ใครเป็นขาเที่ยวสายลุย ยกมือขึ้น! ถ้าคุณมั่นใจว่าร่างกายฟิตมากพอ และชอบท่องเที่ยวแนวปีนเขาขึ้นไปชมวิวสวยๆ บนที่สูงล่ะก็ ต้องไม่พลาดการเดินทางไปชมนครสาบสูญแห่งอินคาอย่าง มาชู ปิกชู ให้ได้สักครั้งในชีวิต
อย่าคิดว่ามันไกลเกินเอื้อม เพราะมีแบ็กแพ็กเกอร์หนุ่มชาวไทย ไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้มาแล้ว คู่มือเที่ยว ไทยรัฐออนไลน์ สัปดาห์นี้เราเลยคว้าตัว ปาวี ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม แบ็กแพ็กเกอร์คนนี้มาพูดคุยและให้คำแนะนำในการเตรียมตัวไปเที่ยวชม มาชู ปิกชู เป็นของฝากขาเที่ยวชอบลุยกันสักหน่อย
ส่วนจะต้องทำยังไงบ้าง ตามมาดูทางนี้...
1. ที่ตั้งและอดีตอันรุ่งเรือง
มาชู ปิกชู (Machu Picchu) เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในประเทศเปรู เรียกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ฮอตฮิตของบรรดาแบ็กแพ็กเกอร์จากทั่วโลก นอกจากได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโกแล้ว ยังได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย
...
มาชู ปิกชู ตั้งอยู่ห่างจากเมืองคุซโค (Cusco) ประเทศเปรู ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 70 กม. บนยอดทิวเขาอยู่สูงประมาณ 2,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่เป็นศูนย์กลางที่มีความสำคัญทางโบราณคดีของอเมริกาใต้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาเยือนประเทศเปรูได้จำนวนมากในแต่ละปี
2. สกุลเงิน และอัตราค่าแลกเปลี่ยน
สกุลเงินของเปรูคือ เปรูเวียนโซเรส หรือ เปรูเวียล นีโว โซล (PEN) สำหรับอัตราค่าเงิน 1 PEN = 10 บาทไทยโดยประมาณ อาจจะแลกเงินไทยเป็นดอลลาร์ก่อน แล้วค่อยมาแลกเงินท้องถิ่นที่นี่ก็ได้ แต่ถ้าจะเอาสะดวกก็พกบัตรเอทีเอ็มไปด้วย สามารถกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้เช่นกัน โดยเสียค่าธรรมเนียม 300 บาท ต่อการกดเงินสด 1 ครั้ง กดได้ครั้งละ 10,000 - 15,000 บาท
3. เที่ยวเปรู ไม่ต้องทำวีซ่า
แบ็กแพ็กเกอร์ชาวไทยสามารถไปเที่ยว มาชู ปิกชู ได้สะดวกสบาย เพราะการเดินทางเข้าประเทศเปรู ไม่ต้องทำวีซ่า แค่มีพาสปอร์ตไทยอย่างเดียวก็อยู่เที่ยวเปรูได้นาน 90 วัน
4. การเดินทางสู่เปรู
จากเมืองไทยเลือกบินข้ามทวีปได้ 2 เส้นทาง คือ
- บินจากไทยไปเปลี่ยนเครื่องที่ยุโรป อันนี้ไม่ต้องใช้ Transit visa ราคาตั๋วประมาณ 60,000 บาท
- บินจากไทยไปลงที่ฮ่องกงหรือญี่ปุ่น แล้วไปเปลี่ยนเครื่องที่อเมริกา จากนั้นต่อเครื่องมาที่อเมริกาใต้อีกที ราคาตั๋วประมาณ 50,000 บาท (จุดนี้ ถ้าได้ตั๋วโปรจะดีมาก) รวมใช้เวลาเดินทางประมาณ 24 ชม.
5. เมืองหลวงลิมา สู่ คุซโค
เครื่องลงที่ ลิมา (Lima) เมืองหลวงของเปรู จากนั้นเดินทางต่อ เข้าสู่เมือง คุซโค (Cusco) แล้วนั่งรถไฟหรือรถบัสเข้ามาที่เมือง อากวัส คาเลียนเตส (Aguas Calientes) ตั๋วรถไฟแพงกว่าแต่ประหยัดเวลามากกว่า นั่งรถไฟใช้เวลา 4 ชม. รถบัส 6 ชม. พอถึงเมืองอากวัส คาเลียนเตส จะมีรถบัสให้บริการพาไปยังมาชู ปิกชู (Machu Picchu) ใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาที
...
