ปีนี้ไม่ค่อยได้เที่ยวหน้าฝนอย่างที่ตั้งใจไว้สักเท่าไหร่ กำลังนั่งเซ็งตัวเอง แต่เหมือนสวรรค์มาโปรด จู่ๆ พี่สาวคนสนิทก็ชวนไปเที่ยวเชียงรายซะงั้น นี่แทบกรี๊ดใส่โทรศัพท์ ยิ่งหน้าฝนแบบนี้เชียงรายยิ่งเขียวชอุ่ม สดชื่นเย็นสบาย ใจลอยไปถึงก่อนตัวซะอีก แทบไม่ต้องคิดเราตอบว่า 'ไปค่ะ' (ไม่ไปก็บ้าแล้ว)

หลังจากไปลุยเที่ยวใกล้กรุงมาแล้ว (อ่านเพิ่ม : ลุยเดี่ยวก่อนใคร! Miami Bayside) I TOUR ALONE สัปดาห์นี้ ฮัมมิ่งเบิร์ดขอพาไปเปิดหูเปิดตาต่างจังหวัดบ้างเนอะ ชวนไปสัมผัสอากาศเย็นสุดชื่นของฤดูฝนที่ จ.เชียงราย ดินแดนเหนือสุดของไทย พร้อมจิบชา กาแฟ จากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดในประเทศ พร้อมแล้วมาทัวร์ด้วยกันทางนี้จ้า...

-1-

แลนดิ้งที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงช่วงเช้า อากาศกำลังดี ไม่ร้อน ไม่มีฝน งานนี้เที่ยวชิลแน่ๆ อีกอย่างที่เรามาเที่ยวช่วงนี้ เพราะได้ยินมาว่าทางจังหวัดกำลังชูเรื่องชากาแฟคุณภาพสูงเป็นจุดแข็งของการท่องเที่ยว ใครมาที่นี่แล้วต้องชิมให้ได้ รวมถึงการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงเชียงรายสู่ GMS (ความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงของ 6 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม จีน-ยูนนาน) และอาเซียน เพื่อกระตุ้นเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างไทยและเพื่อนบ้านให้เข้มแข็งไปด้วยกัน

...

เขาเคลมว่าเขาเก่งเรื่องชากาแฟใช่ป่ะ? รอไรล่ะ...ไปค่ะพี่สุชาติ! ไปชิมกันดีกว่า เราขอเริ่มจาก 'ชา' ก่อนแล้วกัน โด่งดังที่สุดของเชียงรายก็คือ ชาอู่หลง ชาแดง และชาหอมหมื่นลี้ มีปลูกกันตามดอยต่างๆ ทั่วเชียงราย แอบได้ยินว่ามีถึง 9 ดอย ถ้าอยากชิมครบทุกดอยคงต้องฝังตัวอยู่ที่นี่สักเดือนนึง

เราได้ลองชิมชาอู่หลงเบอร์ 12 เป็นชาอ่อน แต่หอมและชุ่มคอกำลังดี ส่วนใครที่ชอบชาแก่ๆ ต้องชิมอู่หลงเบอร์ 17 19 และ 21 (เข้มขึ้นตามลำดับ ยิ่งเข้มยิ่งแก่ ยิ่งหอม และมีสรรพคุณทางยา) ชาแดงคนก็นิยมเช่นกัน หอมและให้สีสวย ส่วนชาหอมหมื่นลี้ตัวนี้ดีที่สุด แพงที่สุด ผลิตจากดอกหอมหมื่นลี้แท้ๆ

มาถึง 'กาแฟ' ของเชียงราย เขาได้รับการวิจัยและทดสอบคุณภาพแล้วว่า เป็นกาแฟอาราบิก้าคุณภาพดีที่สุดในไทย เทียมเท่ากาแฟแถบบราซิล เพราะมีพื้นที่ปลูกอยู่สูงกว่า 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และมีพิกัดอยู่ตรงกับเส้นศูนย์สูตรพอดี (เหมือนบราซิล) ทำให้ได้กาแฟที่มีคุณภาพสูง ได้แก่ กาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง กาแฟดอยคำ กาแฟดอยแม่จันใต้ เป็นต้น คอกาแฟห้ามพลาด!

