เก็บตกส่งท้ายเทศกาลกินเจ กับเกร็ดน่ารู้เล็กๆ น้อยๆ ของเทศกาลถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต ที่ถือว่าเป็นเทศกาลยิ่งใหญ่ระดับประเทศที่คุณน่าไปเที่ยวชม และซึมซับบรรยากาศแห่งพลังศรัทธาให้ได้สักครั้งในชีวิต

วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ จะชวนมาทำความรู้จักว่า ทำไมเทศกาลนี้ถึงต้องมีม้าทรง ทำไมต้องทรมานร่างกาย ตำนานการกินผัก รวมถึงขบวนแห่เกี้ยวเง็กเซียนฮ่องเต้ และการจุดประทัดอย่างบ้าคลั่งทั้งวันทั้งคืน!

1. เจี๊ยะฉ่ายกันมั้ย?

ประเพณีถือศีลกินผัก ชาวบ้านเรียกว่า เจี๊ยะฉ่าย หมายถึง งานเฉลิมฉลององค์เก้าราชัน เป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่มากของจังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันไม่เฉพาะชาวไทยเท่านั้นที่รู้จัก แต่ชาวเชื้อสายจีนทั่วโลกก็รู้จักประเพณีนี้เช่นกัน ประเพณีนี้จะจัดในช่วงเดือนเก้าหนึ่งค่ำ ไปจนถึงเดือนเก้าเก้าค่ำ ตามปฏิทินจีน

2. มณฑลกังไส ต้นตำรับถือศีลกินผัก

ประเพณีถือศีลกินผักเมืองภูเก็ต เริ่มมีครั้งแรกที่อำเภอกะทู้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2368 เป็นต้นมา โดยอัญเชิญธูปติดไฟ คัมภีร์ บทสวดมนต์ และอุปกรณ์ทุกอย่างมาจากเมืองกังไส (กวางไส) สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อมาประกอบพิธีกรรมให้ถูกต้อง

...

3. วันนี้คุณ เช้ง หรือยัง?

ชาวภูเก็ตหรือบาบ๋า (ลูกครึ่งชาวจีนโพ้นทะเลและชาวพื้นเมือง) ได้สืบทอดประเพณีเจี๊ยะฉ่ายมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ หรือที่ชาวจีนเรียกว่า ‘เช้ง’ โดยเฉพาะคนที่จะมาเป็นม้าทรงในพิธีต่างๆ ต้องรักษาศีลให้เคร่งครัด คือต้องเช้งทั้งกาย วาจา ใจ

4. ตำนานโรคระบาด

ในอดีตชาวจีนโพ้นทะเลอพยพย้ายถิ่นมาที่เมืองกะทู้ จ.ภูเก็ต มาทำงานเป็นกุลีในเหมืองแร่ ต่อมาเจออหิวาตกโรคระบาดหนักที่กะทู้ ชาวจีนล้มหายตายไปจำนวนมาก คนที่เหลืออยู่นึกขึ้นได้ว่าสงสัยต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อที่จะแก้เหตุเภทภัยครั้งนี้ ก็เลยนึกถึงประเพณีถือศีลกินผักที่อยู่ที่ประเทศจีนที่เคยทำกันมา ชาวจีนอพยพจึงไปอัญเชิญเทพโดยใช้สัญลักษณ์เป็นหม้อกระถางธูป มาจากมณฑลกังไส ล่องเรือสำเภามาที่ท่าเรือสะพานหิน แล้วแห่ขึ้นบกมาสถิตไว้ที่ศาลเจ้ากะทู้ และเริ่มถือศีลกินผัก ลูกหลานคนจีนจึงสืบทอดประเพณีนี้ต่อๆ กันมา

5. ชุมชนเข้มแข็ง ปึกแผ่นมั่นคง

ชาวภูเก็ตเชื่อว่าประเพณีนี้จะช่วยปัดเป่าเภทภัย เสริมโชคชะตา เปรียบเสมือนการทำสิ่งดีๆ ให้แก่ตัวเอง ผู้คนนิยมขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประสบความสำเร็จ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง และอายุยืนยาว (เรียกว่า ฮกลกซิ่ว) อีกทั้งหากมองในบริบททางสังคม พิธีนี้ยังสร้างความเป็นปึกแผ่นของชุมชนโดยผ่านความเชื่อเรื่องเทพเจ้าอีกด้วย

6. ทำไมต้องไหว้ม้าทรง?