6. ถึงแล้ว! มรดกโลก มาชู ปิกชู
สำหรับการเที่ยวชมมรดกโลก มาชู ปิกชู จะต้องซื้อตั๋วเข้าชมก่อน ซึ่งมีด้วยกัน 3 แบบ คือ
- ตั๋วเที่ยวชม มาชู ปิกชู อย่างเดียว ประมาณ 1,200 บาท
- ตั๋วแพ็กเกจ Machu Picchu + Mountain Machu Picchu ราคา 1,400 - 1,500 บาท
- ตั๋วแพ็กเกจ Machu Picchu + Wayna Picchu ราคา 1,400 - 1,500 บาท
(ไวนา ปิกชู เป็นยอดเขาอีกลูกหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน สูงกว่ามาชู ปิกชูประมาณ 360 เมตร เดินเท้าไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมง ต้องจองตั๋วล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน)
7. ช่วงเวลาที่ควรไปเยือน
สภาพอากาศของประเทศเปรู จะสลับกันกับเมืองไทย คือช่วงกลางปีแบบนี้บ้านเราจะร้อนและมีฝนตก แต่เปรูช่วงนี้เป็นหน้าหนาว แต่ก็ไม่ได้หนาวถึงขั้นติดลบ อุณหภูมิช่วงกลางวันอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส กลางคืนประมาณ 5 องศาเซลเซียส
...
8. ค่าใช้จ่าย อาหาร และโรงแรม
สำหรับการเลือกที่พัก สามารถพักโรงแรมแบบโฮสเทลได้ในราคาถูก ประมาณ 250-350 บาท ส่วนค่าอาหารตามร้านอาหารท้องถิ่น แต่ละมื้อก็ตกประมาณ 80-100 บาท มื้อเย็นประมาณ 200 บาท ร้านอาหารมีอยู่ทั่วไป หาไม่ยาก
ถ้าอยากประหยัดกว่านั้น สามารถซื้อของมาทำกินเอง โฮสเทลที่นี่ส่วนใหญ่จะมีห้องครัวให้ แต่ถ้าอยากกินร้านหรูหน่อย ก็มีให้เลือกเช่นกัน ตกประมาณมื้อละ 400-500 บาท รวมๆ ก็ตกประมาณวันละ 1,000 บาท
9. ภาษาในการสื่อสาร
คนที่นี่ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ เช่น พนักงานร้านอาหาร พนักงานโรงแรม พนักงานรถไฟ แต่ถ้าจะนั่งบัสหรือเข้าร้านอาหารท้องถิ่น เขาพูดอังกฤษไม่ได้ ต้องสื่อสารด้วยภาษาสเปน แนะนำให้ลองเรียนภาษาสเปนระดับพื้นฐานมาสักหน่อย ก็จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ง่ายขึ้นเยอะ อาจจะโหลดแอพพลิเคชั่นภาษาสเปนมาเป็นตัวช่วยลองฝึกดูก็ได้ (แบ็กแพ็กเกอร์หนุ่มใช้แอพนี้ : Duolingo)
...
10. เช็กร่างกายให้พร้อม
เนื่องจากภูมิประเทศของเปรู อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลหลายพันเมตร สำหรับบางคนการขึ้นที่สูงขนาดนี้ อาจทำให้เกิดอาการ Altitude Sickness หรือโรคแพ้ที่สูง มักจะมีอาการปวดหัว มึนหัว ต้องพักและให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว ในบางรายอาจมีอาการรุนแรง
ถ้าไม่มั่นใจสามารถไปตรวจเช็กร่างกายก่อนไปเที่ยวได้ที่ คลินิกท่องเที่ยว โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน (อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ราชวิถี) ซึ่งมีหมอเฉพาะทาง คอยดูแลเรื่องอาการป่วยที่เกิดจากการท่องเที่ยวโดยตรง สามารถขอคำปรึกษาได้
เอาเป็นว่า...ใครอยากตามรอยไปชมนครสาบสูญอินคาอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ เก็บตังค์ตั้งแต่ตอนนี้เลย เริ่มค่ะ!
ที่มาภาพ : คุณหมอนักเดินทาง IG : shegotyouhighs