ไม่ใช่แค่ดื่มอร่อย แต่ยังนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ความงามได้ด้วย เราได้ไปลองทำสปากาแฟที่ บ้านชลสุวรรณ สปา เขานำกากกาแฟมาทำเป็นสครับล่ะ เก๋ไปอีก เราได้ลองกากกาแฟผสมมะขามเปียกและนมสด ช่วยให้ผิวนุ่มและสว่างใสขึ้น หลังจากขัดผิวประมาณ 15 นาที พอล้างออกรู้สึกเลยว่าผิวสะอาดลึก จับดูรู้สึกทันทีว่าผิวเนียนนุ่มขึ้น แต่เรื่องความขาวใสเราว่าไม่เท่าไหร่ อาจต้องทำต่อเนื่องถึงจะเห็นผล

อีกอย่างที่ต่อยอดได้อย่างน่าประทับใจก็คือ การคิดค้นเครื่องดื่ม Signature Drink ของเชียงรายโดยเฉพาะ เราบุกไปชิมกันที่ร้าน 'ฟิกเกอร์แอนด์กราวด์' ร้านกาแฟสุดชิคแห่งเมืองเชียงราย ซึ่งเครื่องดื่มที่ว่ามี 2 เมนู คือ Chiangrai Hug และ Chiangrai Baby Hug มีส่วนผสมหลักเหมือนๆ กัน โดยนำวัตถุดิบเด่นของเชียงรายมารวมไว้ในแก้วเดียว ทั้งชาอู่หลง กาแฟเอสเปรสโซ่ น้ำสับปะรดนางแล น้ำเสาวรสดอยคำ นอกจากนี้ก็เพิ่มน้ำมะนาว น้ำเชื่อม และซินนามอนไซรัปเข้าไปด้วย

...

ทำเองก็ได้ง่ายๆ นำทุกอย่างเทรวมกันในเชกเกอร์(ยกเว้นกาแฟ) เติมน้ำแข็ง จากนั้นเขย่าแรงๆ ประมาณครึ่งนาทีแล้วเทใส่แก้ว ตามด้วยรินน้ำกาแฟด้านบนเล็กน้อย ออกมาเป็นเมนู เชียงรายเบบี้ฮัก แต่ถ้าอยากดื่ม เชียงรายฮัก ก็แค่เพิ่มวอดก้าเข้าไปในขั้นตอนการผสม เติมน้ำแข็งแล้วเขย่าเหมือนเดิม เทใส่แก้วแล้วโรยน้ำกาแฟ แค่นี้ก็เรียบร้อย

-2-

วันถัดมา เราไปเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในเชียงรายกันบ้าง จากที่พักเรามุ่งหน้าสู่ อ.แม่สาย เพื่อไปลงเรือนำเที่ยวชมความงามริมสองฝั่งโขงที่ 'ท่าเรือภูเข้า' เอาจริงๆ ป่ะ เราเพิ่งจะรู้ว่ามีเรือท่องเที่ยวแบบนี้ด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นเรือโดยสารติดแอร์ ชื่อว่า แม่โขงเดลต้า เป็นเรือยาว 40 เมตร กว้าง 5 เมตร สูง 2 ชั้น ได้ลองนั่งแล้วชอบจัง เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ประทับใจทีเดียว อารมณ์คล้ายๆ นั่งเรือสำราญ มีห้องน้ำ ห้องอาหาร ที่นั่งกว้างขวาง 120 ที่นั่ง ไม่เมาเรือด้วย ฟินสุดๆ

ปัจจุบันเรือแม่โขงเดลต้าให้บริการพาเที่ยวแม่น้ำโขงตอนบน ในเส้นทางเชียงราย-เชียงของ มีบริการดูหนัง คาราโอเกะ อาหาร เครื่องดื่ม ตลอดเส้นทาง มีระบบความปลอดภัยระดับสากล ระหว่างทางมองเห็นฝั่งลาว เห็นคิงส์โรมัน (กาสิโนชื่อดังของประเทศลาว) ชุมชน วัดริมน้ำ และสามเหลี่ยมทองคำ

อ้อ! เขากำลังจะเปิดตัวเรือท่องเที่ยวใหม่อีก 2 ลำคือ เรือกาสะลองคำ เป็นเรือปรับอากาศไฟเบอร์ขนาด 2 ชั้น ยาว 24 เมตร กว้าง 4.10 เมตร รองรับได้ 80 ที่นั่ง มีเรดาห์และจีพีเอส มีระบบความปลอดภัยสูง พร้อมความสะดวกสบายครบครัน และเรือกาสะลองคำ 2 เรือขนาด 2 ชั้น ยาว 26.80 เมตร กว้าง 5.20 เมตร รองรับได้ 116 ที่นั่ง บริการ 2 เส้นทางระหว่างประเทศ คือ เชียงราย-สิบสองปันนา และ เชียงราย-หลวงพระบาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง

...

