สวัสดีท่านผู้อ่านไทยรัฐอีกครั้งครับ ช่วงนี้ฝนเริ่มตกหลายพื้นที่แล้ว วันนี้แบกกล้องเที่ยว เลยจะพาไปรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งซึ่งเหมาะกับการเดินทางช่วงหน้าฝนอย่างมาก นั่นคือ ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
การเดินทางของแบกกล้องเที่ยวแบบประหยัดเริ่มต้นจากหมอชิตไปลง บขส.พิษณุโลก ค่ารถ 304 บาท เลือกเที่ยวรถ 22.30 - 23.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. จะไปถึงประมาณไม่เกินตี 4 ต่อรถไปอำเภอชาติตระการโดยรถเมล์โดยสาร รถเที่ยวแรกเวลา 05.00 น. ค่ารถ 95 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2 - 3 ชม. จากนั้นนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปลงตลาดเทศบาลป่าแดง ค่ารถ 20 บาท หาข้าวเช้ากินและซื้อเสบียง จากนั้นนั่งรอรถสองแถวที่ข้างรถจะเขียนว่า ป่าแดง-ร่มเกล้า รถสองแถวสายนี้บางวันมี 2 คัน บางวันมีคันเดียว ค่ารถ 150 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. จะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 13.00 - 13.30 น. ยังทันเวลาพอเดินขึ้นลานสน (ถ้ามาถึงเกินเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่จะไม่ให้ขึ้นลานสนนะครับ ต้องรอขึ้นวันต่อไป)


...

ภูสอยดาว เป็นอีกสถานที่ที่นักท่องเที่ยวหลายคนเคยไปพิชิตมาแล้ว ถึงแม้หนทางจะแสนลำบากแค่ไหน แต่ปลายทางที่รออยู่นั้นคุ้มค่าแน่นอน อีกทั้งระหว่างทางก็มีวิวสวยๆ ทั้งทุ่งดอกไม้ อากาศบริสุทธิ์ รวมถึงเพื่อนร่วมทางดีๆ ที่สำคัญมีอีกจุดหมายที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงนั่นก็คือ การไปเก็บภาพความงามอันอัศจรรย์ของ ทุ่งดอกหงอนนาค ราชินีแห่งดอกไม้ ที่ผลิดอกบานสะพรั่งห่มคลุมทั่วทุกทุ่งกว้าง รวมไปถึง เอื้องหมายนา ลิลลี่ป่า ลิ้นมังกร กระดุมเงิน ว่านไก่แดง และผืนหมอกที่ปกคลุมป่าสนสามใบ เรียงรายไปไกลสุดสายตา




...
“ดอกหงอนนาค” เปรียบเหมือนนางเอกของภูสอยดาวก็ว่าได้ ซึ่งหากใครต้องการมาเจอนางเอกคนนี้เบ่งบานเต็มลานสน ก็ต้องมาในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน หากมาช่วงปลาย ต.ค. ที่ลมหนาวเริ่มมาเยือนก็จะเห็นบ้างแบบบางตา ดอกหงอนนาคมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หญ้าหงอนเงือก หรือ น้ำค้างกลางเที่ยง เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่ออกดอกในฤดูฝน ดอกจะมีทั้งสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก ยามเช้าจะหุบดอก และจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่ เป็นที่มาของชื่อน้ำค้างกลางเที่ยง โดยที่ภูสอยดาวนี้เป็นจุดที่มีดอกหงอนนาคทุ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ นอกจากนั้นก็ยังพบได้บ้างตามภูเขาอื่นๆ เช่น เขาสมอปูน ทุ่งโนนสน เขาใหญ่ เป็นต้น


...


ด้วยความสูงถึง 2,102 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ทำให้ภูสอยดาวมีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี และยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เดินอีกหลายเส้นทางด้วยกัน เอาเป็นว่าหน้าฝนนี้ลองไปพิชิต ภูสอยดาว กันสักตั้งไหมครับ...

...



สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ และเรื่องที่อยากบอกต่อก็คือ
1. ค่าเข้า อช.คนละ 40 บาท ค่ามัดจำขยะ 30 บาท ค่ามัดจำป้ายไม้ 50 บาท และค่าลูกหาบ กิโลกรัมละ 30 บาท
2. ร้านค้าด้านตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะเปิดแค่วันศุกร์-อาทิตย์
3. ผู้ที่ไม่ได้นำเต็นท์หรือถุงนอนมา สามารถเช่าได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวศูนย์ล่าง เต็นท์ 300 บาท/ 1 คืน ถุงนอน 30 บาท/ 1 คืน ส่วนเตาถ่านสามารถหาเช่าได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนลานสน ค่าเช่าเตาถ่าน 50 บาท/1 คืน แต่ต้องซื้อถ่านขึ้นไปเอง
4. ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนลานสนมีน้ำฝนรองใส่ถังไว้ สามารถนำมาต้มดื่มได้ในฤดูฝน หรือใครไม่มั่นใจก็ซื้อขึ้นไปเองได้ ส่วนในฤดูแล้งต้องซื้อน้ำดื่มขึ้นไปเอง
5. การเดินทางไปภูสอยดาวอีกวิธีนึง คือ การติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานให้มารับที่ บขส.พิษณุโลกถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และส่งเรากลับถึง บขส.พิษณุโลก ราคาจะอยู่ที่ 4,200 - 4,500 บาท แล้วแต่จะต่อรอง เหมาะสำหรับกลุ่มที่มากันเองหลายๆ คน ลองโทรไปที่ 0-5543-6793
ที่มา - แบกกล้องเที่ยว
www.itravelhip.com
www.facebook.com/baagklong