซึ่งว่ากันตามจริงคือ สิงโตทะเล เรื่องราวความสำเร็จอันน่าทึ่งของการอนุรักษ์ท้องทะเล เมื่อหนึ่งศตวรรษก่อน แมวน้ำชนิดนี้ถูกล่าจนเกือบสูญพันธุ์ ปัจจุบันบนเกาะโรบินสันครูโซ ของชิลีมีแมวน้ำชนิดนี้อยู่ดาษดื่น และยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

เป็นไปได้อย่างไรที่ชิลี ซึ่งเป็นประเทศที่จับปลาอย่างเป็นล่ำเป็นสัน กลับเป็นตัวอย่างชั้นเลิศของการฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตในทะเล

-1-

...

ชิลีเป็นประเทศรูปร่างยาวแคบ มีเทือกเขาแอนดีสเป็นกระดูกสันหลัง และผืนดินทอดตัวลงทางทิศตะวันตกสู่ มหาสมุทรแปซิฟิก ไปบรรจบกับชายฝั่งยาว 4,000 กิโลเมตร อาณาเขตนอกชายฝั่งของชิลี ครอบคลุมพื้นที่ 3.6 ล้านตารางกิโลเมตร คิดเป็นเกือบห้าเท่าของดินแดนบนผืนแผ่นดิน ชิลีจึงเป็นประเทศมหาสมุทรอย่างเด่นชัด

ชิลียังเป็นชาติประมงด้วย เมื่อปี 2010 ชิลีมีปริมาณการจับสัตว์ทะเลรวมเป็นอันดับที่เจ็ดของโลก ทว่านับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา อัตราการจับปลาเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่ไม่ยั่งยืนอีกต่อไป

โครงการทะเลพิสุทธิ์ (Pristine Seas Project) ของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก มุ่งค้นหาสถานที่ธรรมชาติ แห่งสุดท้ายในมหาสมุทร อันเป็นบริเวณห่างไกลที่แสดงให้เห็นว่ามหาสมุทรเป็นอย่างไรเมื่อ 500 ปีที่แล้ว ก่อนที่อุตสาหกรรมประมงจะตักตวงสัตว์มากมายจนหมดไปจากท้องทะเล

เราใช้ปัจจัยต่างๆ รวมถึงฐานข้อมูลจากทั่วโลกเกี่ยวกับประชากรมนุษย์ ระยะทางจากท่าเรือ และตำแหน่งของแหล่งประมง เพื่อรวบรวมและจัดทำรายชื่อสถานที่ที่มีศักยภาพในการค้ำจุนระบบนิเวศทางทะเลที่สมบูรณ์ ด้วยประวัติการทำประมงอย่างโชกโชน ชิลี ดูไม่น่าจะเป็นตัวเลือกได้เลย

-2-

ทว่าเรากลับต้องประหลาดใจ เมื่อจุดสีเขียวเล็กๆ จุดหนึ่งปรากฏขึ้นบนแผนที่ ห่างจากชายฝั่งทางตอนเหนือของชิลีไป 850 กิโลเมตร นั่นคือหมู่เกาะเดสเบนตูราดาส (ภาษาสเปนแปลว่า โชคร้าย)

เกาะหนึ่งคือ ซานเฟลิกซ์ เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือขนาดเล็ก แต่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ อีกเกาะหนึ่งคือ ซานอัมโบรเซียว ไม่มีผู้อยู่อาศัย เว้นก็แต่ชาวประมงจำนวนหยิบมือหนึ่งที่เดินทางไปที่นั่นตามฤดูกาล เพื่อจับกุ้งมังกรมาตั้งแต่ปี 1901 แล้ว

เมื่อปี 2013 เราร่วมมือกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติโอเชียนา (Oceana) ในการส่งคณะสำรวจไปยังเดสเวนทูราดาส โดยตั้งเป้าสำรวจถิ่นอาศัยทางทะเลรอบเกาะเหล่านี้ และประเมินความสมบูรณ์ ตลอดจนถ่ายทำสารคดีเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก เพื่อแบ่งปันการค้นพบของเรากับชาวชิลี

เรามาถึงซานอัมโบรเซียวหลังล่องเรือจากท่าเรืออันโตฟากัสตามาสองวัน เมื่อทอดสมอแล้ว เราขึ้นฝั่งไปเยี่ยมกระท่อมชาวประมงหลังหนึ่ง แต่ปรากฏว่าปิดตายและว่างเปล่า รอบกระท่อมมีลอบดักกุ้งมังกรวางอยู่เรียงราย

...

ลอบเหล่านั้นมีขนาดใหญ่โต คือ ยาวกว่าหนึ่งเมตร แต่สิ่งที่ทำให้เราตกตะลึงคือขนาดช่องที่เปิด ให้กุ้งมังกรเข้าไปในลอบ ซึ่งใหญ่พอจะสอดมือเข้าไปได้ ถ้าลอบใหญ่ขนาดนั้น กุ้งมังกรต้องตัวใหญ่ขนาดไหน

-3-

ในช่วงสองสัปดาห์ต่อมา เราดำน้ำแบบสกูบาและด้วยยานสำรวจรอบซานอัมโบรเซียวในช่วงเช้าและบ่าย ค้นพบโลกที่เต็มไปด้วยสรรพชีวิต ในการดำน้ำแต่ละเที่ยว ฝูงปลาที่ไม่เคยมีรายงานมาก่อนว่าพบในน่านน้ำของชิลี เวียนว่ายอยู่รอบตัวเรา

ปลาไม่เพียงมีอยู่มากมาย แต่ยังรวมกันเป็นองค์ประกอบซึ่งไม่พบในที่อื่น การศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่า ร้อยละ 96 ของปลาที่พบระหว่างการสำรวจเป็นชนิดพันธุ์ที่พบเฉพาะใน เดสเบนตูราดาส และ ควนเฟร์นันเดซ เท่านั้น

เราแบ่งปันการค้นพบกับรัฐบาลชิลี และชุมชนควนเฟร์นันเดซ รวมถึงชาวประมงกุ้งมังกร และในที่สุด ชุมชนก็เสนอให้จัดตั้งอุทยานทางทะเลที่ห้ามกิจกรรมประมงทุกชนิดรอบหมู่เกาะ พอถึงเดือนกันยายนปี 2014 รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของชิลี เอรัลโด มูโญซ และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม โคเซ อันโตเนียว โกเมซ เดินทางไปเกาะซานเฟลิกซ์เพื่อชมความอุดมสมบูรณ์นี้ด้วยตนเอง

...

วันที่ 5 ตุลาคม ปี 2015 ประธานาธิบดีชิลี มิเชล บาชเลต์ ประกาศเตรียมการจัดตั้งอุทยานทางทะเลนาซกา-เดสเบนตูราดาส (Nazca-Desventuradas Marine Park) ด้วยเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง 303,000 ตารางกิโลเมตร

อุทยานแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเลขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา ด้วยการลงมือทำเพียงเรื่องเดียวนี้ ชิลีได้เพิ่มการปกป้องน่านน้ำของตนจากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 12 ในอุทยานต่างๆ ที่ห้ามการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล.

เรื่อง เอนริก ซาลา และอเล็กซ์ มูญอซ
ภาพถ่าย เอนริก ซาลา

ติดตามเพิ่มเติม : National Geographic Thailand