พอตะวันเริ่มคล้อยบ่ายเราขึ้นเรือที่ด่านเชียงแสน ไปนั่งรถรางเที่ยวชมย่านเมืองเก่าเชียงแสน มีอายุราว 729 ปี (เมืองถูกสร้างเมื่อ พ.ศ. 1830) ที่นี่ยังคงมีซากกำแพงเมืองอยู่ค่อนข้างสมบูรณ์ ไฮไลต์เด็ดอยู่ที่โบราณสถานอย่าง เจดีย์วัดป่าสัก เป็นเจดีย์ที่มีความสวยงามและสมบูรณ์มากที่สุดองค์หนึ่ง ในเชียงแสน มีศิลปะแบบล้านนาโบราณ ถูกสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และบริเวณวัดได้ปลูกต้นสักไว้กว่า 300 ต้น

อีกแห่งที่สวยงามเช่นกัน คือ วัดเจดีย์หลวง เป็นวัดหลวงขนาดใหญ่ มีเจดีย์ประธานองค์ใหญ่มากๆ มีวิหาร และเจดีย์รายอีกหลายองค์ เราได้ชมพระพุทธรูปที่ยังเป็นของเดิม เก่าแก่ขรึมขลัง ว่าแล้วก็เข้าไปสักการะเสียหน่อย...

-3-

วันสุดท้ายของทริปนี้ เราเดินทางไปชมวิธีการทำกระดาษสาที่ จินนาลักษณ์ มิราเคิง ออฟสา ผลิตภัณฑ์แฮนด์เมดที่โด่งดังไปไกลถึงประเทศเยอรมนี เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เขาส่งออกได้มากถึง 70% นอกจากนี้ยังมีการรวมกลุ่มกันทำวิจัยและผลิต ไหมทองคำ เส้นไหมสีทองที่มาจากหนอนไหมตัวเป็นๆ นี่แหละ เขาเพาะจนได้สายพันธุ์ที่ดีที่สุด ที่สามารถผลิตใยไหมทองที่มีสารบำรุงผิวอย่าง เซริซิน บริสุทธิ์ (Sericin) ออกมา

เซริซิน เป็นโปรตีนที่มีโมเลกุลใกล้เคียงกับผิวมนุษย์ เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เต็มไปด้วยกรดอะมิโน 18 ชนิด ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น และชุ่มชื้น ช่วยเคลือบใบหน้าให้ปลอดภัยจากรังสี UVA และ UVB ลดริ้วรอยลึก กระชับรูขุมขน ช่วยลดการอักเสบของสิว ช่วยผลัดเซลส์ผิว ลดการสร้างเม็ดสี จึงทำให้ผิวกระจ่างใส ในทางการแพทย์ ก็มีการใช้แผ่นใยไหม ช่วยในการสมานแผล และสร้างเนื้อเยื่อให้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย

จากนั้นเราไปพักเติมความสดชื่นที่ร้านกาแฟชื่อ ซังวา คาเฟ่ ตั้งอยู่ริมทางระหว่างอำเภอเชียงของ ไปยัง อำเภอเทิง ที่นี่มีกาแฟ ชา และเบเกอรี่ต่างๆ รสชาติดี นั่งดื่มนั่งชิล ชมวิวทุ่งข้าวอ่อนสีเขียวๆ สบายตา นอกจากนี้เขายังมี พิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำ จัดแสดงผ้าทอมือพื้นเมืองของชาวไทลื้อให้ได้ชมอีกด้วย

ก่อนกลับขอแวะ ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน (ว.วชิรเมธี) สักนิด ไปทำบุญ ไหว้พระ ชมงานศิลปะที่สอดแทรกคำสอนทางธรรมต่างๆ ไว้อย่างลงตัว ที่นี่นอกจากจะเป็นสถานปฏิบัติที่มีชื่อเสียงของเชียงรายแล้ว ตอนนี้ยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย สามารถเข้าไปเที่ยวชมธรรมชาติ ช็อปของฝาก ทานอาหาร และมีร้านเครื่องดื่มชากาแฟ ภายในศูนย์ฯ แห่งนี้ด้วย

เข้ามาแล้วก็รู้สึกสบายใจ สงบเงียบ ร่มรื่น โดยเฉพาะการได้ลอดอุโมงค์กล้วยไม้สวยอลังการ ชอบตรงนี้นี่แหละ...ถือว่ามิชชั่นคอมพลีตล่ะ กลับกรุงได้อย่างสบายใจ เอาเป็นว่าใครมีเวลาว่างลองขึ้นเหนือไปเที่ยวเชียงรายดูนะ ช่วงนี้น่าเที่ยวเป็นพิเศษ เชียงรายเป็นเมืองสุดชิคที่สนุกกว่าที่คิดนะ จะบอกให้!