เทศกาลถือศีลกินผักของภูเก็ตจะมี ‘พิธีแห่พระ’ อ๊ามหรือศาลเจ้าแต่ละแห่ง จะตั้งขบวนแห่หม้อกระถางธูปมงคลและเง็กเซียนฮ่องเต้มาสถิตไว้ที่อ๊ามของตน โดยในขบวนแห่พระนี่แหละที่มี 'ม้าทรง' แต่งตัวเป็นเทพองค์ต่างๆ เช่น เจ้าแม่กวนอิม นาจา ม้าศึก กวนอู (องค์เทพจะนั่งอยู่บนไหล่ม้าทรง ไม่ได้สิงในร่าง) ใช้เหล็กแหลมเสียบแทงทรมานร่างกาย เพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์แห่งองค์เทพ ประชาชนก็จะมาตั้งโต๊ะรับพระหรือรับเทพที่หน้าบ้านของตัวเอง เวลาม้าทรงเดินมาที่โต๊ะก็จะกราบไหว้ขอให้ม้าทรงช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป และขอพรให้การค้าเจริญรุ่งเรือง

...

7. จุดประทัดทั้งวันทั้งคืน ก็ภูเก็ตนี้แหละ!

ระหว่างที่เทศกาลนี้ดำเนินไป 9 วัน 9 คืน คนภูเก็ตจะจุดประทัดกันอยู่ตลอด เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ แต่ปัจจุบันมีการจุดประทัดกันมากขึ้นเหมือนเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลไปในตัว ยิ่งในช่วงเช้าที่มีพิธีแห่พระ ก็จะยิ่งจุดกันมากเหมือนสงครามย่อมๆ โดยจุดประทัดเสลี่ยงเล็กวางไว้ที่พื้นก่อนขบวนแห่จะผ่านหน้าบ้าน (บางคนก็จุดใส่ม้าทรง) เชื่อกันว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ และรับโชคดี

...

8. เกี้ยวเง็กเซียนผ่าน ต้องนั่งลง!

หลังจากที่ม้าทรงร่วมเดินขบวนไปเกือบพันองค์ ช่วงสุดท้ายของขบวนแห่ จะเป็นขบวนของเง็กเซียนฮ่องเต้ ที่ชาวเมืองอัญเชิญมาไว้ในเกี้ยว หน้าเกี้ยวจะมีธงฉัตรทอง 3 ชั้น เวลาที่ขบวนนี้ผ่านหน้าบ้าน ประชาชนทุกคนต้องนั่งลง ห้ามยืน เนื่องจากเง็กเซียนฮ่องเต้เป็นราชันของเทพทั้งปวง ต้องให้ความเคารพสูงสุด

...

9. ลุยไฟสะเดาะเคราะห์

พิธีโกยโห้ยหรือพิธีลุยไฟ จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงเทศกาลถือศีลกินผักเมืองภูเก็ต เป็นพิธีกรรมเพื่อชำระพลังไม่ดีออกจากร่างกาย ม้าทรงที่จะมาลุยไฟต้องเช้ง คือถือศีลอย่างเคร่งครัดจนบริสุทธิ์ผ่องใสก่อนมาร่วมพิธี เชื่อว่าองค์เทพที่ประทับม้าทรง จะมาลุยไฟเพื่อสะเดาะเคราะห์ให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

10. ปีนบันไดมีด ที่เดียวในโลก!

อีกหนึ่งพิธีที่หาชมยาก ว่ากันว่าตอนนี้เหลือแค่ที่นี่ที่เดียวในโลก นั่นคือ พิธีขึ้นบันไดมีด หรือพิธีคี่โต่ทุ้ย เป็นพิธีกรรมที่ม้าทรงจะต้องปีนบันไดมีด 72 ขั้น เพื่อรับเคราะห์แทนชาวบ้าน และเพื่ออวยพรให้ชาวบ้านที่เข้าร่วมงานประเพณีให้มีความสุข


แถมท้าย!
ชาวภูเก็ตเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนมากถึง 80% บรรพบุรุษเป็นจีนฮกเกี้ยนที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่นี่ และจากความโด่งดังของเทศกาลถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต ทำให้เป็นที่รู้จักในแถบประเทศเพื่อนบ้าน คนเชื้อสายจีนจากประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เดินทางมาร่วมพิธีที่ภูเก็ตแทบทุกปี เพราะเชื่อว่าถ้าได้มาร่วมพิธีนี้ที่เมืองไทยแล้ว เมื่อกลับไปทำธุรกิจรู้สึกว่าการค้าเจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขึ้น จึงไม่แปลกใจที่พลังศรัทธาจะแผ่ไปกว้างไกลขนาดนี้