ทิวทัศน์เมื่อมองจากบนเขาถ้ำเสือ.
เขาถ้ำเสืออยู่บนเขาเทือกเดียวกับวัดเขาพระ และวัดเขาดีสลัก แต่ละวัดมีเสน่ห์ต่างกันไป
วัดเขาพระมีพระพุทธรูปงามอร่ามเรือง ในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน คราวขุนแผนพานางวันทองหนีขุนช้างมาจากสุพรรณ ได้แวะไหว้พระที่วัดเขาพระนี้ เขาดีสลักมีรอยพระพุทธบาทเก่าแก่ สันนิษฐานว่าอยู่ปลายๆสมัยทวารวดี ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของอู่ทอง ส่วนวัดเขาถ้ำเสือมีกรุพระวัดถ้ำเสืออันเลื่องลือ สมัยผู้เขียนยังเป็นเด็ก ราคาองค์ละ 100,000 บาท และยังมีโบราณสถานอื่นๆอีก
ชื่อวัดเขาถ้ำเสือมาจากอะไร
พระอธิการทรงพล เหมจาโร เจ้าอาวาสวัดรูปปัจจุบัน พรายยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนเล่าว่า น่าจะมาจากสองกระแสความ กระแสความแรก มีเสือมาอาศัยอยู่ในถ้ำบริเวณวัด อีกกระแสความหนึ่ง มาจากเสือปล้นเข้ามาอาศัยอยู่ในถ้ำ พิจารณาสภาพภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมทางสังคมแล้ว ก็เป็นไปได้ทั้งสองประการ
พระอธิการทรงพล เหมจาโร
กระแส ความแรก วัดเขาถ้ำเสืออยู่ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี บ้านเกิดของนักร้องลูกทุ่งชื่อดังในอดีต สังข์ทอง สีใส เจ้าของเสียงเพลงคิดถึงบ้านเกิด รักข้ามกำแพง และโทน เป็นต้น ถิ่นนี้เก่าก่อนเต็มไปด้วยเสือปล้น มีมากกว่า 3 เสือสุพรรณในหนังเสียอีก เพราะเป็นเขตป่าที่มีรอยต่อระหว่างอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี กับเขตอำเภอพนมทวน และอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ถิ่นแถวนี้เมื่อพูดถึงเสือบ้านจรเข้สามพัน เป็นที่รู้จักกันดี
ส่วน เสือที่เป็นสัตว์อยู่ในป่า สภาพป่าก็เอื้อให้มีเสืออยู่ได้อย่างเป็นสุข
เทือกเขาถ้ำเสือทอดตัวยาวไกล บางส่วนแบ่งเขตอำเภออู่ทองกับบางอำเภอในจังหวัดกาญจนบุรี ถิ่นอำเภออู่ทองโดยเฉพาะย่านแนวเขานี้ แต่โบราณกาลเป็นสถานที่อยู่ของช้างสวยงาม มีลักษณะดี คราใดพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาต้องการช้างทรง ครานั้นจะเข้ามาจับช้างบริเวณนี้ ทำให้จังหวัดสุพรรณบุรีสมัยก่อนโพ้น มีคำขวัญทำนองว่า "ป่าช้างต้น คนสุพรรณ"
...
รูปปั้นเสือแยกเขี้ยวบนเขา.
ป่า ช้างต้น หมายความว่า เป็นถิ่นที่อยู่ของช้างต้น หรือช้างทรงของพระมหากษัตริย์ ส่วนคำว่าคนสุพรรณ หมายถึงเป็นคนจริง ใจนักเลง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแสนจะน่ารักน่าหยิกคือ เสียงเหน่อ ทำนองว่า "หากใครรักเธ้อ ต้องพูดเหน่อๆให้มันเป็น..." ประมาณนั้น
บริเวณวัด เขาถ้ำเสือมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และเต็มไปด้วยทัศนียภาพอันสวยงาม อย่างวนอุทยานพุม่วง หรือน้ำตกพุม่วง เป็นต้น
เชิงเขาถ้ำเสือ เป็นที่ตั้งของโบราณสถาน ชาวบ้านเรียกว่าคอกช้างดิน เพราะเชื่อว่าเป็นคอกช้างทำด้วยดินจริงๆ แต่นักโบราณคดีบอกว่า หลุมขนาดใหญ่ที่เห็นเป็นคอกช้างดินนั้นคือบาราย หรือไม่ก็ที่กักเก็บน้ำของคนโบราณ
ทางเดินลงเขาอันร่มรื่น.
