สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านชาวไทยรัฐออนไลน์ทุกท่าน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราก็เพิ่งทราบข่าวเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวได้พลัดตกเขาช้างเผือก จ.กาญจนบุรี และตอนนี้ได้ปิดเขาอย่างไม่มีกำหนด

แต่นับว่าโชคดีที่ แบกกล้องเที่ยว เพิ่งได้มีโอกาสไปขึ้นเขาลูกนี้มาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก็เลยอยากมาเล่าประสบการณ์การเดินทางครั้งนี้ให้เพื่อนๆ ได้ฟังว่าแท้จริงแล้วเขาลูกนี้สวยแต่อันตรายจริงหรือ?

เขาช้างเผือก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

...

การเดินทางไปยังยอดเขาช้างเผือก จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อลงทะเบียนรายชื่อคนที่ขึ้นเขา ในแต่ละวันทางอุทยานฯ มีการจำกัดคนบนเขาไว้ที่ 60 คน เพราะพื้นที่กางเต็นท์บริเวณยอดเขามีพื้นที่จำกัด เขาช้างเผือกจะเปิดช่วงเดือน ธันวาคม - กุมภาพันธุ์ จะเปิดให้ลงชื่อจองล่วงหน้า 7 วัน โดยให้โทรศัพท์จองตั้งแต่ 8 โมงเช้า เราจะต้องเตรียมชื่อเพื่อน 10 คน พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชนให้พร้อม ถ้าโทรติด ต้องแจ้งชื่อ ณ ตอนนั้นเลย หลังจากโทรติดต้องส่งเมล สำเนาบัตรประชาชนของทุกคนให้เจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชม. วันไปต้องไปลงทะเบียนที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิก่อนถึง ปิล็อค 9 กม.

การเดินขึ้นสู่เขาช้างเผือก จะเริ่มจากบริเวณหลังหมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ เป็นระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงในการเดินขึ้นไปจนถึงจุดกางเต็นท์ เดินช่วงแรกจะผ่านป่าโปร่งๆ เป็นเนินเขาเตี้ยบ้าง สูงบ้าง เป็นเนินทุ่งหญ้าที่มีวิวสวยๆ ระหว่างทางให้ถ่ายรูป ช่วงนี้แดดค่อนข้างร้อน จากนั้นก็จะเป็นการเดินตามเชิงเขาบ้าง สันเขาบ้าง ช่วงนี้จะเป็นทุ่งหญ้าความสูงพอท่วมหัว แล้วจึงจะถึงจุดตั้งแคมป์ การเดินทางให้ถึงบริเวณยอดเขาช้างเผือก จะต้องเดินไปจากจุดตั้งแคมป์อีกประมาณ 500-600 เมตร และจะต้องผ่านจุดที่ถือเป็นไฮไลต์ของเขาช้างเผือก คือช่วงที่เรียกว่า "สันคมมีด" หรือ “สันวัดใจ"

...

...

เมื่อพ้นช่วงสันคมมีด จะเป็นเนินเขาที่ให้เดินต่อไปจนถึงจุดสูงสุดของเขาช้างเผือก ที่ความสูง 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเล จุดนี้จะเป็นจุดที่สามารถเห็นวิวได้รอบตัวแบบ 360 องศา ไม่มีต้นไม้ใหญ่บดบังทิวทัศน์ ใครที่ได้มาถึงจุดนี้แล้วล่ะก็ อย่าลืมถ่ายรูปคู่กับป้ายพิชิตยอดเขา เพื่อเป็นที่ระลึกว่าได้ผ่านการทดสอบการเดินทางสู่เขาช้างเผือก

...

ส่วนตรงจุดที่นักท่องเที่ยวพลัดตกนั้น จะอยู่ที่ทางลงเล็กๆ ตรงเนินลูกแรก หลังจากลงมาจากยอด ซึ่งตรงนี้จะเป็นทางเดินแคบๆ พอให้คนแค่คนเดียวเดินผ่านไปได้ ส่วนสองข้างทางนั้นจะเป็นเหวลึกลงไปเลยครับ ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เพราะคนส่วนใหญ่จะมัวแต่ระวังกันตรง สันคมมีด ซึ่งบริเวณนั้นจะมีเจ้าหน้าที่อุทยาน คอยดูแลให้ความช่วยเหลืออยู่หลายท่าน

การเดินทางขึ้นเขาช้างเผือก ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งวัน จึงไม่สามารถเดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับได้ บนเขาไม่มีร้านค้า ร้านอาหารหรือที่พัก นักท่องเที่ยวต้องนำเสบียงอาหารไปทำกินเอง โดยจ้างลูกหาบขนสัมภาระขึ้นไปตั้งแคมป์ค้างคืนบนยอดเขา และควรเตรียมอาหารระหว่างทาง และน้ำดื่มให้เพียงพอด้วย นอกจากนี้ บนเขายังไม่มีแหล่งน้ำดื่มน้ำใช้ด้วย

ค่าใช้จ่าย
ค่าธรรมเนียมอุทยาน 40 บาท
ค่าเจ้าหน้าที่ 10 คน 1,800 บาท
ค่าลูกหาบ คนละ 1,300 บาท แบกของได้ไม่เกิน 30 กก.
ค่าอาหาร เตรียมไปเองคนละ ไม่ถึง 500 บาท
ค่าน้ำมันคันละ 2,500 (กทม.-ปิล็อค)

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
เต็นท์ ถุงนอน แผ่นปูนอน
เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว(ยีนส์) หมวกปิดหัวคอ รองเท้าผ้าใบ รองเท้าแตะ(ไม่ค่อยได้ใช้)

สุดท้ายแล้วก็อยากจะฝากถึงการเดินทางท่องเที่ยวไปยังทุกที่ ควรใช้ความระมัดระวังตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปที่ไหน ไม่ควรประมาท ตามองทาง อย่ามัวแต่มองโทรศัพท์ หรือกล้องถ่ายรูป มีสติตลอดเวลาด้วยครับ จะได้ท่องเที่ยวอย่างมีความสุขและปลอดภัย

ที่มา - แบกกล้องเที่ยว
www.baagklong.com 
www.facebook.com/baagklong