ถ้าเป็น บาราย ก็เป็นบารายของโบราณสถานที่ตั้งอยู่เหนือคอกช้างดินขึ้นไป ยังมีหลักฐานให้เห็นคือฐานปราสาทเก่าแก่ และยังพบฐานโยนี ศิวลึงค์ และวัตถุโบราณอื่นๆอีกมากมาย ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง
บริเวณคอกช้าง ดินและเชิงเขาถ้ำเสือนี้ สมัยผู้เขียนยังเป็นทิน อู่ทอง นักเรียนมัธยมของโรงเรียนอู่ทอง เคยมาหาเห็ดโคนและไล่นกคุ่มกับเพื่อนๆ โดยไม่รู้เลยว่าเป็นแหล่งโบราณสถานสำคัญ
เลยคอกช้างดินบริเวณเชิง เขาขึ้นไป กราบนมัสการพระอธิการทรงพล เหมจาโร เจ้าอาวาสวัด น้อมรับพระถ้ำเสือรุ่นใหม่คนละองค์ แล้วเดินตามทางเล็กๆไปทิศเหนือ ไต่เขาขึ้นไปเล็กน้อยก็ได้ไหว้พระพุทธรูปเก่าแก่บนเพิงผา
พระพุทธรูปที่ "โกลน" ไว้บนหน้าผา.
พระพุทธ รูปองค์นี้ เจ้าอาวาสบอกว่า น่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์สร้างสรรค์ไว้ แต่ทำไม่สำเร็จ ได้แต่ร่างภาพ แล้วสลักไว้เล็กน้อย พอให้เห็นเป็นรูปพระ ชาวบ้านเรียกว่า "โกลน"
เป็นคำว่าโกลนคำเดียวกับในคำพังเพยว่า ติเรือ ทั้งโกลน หมายความว่า ติติงคนต่อเรือ ทั้งๆที่คนต่อเรือนั้นยังทำไม่เสร็จ แต่โดยนัยคือ เห็นเขาทำอะไรก็วิพากษ์วิจารณ์ไปก่อนแล้ว ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าผลของการกระทำนั้นจะออกมาอย่างไร เหมือนอย่างนโยบายปรองดองของรัฐบาล เป็นต้น
รูปพระที่เพิงผาอยู่ใน อิริยาบถยืน มองพอเห็นเค้าว่าเป็นพระ แต่คนบาปหนามากๆ อาจจะเห็นเป็นอย่างอื่นได้ โชคดีที่คณะเราไม่มีใครเห็นเป็นอย่างอื่น จึงพากันรู้สึกอิ่มบุญไปตามๆกัน
...
พระพุทธรูปที่เกิดจากหยดน้ำอีกหน้าผาหนึ่ง.
เมื่อ ไม่เห็นเป็นอย่างอื่น เราก็นมัสการลาด้วยดวงตาเห็นพระ แต่ยังไม่เห็นธรรมมากนัก เพราะกิเลสยังหนา เนื่องจากอยากเห็นของสำคัญๆในวัดอีก จึงเดินย้อนกลับมายังวัดถ้ำเสือ ผ่านปากถ้ำเสือที่อยู่ของกรุพระขึ้นไปด้านบน คราวนี้พบพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง ชาวบ้านบอกว่าเกิดขึ้นจากหยดน้ำ
นาย แมน บุญอินทร์ ชาวบ้านตำบลจรเข้สามพัน บอกว่า อายุของพระพุทธรูปน่าจะประมาณ 1,000 ปีแล้ว รูปร่างที่เห็นเกิดจากน้ำหยดลงมาจากภูเขา สั่งสมตะกอนจนเกิดเค้าเป็นพระพุทธรูป เพ่งพิจารณาก็เห็นรอยคลื่นหยดน้ำเล็กๆ เป็นชั้นๆ ทำให้บางคนยกมือไหว้อีกครั้ง ด้วยความอัศจรรย์ของธรรมชาติ
เรา พร้อมใจกันนมัสการลา ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อดวงตาเห็นผลงานของธรรมชาติสร้างสรรค์แล้ว ใครบ้างที่มองพระแล้วเห็นธรรม หวั่นๆอยู่แต่ว่า มองพระแล้วเห็นเป็นตัวเลขเสียมากกว่า
...
พระปางไสยาสน์บนชะง่อนเขา.
ใกล้ หน้าผาพระพุทธรูป เราเดินไปยังจุดชมวิวทิวทัศน์ หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เห็นเขาไผ่ล้อมโดดเด่น ถัดไปไร่อ้อยของชาวบ้านเป็นแนวยาว บางชะวากเวิ้งเป็นทุ่งนาเขียวขจี
ลดสายตาลงมาใกล้ตัว ใกล้จุดชมวิว มีสระน้ำอยู่ 1 สระ
ลักษณะการ ก่อสร้าง ใช้ปูนซีเมนต์ยึดก้อนหินที่นำมาเรียงไว้เป็นคันสระ ที่เก็บน้ำก็อาศัยร่องน้ำบนเขาโดยไม่ต้องขุดเจาะ จุดประสงค์คือ เพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้หน้าแล้ง ผู้ใช้น้ำนอกจากพระ เณร ที่อยู่ในวัดแล้ว ยังเผื่อแผ่ให้กับคนเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย และสัตว์ต่างๆอีกด้วย
สระน้ำ สุรพล สมบัติเจริญ.
กุศล จากการสร้างสระน้ำนี้ ผู้ได้รับคือ สุรพล สมบัติเจริญ ราชานักร้องลูกทุ่งแห่งเมืองสุพรรณ ที่มาทอดผ้าป่าให้วัดเขาถ้ำเสือแล้วสร้างไว้ หลังจากนั้นก็ลาแฟนเพลงไปเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2511 หลังจบการแสดงบนเวทีที่วัดหนองปลาไหล จังหวัดนครปฐม
สระน้ำขนาดไม่ใหญ่นัก ฤดูฝนน้ำมีมาก แต่เมื่อถึงฤดูแล้ง น้ำมักแห้งผาก เพราะรั่วซึมออกได้ ถึงกระนั้นสระน้ำก็กลายเป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ และยืนยันความศรัทธาต่อพุทธศาสนาของราชาเพลงลูกทุ่งไทยได้เป็นอย่างดี
เหนือสระน้ำขึ้นไปมีเจดีย์ทรงเรขาคณิตโดดเด่น
...
ธรรมเจดีย์
บนเขามีเจดีย์ถึง 5 องค์ แต่เหลือเพียงฐานเท่านั้น รูปร่างเจดีย์เก่าก่อนเป็นอย่างไรไม่อาจสืบค้นได้ เจดีย์ทรงแปลกนี้สร้างต่อจากฐานเดิม แล้วตั้งชื่อว่า ธรรมเจดีย์ รายล้อมด้วยเงาไม้ร่มรื่น มองไปทางไหนเห็นแต่ไม้เขียวขจี บางจุดดอกไม้ป่าอวดสีสัน เหมือนประกาศความงามของกลีบอันบอบบาง
สาเหตุ ที่เจดีย์ทั้ง 5 พังหมดเหลือให้ดูแต่ฐาน ที่เหลืออยู่ ประการหนึ่งมาจากกาลเวลาทำร้าย อีกประการหนึ่งมาจากคนทำลาย เนื่องจากขุดค้นของเก่าในเจดีย์ คนขุดค้นของเก่าที่ขึ้นชื่อในประเทศไทยก็ไม่ได้มาจากถิ่นอื่นไกล
คนสุพรรณบ้านเรานั่นเอง.